เธอคิดอย่างเซ็งๆ พลางมองซ้ายมองขวาสลับกับมองนาฬิกาเรือนละหนึ่งร้อยเก้าสิบเก้าบาทบนข้อมือ ถึงแม้ตรงป้ายนี้จะมีไฟส่องสว่าง เธอเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวในยุคข้าวของแพง มันไม่ปลอดภัยนัก
“เมื่อไหร่รถเมล์จะมาสักที”
บ่นพึมพำคนเดียว ชะเง้อไปมองทางที่รถจะมาหลายรอบก็ไม่เห็นรถมาสักที พอหันกลับมาก็เจอกับหนุ่มรุ่นพี่ทั้งสองคน
“อุ่น”
“พี่เจมส์ พี่โมทย์ ยังไม่กลับกันเหรอ”
เจมส์หันไปมองหน้าโมทย์ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้สาวน้อย
กลิ่นเหล้าหรือเบียร์ อรนลินไม่แน่ใจ แต่มันทำให้เธอขยับตัวลุกขึ้นยืนอย่างระแวดระวังทันที
“พี่รอคุยกับอุ่น”
“รอ? มีอะไรเหรอ”
“พวกพี่ถูกให้ออก” โมทย์เป็นคนตอบ
“อ้าว ทำไม?”
“นั่นสิ พี่ว่าเธอคงบอกพวกพี่ได้”
ชายทั้งสองก้าวเข้ามาหาท่าทางคุกคาม หน้าดุ ตาเรื่อแดง อรนลินถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
“อุ่นไม่รู้”
เธอจะรู้ได้ยังไงกัน ยังมึนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองอยู่เลย
“จะไม่รู้ได้ยังไง เธอถูกเรียกตัวไปแล้วพวกพี่ก็ถูกไล่ออก ทั้งที่มันไม่มีเค้าลางอะไรมาก่อน แล้วพวกพี่ก็ไม่ได้ทำผิดระเบียบอะไร”
โมทย์คำราม หัวเสีย งานคือบ่อเงินบ่อทองเดียว จะมีงานไหนสร้างรายได้ให้เขามากเท่านี้
“คนที่เรียกเธอก็คือผู้ช่วยเจ้านายใหญ่” เจมส์แค่นเสียงลอดไรฟัน
ไม่คิดมาก่อนว่า จู่ๆ จะถูกไล่ออก ข้อเดียวที่เขาคิดว่าอาจเป็นสาเหตุก็คือผู้หญิงตรงหน้า ผู้หญิงที่เขากำลังหาทางขย้ำจับกิน ยังไม่ทันได้เชือด ก็ถูกเล่นงานก่อน หรือเธอจะได้ยินเรื่องที่เขาคุยกับไอ้โมทย์แล้วไปฟ้องผู้จัดการ ถ้าเป็นแบบนั้น เธอมันร้ายลึกมาก
“เธอได้ยินเรื่องที่เราคุยกันงั้นสิ”
“ระ เรื่อง เรื่องอะไรกัน พี่สองคนเมาหรือเปล่า”
เธอเริ่มจะยืนไม่นิ่งแล้ว เห็นเค้าลางหายนะแปลกๆ ทั้งที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
“เรื่องที่ไอ้เจมส์มันอยากได้เธอ เธอได้ยินแล้วเอาไปฟ้องผู้จัดการชาติใช่มั้ย”
“อะไรกัน!”
เจมส์หน้าบึ้งตึงก้าวพรวดเข้ามาจับแขน เธอเกือบกรีดร้อง สะบัดแขนเต็มแรง กลัวกับการคุกคามจนอยากจะวิ่งหนี
“กูว่า เป็นเพราะเธอนี่แหละ เอาแม่งไปด้วยเลยไอ้เจมส์ ไหนๆ ก็ถูกไล่ออกแล้ว เอาตัวต้นเหตุแม่งให้ยับไปเลย”
“เออ”
เธอขนหัวลุกเกรียว รั้งตัวไว้เต็มที่พลางสะบัดแขนเต็มแรงเมื่อถูกลากไปยังรถยนต์ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
“ปล่อยฉันนะ พวกพี่ทำบ้าอะไรนี่”
“พี่คิดว่าน้องทำให้พวกพี่ถูกไล่ออก พี่เลยจะพาน้องไปทำเมียเอาคืนไง มานี่”
“บะ บ้าแล้ว ฉันไม่รู้เรื่อง ปล่อยฉันนะ ปล่อย! ไม่งั้นฉันจะร้อง”
“ร้องเลย ไม่มีใครอยากยุ่งเรื่องผัวเมียหรอก” เจมส์หัวเราะร่าอย่างข่มขวัญ
อรนลินหน้าซีด มองหาคนช่วย แต่ทั่วบริเวณนี้ไม่มีใครเลย นั่นเพราะด้านหลังโรงแรมหรูซึ่งกินพื้นที่กว้างมากไม่มีโรงงานไม่มีตึกสูง จะมีก็แต่อาคารพาณิชย์ห่างออกไปหลายร้อยเมตรทั้งสองด้าน ป้ายรถแห่งนี้ก็มีแค่พนักงานของโรงแรมเท่านั้นใช้บริการ บนถนนมีแค่รถยนต์ รถแท็กซี่ที่วิ่งผ่านมา
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!”
“หึ เปล่าประโยชน์”
ไม่ว่าจะแหกปากร้องยังไง ก็ไม่มีรถคันไหนหยุด ดิ้นรนขนาดไหนก็สู้แรงเจมส์กับโมทย์ไม่ได้ พวกมันจับแขนเธอคนละข้าง มือหนึ่งรวบเอวข้างหลังกันไม่ให้หลุดหนีไปได้
“อย่าทำบ้าๆ กับฉันนะ ช่วยด้วย!”
อรนลินดิ้นรนเหมือนคนบ้า เธอเหนื่อย หอบ เรี่ยวแรงเริ่มลดลง ขณะที่ความสิ้นหวังเพิ่มมากขึ้น เมื่อไม่มีใครสนใจเธอเลย หัวใจร่วงหล่นเมื่อเจมส์เปิดประตูรถกดหัวดันตัวเธอให้เข้าไป เธอหวาดกลัวไปหมด ไม่คิดเลยว่า คนที่เคยพูดจากันดีๆ จะมาทำตัวเลวทรามแบบนี้
“ไม่!”
“จะดีดดิ้นทำไมวะ เก็บปากไว้ครางจะดีกว่าไหมอีน้อง” โมทย์ตะคอก
“ไอ้บ้า ฉันไม่ไป ปล่อย! ช่วยด้วย!”
มันทั้งสองกลับหัวเราะร่า อรนลินน้ำตาไหล มองเห็นชะตากรรมของตัวเองในไม่กี่นาทีข้างหน้า
มันเกิดเรื่องบ้าๆ อะไรกับชีวิตเธออีก
ทว่า! เสียงหนึ่งที่ดังขึ้นในช่วงฟ้าพลิกแผ่นดินคว่ำทำให้สาวน้อยยิ่งน้ำตาพัง ใจเต้นรัวด้วยความยินดี
“เฮ้ย!”
“เรื่องผัวเมียอย่าเสือก!”
เจมส์หันไปตวาดกร้าว แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก ตัวชาแขนขาเกร็งเมื่อเห็นหน้าคนที่ยื่นมือเข้ามาสอด อาการของเพื่อนทำให้โมทย์หันไปมองบ้าง ก่อนจะเกิดอาการเดียวกัน
อรนลินไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่าผลักทั้งสองให้เปิดทางแล้วพุ่งตัวออกห่างจากรถ เพียงเพื่อจะชะงักกึกกับหน้าคมดุแววตาเย็นชาของ ...คุณธาม
ปฏิพัทธ์มองหน้าอดีตพนักงานทีละคน ท่าทางพวกมันบอกว่า สองคนนี้รู้จักเขา
“เธอเป็นเมียผมครับ เราทะเลาะกันนิดหน่อย” เจมส์เลือกจะพูดขึ้นก่อน
“ไม่จริง!”
“อุ่น... มีอะไรกลับไปคุยกันที่บ้าน”
“นั่นสิ มีอะไรก็คุยกันดีๆ ถึงเธอจะทำให้มันถูกไล่ออกจากงานไอ้เจมส์มันก็ไม่โกรธหรอก” โมทย์ย้ำเสียงอ่อนอีกคน
ปฏิพัทธ์มองพวกมันด้วยสายตาเย็นชา ใช้มือคีบบุหรี่ดึงออกจากปาก ปล่อยควันลอยอ้อยอิ่ง เบนสายตามายังดวงหน้าตื่นตระหนกจนหมดสีเลือดของสาวน้อย
“ถ้าไม่อยากไปกับพวกมันก็ตามมา”
เขาทิ้งบุหรี่ เหยียบดับด้วยเท้า หมุนตัวเดินกลับไปขึ้นรถ ไม่กลัวว่าจะถูกเล่นงานจากพวกนักเลงกระจอกที่ทำได้แค่ฉุดคร่าผู้หญิง