ท่ามกลางความเงียบที่ปกคลุมภายในรถยนต์หรูสีดำ อานนท์เอ่ยคำสั่งเสียงเรียบ แต่แฝงไว้ด้วยอำนาจที่ทำให้ผู้ฟังต้องปฏิบัติตามโดยไม่มีข้อโต้แย้ง
"ไปดูบ้านหลังนั้น" เสียงทุ้มนุ่มของเขาดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ที่ทำงานเบาๆ และเสียงเม็ดฝนที่ยังคงกระทบกระจกเป็นระยะ
"รับทราบครับนาย" เสียงรุจน์ลูกสมุนคนสนิทอีกคนที่นั่งอยู่เบาะหน้าตอบรับคำสั่งอย่างว่าง่าย น้ำเสียงนอบน้อมและเคารพ
ขบวนรถยนต์สีดำสนิททั้งสี่คัน เคลื่อนตัวไปตามถนนลาดยางที่เปียกชื้น แสงไฟหน้ารถสาดส่องนำทาง แหวกผ่านความมืดมิดและสายฝนที่ค่อยๆ ซาเม็ดลง เหลือเพียงละอองฝนบางเบาที่ยังคงโปรยปราย เมื่อรถยนต์คันนำชะลอความเร็วและเลี้ยวเข้าไปในถนนลูกรังเล็กๆ ที่นำไปสู่บ้านปูนชั้นเดียวหลังเก่า อานนท์ลดกระจกลงเล็กน้อย มองออกไปภายนอก สภาพบ้านที่ทรุดโทรมและเงียบสงัดภายใต้สายฝนที่เริ่มเบาบาง ทำให้ดวงตาคมกริบของเขามีประกายบางอย่าง ลูกสมุนขับรถเข้าไปจอดสนิทตรงหน้าประตูรั้วเก่าที่ขึ้นสนิม
อานนท์เปิดประตูลงจากรถ รุจน์ รีบกางร่มสีดำขนาดใหญ่ให้เขาทันที ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำก้าวเดินอย่างสง่างาม ท่ามกลางละอองฝนที่ยังคงโปรยปราย มองสำรวจบ้านหลังนั้นอย่างละเอียด
"ไอ้แก่สารเลวนั่นเคยอยู่ที่นี่ใช่ไหม" เขาหันไปถามลูกน้อง
"ใช่ครับนาย พวกเราได้ข้อมูลมาว่ามันอาศัยอยู่ที่นี่กับลูกสาวบุญธรรม" รุจน์ รีบตอบ
อานนท์พยักหน้าช้าๆ
"ลูกสาวบุญธรรม...หึ" เขาเดินเข้าไปใกล้ตัวบ้าน มองผ่านหน้าต่างที่มืดมิดเข้าไปข้างใน
"เข้าไปดูข้างใน" เขาสั่ง ลูกน้องสองคนเดินเข้าไปเปิดประตูรั้วที่ไม่ได้ล็อค และตรงไปยังประตูบ้านที่ดูเหมือนจะไม่ได้ปิดสนิท พวกเขาหายเข้าไปในความมืดมิดของตัวบ้านครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับออกมา
"ข้างในไม่มีใครอยู่ครับนาย รกร้างเหมือนทิ้งไว้นานแล้ว" ลูกน้องคนหนึ่งรายงาน อานนท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย
"ไม่มีใคร...แล้วไอ้แก่กับลูกสาวมันหายไปไหน" เขาถาม ลูกน้องอีกคนรีบตอบ
"พวกเรากำลังตรวจสอบรอบๆ บ้านอยู่ครับนาย เผื่อจะมีร่องรอยอะไรบ้าง"
อานนท์ยืนอยู่ภายใต้ร่มสีดำ มองไปยังบ้านหลังนั้นด้วยสายตาครุ่นคิด ละอองฝนยังคงโปรยปรายลงมาบางเบา ราวกับกำลังพรมพื้นดินที่เปียกชื้น
ท่ามกลางความมืดมิดที่เริ่มคลายตัวลงเล็กน้อยหลังสายฝนซา ภริตาค่อยๆ เดินกลับมาตามถนนที่คุ้นเคย เมื่อใกล้ถึงบริเวณบ้าน หัวใจของเธอก็เต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้ร่างทั้งร่างชาวาบ รถยนต์หรูสีดำเงาหลายคัน และรถตู้ทึบอีกจำนวนหนึ่ง จอดเรียงรายเปิดไฟหน้าสว่างจ้าอยู่หน้าบ้านของเธอ ท่ามกลางความมืดมิด พวกเขายังไม่ไปไหน...
"ไม่นะ..." ภริตาพึมพำกับตัวเองอย่างสิ้นหวัง เสียงแผ่วเบาแทบไม่ได้ยิน ท่ามกลางกลุ่มลูกน้องในชุดสูทสีดำที่ยืนกระจายตัวอยู่รอบบริเวณบ้าน แสงไฟจากรถยนต์สาดส่องกระทบร่างสูงใหญ่ของพวกเขา ดูน่าหวาดหวั่นราวกับยมทูตที่มารอรับวิญญาณ
สายตาของภริตาพลันสะดุดกับร่างของชายหนุ่มคนหนึ่ง รูปร่างสูงสง่า บุคลิกและท่าทางของเขาแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดจากชายชุดดำคนอื่นๆ เขามีท่าทางที่ทรงพลัง แผ่รังสีอำนาจออกมาอย่างน่าเกรงขาม และจากการปฏิบัติตัวของชายชุดดำคนอื่นที่มีต่อเขา ภริตารู้ได้ทันที...ผู้ชายคนนี้คือ หัวหน้า!
ความรู้สึกเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในหัวใจของภริตา ตัวของเธอสั่นเทาขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ ความกลัวที่เคยจางหายไปชั่วขณะ บัดนี้กลับหวนคืนมาทวีความรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
เธอซุ่มดูอยู่หลังพุ่มไม้รกริมรั้วเก่าอย่างเงียบเชียบ ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวหรือลุกหนีไปไหน เพราะกลัวว่าพวกเขาจะสังเกตเห็นความผิดปกติในการเคลื่อนไหวของบางสิ่งบางอย่างในความมืดมิดนี้
ทันใดนั้นเอง เสียงเห่าของสุนัขก็ดังขึ้นก้องกังวานในความเงียบสงัดของยามค่ำคืน
"โฮ่ง! โฮ่ง!" เสียงเห่าที่ดุดันและใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว ทำเอาภริตาตกใจสุดขีด เธอเผลอกรีดร้องออกมาสุดเสียงอย่างไม่ทันตั้งตัว
"กรี๊ด!" เสียงแหลมเล็กดังขึ้นท่ามกลางความมืด
ร่างของภริตาสะดุ้งเฮือก หงายหลังและล้มลงไปกับพื้นดินเปียกชื้น เธอเงยหน้าขึ้นด้วยความตื่นตระหนก ภาพที่ปรากฏตรงหน้ายิ่งทำให้หัวใจของเธอแทบหยุดเต้น สุนัขสีดำตัวใหญ่สองตัว ถูกเชือกจูงไว้โดยชายชุดดำสองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล กำลังจ้องมองมายังเธอ ดวงตาของสุนัขวาวโรจน์ ในความมืด พร้อมกับเสียงขู่ต่ำๆ ที่ดังอยู่ในลำคอ
ภริตาตกใจจนพูดไม่ออก แท้ที่จริงแล้ว กลุ่มชายชุดดำใช้สุนัขดมกลิ่นเพื่อค้นหาผู้ที่อาจเกี่ยวข้องกับบ้านหลังนี้ สุนัขสัมผัสได้ถึงกลิ่นแปลกปลอมที่ยังคงอบอวลอยู่บริเวณโดยรอบ พวกมันจึงวิ่งวนเวียนตามกลิ่น จนกระทั่งมาพบกับเธอที่ซุ่มดูพวกเขาอยู่หลังพุ่มไม้
เสียงเห่าของสุนัขที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเสียงกรีดร้องตกใจของหญิงสาว ทำให้กลุ่มคนที่อยู่ในบ้านทั้งหมดหันขวับมายังจุดเดียวกัน แสงไฟฉายหลายดวงถูกสาดส่องไปยังบริเวณที่ภริตาล้มอยู่ ความมืดมิดที่เคยเป็นเกราะกำบัง บัดนี้กลับกลายเป็นเวทีที่เปิดเผยตัวตนของเธออย่างชัดเจน...เธอถูกพบตัวแล้ว