สายป่านมองท้ายรถคันหรูขับออกไปจากหน้าบ้านในเวลาสามโมงเย็น เธอเดินกลับเข้าไปในบ้านที่ไม่มีคนรับใช้สักคนอยู่ในนั้นพร้อมกับกรีดร้องระบายอารมณ์อัดอั้น “อ๊าย! อีแก่ อีบ้า! อ๊ายย! เพล้ง! ตุ่บ เพล้งๆ! “ตายๆไปซะ!! อ๊ายย!" มือบางทาสีเล็บสวยคว้าแจกันขนาดพอดีมือฟาดไปตรงกระจก เพล้ง!!!! เพล้ง!!!! ความกรุ่นโกรธมีมากขึ้นตามลำดับเมื่อนึกถึงหน้าแม่ยายที่เธอเห็นครั้งล่าสุดเมื่อสองปีก่อนคำพูดภากถางที่เธอจำได้ขึ้นใจ ‘เมื่อไหร่จะมีหลานให้แม่ล่ะยัยป่าน แม่แน่ใจว่าตารุติไม่ใช่คนไม่มีน้ำยานะ เธอมีอะไรผิดปกติมากกว่าอาการสติไม่ค่อยดีรึเปล่าถึงมีลูกไม่ได้ แม่คิดแล้วว่าอย่าแต่งกันตั้งแต่แรกก็ไม่เชื่อทายาทก็มีให้ไม่ได้งานการก็ไม่ทำ แค่แต่งมาเป็นไม้ประดับงั้นเหรอเนี่ย’ สีหน้าท่าทางของแม่สามีที่เกลียดเธอตั้งแต่วันแรกเป็นยังไงตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น นั่นคือเหตุุผลที่เธอไม่ตามสามีไปอยู่บ้านใหญ่แต่ขอให้เขามาซื้อที่ข้างๆบ้านเก่าของเธอซึ่งเป็นบ้านจัดสรรแค่หนึ่งล็อกขยายออกเป็นสี่ล็อกและรื้อจัดทำใหม่ทั้งหมดเป็นบ้านสองชั้น ด้วยความที่พ่อเธอตายไปนานหลายปีแล้วและพี่น้องก็แยกย้ายกันไปหมดเธอจึงอยู่ที่นี่กับสามีแค่สองคน มีคนทำความสะอาดบ้านรวมแม่ครัวเป็นสี่คน คนสวนสองคนและคนขับรถอีกสองคนอย่างสุขสบาย
ใบหน้าสายป่านยับย่นเมื่อนึกถึงความหลัง
ย้อนกลับไปตอนสมัยที่เรียนอยู่มหา’ ลัยในกรุงเทพฯสายป่านพยายามจีบนรุติเพราะรู้ว่าเขา ‘รวยมาก’ เธอต้องฝ่าฟันอะไรมากมายทั้งสาวๆ ที่คอยส่งไลน์หารุติ ทั้งคำถากถางตบตีกับแฟนคลับของเดือนมหาลัยในสมัยนั้นเธอก็ผ่านมันมาหมดแล้ว หลังจากที่เธอเข้าโรงพยาบาลเพราะถูกทำร้ายทั้งๆ ที่เป็นคนไปหาเรื่องฝ่ายนั้นก่อน ‘นรุติก็ไม่เคยรู้’ แต่ตอนนั้นเองสายป่ายกลับได้ใจของรุติไปเต็มๆ ทั้งคู่เริ่มไปมาหาสู่กันก่อนจะตกลงอยู่ด้วยกัน เมื่อขึ้นปีสาม นรุติพาสายป่านกลับบ้านใหญ่ที่เชียงใหม่ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ พี่ชายและน้องชายต่างรับรู้ว่าทั้งสองคนเป็นแฟนกัน สายป่านรู้ตั้งแต่ตอนนั้นว่า ‘ตำนานแม่ผัวกับลูกสะใภ้’ มันเป็นยังไงเมื่อได้มาเจอเข้ากับตัวเอง ความเปรียบเทียบย่อมมีขึ้นเมื่อลูกชายคนโตมีสะใภ้ร่ำรวยเป็นผู้หญิงเก่งเหมาะสมกัน แต่ว่าที่สะใภ้คนรองนั้นไม่ใช่…สายป่านมาจากครอบครัวข้าราชการธรรมดาจึงดูเหมือนกับว่าแม่สามีจะไม่ชอบเธอ ‘หึ..กว่าเธอจะจับนรุติได้เธอก็ผ่านอะไรมาไม่น้อยเธอคิดเสมอว่าหากไม่มีรุติ..เธอก็คงไม่มีวันนี้วันที่นั่งเป็นคุณนายชูคอเฉยๆ อยู่กับบ้าน’ ยิ่งคิดถึงเรื่องเก่าๆ ก็ยิ่งแค้นใจ
“อ๊าย!!” เพล้ง!!! เพล้ง!! แจกัน กระจกแก้ว โซฟาถูกกรีดจนเป็นรอยขาดกระจุย อาการแสบตรงฝ่ามือทำให้เธอรับรู้ว่าแก้วบาดจนเลือดไหลเป็นทางหยดลงบนพื้นกระเบื้องสวยหรู เธอยกฝ่าเท้าถูหยดเลือดของตัวเองจนรอยสีแดงซีดจางลงไป นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอปลดปล่อยอารมณ์เกรี้ยวกราดออกมาเพื่อคลายความกดดันแต่เธอทำมันมาหลายครั้งนับตั้งแต่วันที่แม่สามีเหน็บแนมเธอตอนสมัยเรียน บางครั้งที่นรุติถามว่าเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ใหม่หรือ เธอตอบเพียงแค่ว่า ‘ใช่ค่ะอยู่บ้านเฉยๆ ฉันอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง’ ซึ่งสามีก็ไม่ว่าอะไร เขาบอกว่าถ้าอยู่เฉยๆ ให้เธอออกไปเที่ยวบ้าง บัตรเครดิตรูดไม่จำกัดวงเงินก็มีให้เธอใช้ไม่ขาดมือ ล่าสุดสามีบอกให้ติดตั้งกล้องวงจรปิดแต่เธอปฏิเสธไปพร้อมบอกว่ารอให้มีลูกก่อนค่อยทำ..จนถึงวันนี้
สายป่านยืนนิ่งๆ อยู่กลางห้องรับแขกของบ้านอย่างข่มอารมณ์ เธอเดินหันหลังออกไปหน้าบ้านตะโกนเรียกลุงสมคนขับรถให้พาเธอไปทำแผลที่ ‘คลีนิคหมอภูมิ’ คลีนิคเปิดใหม่ที่ใครๆ ว่ากันว่าหมอหล่อมาก
สามวันต่อมา
วันนี้คือวันที่สองคนแม่ลูกได้ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วหลังจากที่นอนพักรักษาตัวฟรีโดยมีคุณสายป่านเป็นคนจ่ายเงินล่วงหน้าให้ทั้งหมด ทั้งคู่จึงเดินทางกลับบ้านทันทีพร้อมกับที่เฟบบริก้าและแม่ตัดสินใจแล้วว่าจะไปรับจ้างอุ้มบุญให้สายป่านด้วยจำนวนเงินสิบล้านบาทและนำเงินนั้นมาไถ่โฉนดที่ดินของพ่อ
เมื่อรถโดยสารเดินทางมาถึงหน้าบ้านสองแม่ลูกกลับพบว่าลูกน้องของกำนันเปี่ยมกำลังยืนรอพวกเธออยู่สามคน พวกมันเดินเข้ามาหาด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม
“ไงจ๊ะน้องเฟบบริก้าคนสวยของพี่กลับมาจากโรงพยาบาลมีเงินมาฝากพี่รึเปล่าเอ่ย” ไอ้ยอดหัวหน้าคนทวงหนี้คนเดิมถามอย่างยียวน
“ถอยไปนะไอ้ยอด” แม่มณีเดินมาขวางด้านหน้าทันที “ไปบอกกำนันเปี่ยมว่าฉันขอเวลาสามวันจะเอาเงินหกล้านไปคืน ให้เขาเตรียมโฉนดที่ดินให้ฉันด้วย”
“5555” ไอ้ยอดเงยหน้าหัวเราะลั่น “จะเอาเงินที่ไหนมาไถ่ล่ะจ๊ะแม่มณีจ๋า ทุกวันนี้จะมีเงินกินข้าวรึเปล่าก็ยังไม่รู้ ฉันว่าแม่มณีเอาเวลาเพ้อเจ้อเนี่ยไปเตรียมเก็บข้าวของให้น้องเฟบไปอยู่กับกำนันมันจะง่ายกว่ามั้ย” ไอ้ยอดกับพวกโห่กันเสียงดัง
“พวกพี่กลับไปก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวเฟบขอเวลาคิดสักสองวันถ้าเฟบหาเงินไม่ได้เฟบจะเข้าไปหาลุงกำนันเองนะ” เฟบบริก้าพูดออกมาดีๆ
“แหมๆ ถ้าน้องบอกพี่แบบนี้ตั้งแต่แรกอะไรมันก็ไม่ยาก เดี๋ยวพี่จะไปบอกให้กำนันเปิดห้องรอน้องนะจ๊ะคนสวยของพี่” พูดจาแทะโลมอีกหนึ่งครั้งก่อนจะพากันกลับไป 'ขนาดวันที่ออกจากโรงพยาบาลพวกมันยังรู้แล้วแบบนี้จะหนีไปไหนได้' ทำหน้าเศร้า
สองแม่ลูกรีบเข้าไปในบ้าน เฟบบริก้าเก็บของใช้ของตัวเองใส่กระเป๋าเดินทางออกมา เธอเห็นแม่มณียืนรออยู่ทำน้ำตาคลอหน่วย
“ไม่เอาค่ะแม่ อย่าร้องเฟบแค่ไปอุ้มท้องให้เขาไม่ใช่ไปนอนกับเขาเสียเมื่อไหร่ล่ะคะ” เดินไปกอดแม่ตัวเองแล้วพากันเดินมาหน้าบ้านตรงที่มีรถรับจ้างรออยู่ “เรื่องมันอาจจะง่ายกว่าที่เราคิดก็ได้นะคะ” นามบัตรของคุณสายป่านถูกยื่นให้คนขับรถดูก่อนจะพากันเดินทางร่วมครึ่งชั่วโมง
กำแพงสีขาวสูงตระหง่านบ่งบอกได้ว่าฐานะของเจ้าของบ้านช่างใหญ่โตมากเกินกว่าที่เธอจะถอยหนีกลับไปได้ ประตูเหล็กมีลวดลายสีดำกั้นระหว่างตัวเธอกับพื้นที่ของบ้านด้านใน..เฟบรู้ดีว่าสิ่งที่เลือกคือทางออกที่ดีที่สุดแล้วเพราะถ้าไม่เลือกทางนี้เธอจะหาเงินมากมายจากที่ไหนเพื่อไปจ่ายค่าที่ดินที่แม่เธอเอาไปจำนองมากกว่าหกล้าน..น้ำตาใสไหลรินลงจากดวงตากลมโตของสาวน้อยลูกครึ่งวัยสิบแปดย่างสิบเก้าปี อีกครั้ง เพื่อสอบถามรายละเอียด
'ถ้าเธอตกลงฉันจะจ่ายให้เธอสิบล้านบาท ก้อนแรกจะให้ก่อนเจ็ดล้านเพื่อไปไถ่ที่ดินของเธอและอีกสามล้านบาทเมื่อเธอทำงานเสร็จมีแค่ฉันที่ช่วยเธอได้'