“ไม่ได้ค่ะ..เราต้องมีคุณไม่เข้าใจหรอกว่าพวกเพื่อนๆ มันนินทาป่านว่ายังไง มันบอกว่าคุณไร้น้ำยาบอกว่าเราแก่แล้วไม่มีทางมีลูกได้” สายป่านกำมือแน่นสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ เหมือนพยายามข่มอารมณ์ดิบภายในตัว ‘อารมณ์ที่สามีไม่เคยรู้ว่ามันมี’ เธอจะไม่ยอมให้เพื่อนเก่าพวกนั้นมาดูถูกสามีว่าไม่มีน้ำยา ไม่ยอมให้ใครว่า ไม่ยอม “คนที่จะอุ้มบุญต้องมีอายุเท่าไหร่ถึงจะดี”
“ฉันว่าสักยี่สิบไม่เกินสามสิบก็แข็งแรง เอาเป็นว่าเน้นว่าสภาพร่างกายแข็งแรงและไม่แก่มาก ส่วนหน้าตาก็แล้วแต่เธอเลย”
สายป่านทำเพียงแค่คิดก่อนจะเงยหน้ามองนาฬิกา 13.20น. นรุติต้องไปดูงานที่ต่างจังหวัดอีกสามวันแล้วคำพูดถากถางจากเพื่อนเก่าก็ดังขึ้นอีกครั้ง ‘ไม่มีลูกมัดใจ ไปต่างจังหวัดก็บ่อยระวังนะเขาจะทิ้งเธอไปหาสาวๆ’ สายป่านเม้มปากจนบิดเบี้ยวไปหมด ‘หึ..ถ้าฉันรู้ว่ารุติมีใครนอกจากฉันแน่นอนว่านังนั่นตายแน่’
-------+----------------++++++++++
หน้าห้องพยาบาล304
เฟบบริก้านั่งร้องไห้รอหมออยู่หน้าห้องมาประมาณครึ่งชั่วโมงหลังจากที่คุณลุงกับคุณป้าแถวบ้านขับรถมาส่งเธอกับแม่ เธอภาวนาให้แม่ของเธอไม่เป็นอะไรเพราะท่านคือที่พึ่งสุดท้ายแล้วในยามนี้ถึงแม้ว่าที่ดินจะถูกยึดและไม่รู้ว่ากลับไปแล้วจะต้องไปอยู่กันที่ไหนแต่อย่างน้อยกำนันเปี่ยมก็คงไม่ใจร้ายไล่เธอออกจากบ้านทันทีแน่นอน ยิ่งคิดน้ำตาก็ยิ่งไหลที่นาสองไร่ที่พ่อเป็นคนซื้อ บ้านหลังน้อยที่มีความทรงจำของเธอมากมายกำลังจะกลายไปเป็นของคนอื่น “ฮึ่ก!! ฮืออออ” ความอัดอั้นตันใจของสาวน้อยวัยสิบแปดเกือบจะสิบเก้าปีมันจะทนได้นานแค่ไหนกัน “ฮืออ”
“หนู…” เสียงเรียกนุ่มนวลดังขึ้นด้านบนศรีษะ ในใจพลางครุ่นคิดว่าคงจะเป็นพยาบาลเดินมาบอกอาการของแม่ “หนู”
เฟบเงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงท่าทางใจดีหน้าตาสะสวยที่ตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเธอ ด้านหลังมีผู้ชายตัวใหญ่หน้าตาหล่อเหลาคาดว่าคงจะเป็นสามีภรรยากัน
“มีอะไรให้ฉันช่วยมั้ย?” จบคำถามของคุณผู้หญิงเฟบทำเพียงแค่ส่ายหน้า “อายุเท่าไหร่จ้ะ” ความแปลกใจฉายชัดขึ้นบนใบหน้าสวยของเด็กสาวลูกครึ่ง
แม้เฟบบริก้าจะแปลกใจแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เธอเช็ดหน้าเช็ดตาก่อนจะพูดออกมาว่า “เกือบจะสิบเก้าปีแล้วค่ะ คุณมีอะไรคะ” จากลักษณะท่าทางที่ดูแล้วคงจะไม่ใช่คนร้ายมันทำให้เธอค่อนข้างผ่อนคลายความระมัดระวังตัว
“ไม่มีอะไรแค่เห็นเธอร้องไห้จึงเข้ามาถามน่ะ”
“ฉันแค่มีเรื่องนิดหน่อยน่ะค่ะ ขอบคุณนะคะ”
ผู้หญิงที่ดูท่าทางร่ำรวยคนนั้นดูเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับเฟบบริก้าแต่ว่ามีพยาบาลเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินเสียก่อน
“ญาติของคุณมณีค่ะ” พยาบาลสาวพูดพร้อมกับมองไปรอบๆ จากสายตาที่เห็นมีเพียงคนสามคนอยู่ตรงนี้ “คุณมณีต้องทำเรื่องนอนที่โรงพยาบาลนะคะใครเป็นญาติรบกวนตามดิฉันมาทางนี้เลยค่ะ” พยาบาลคนสวยผายมือเชื้อเชิญ
“คุณพยาบาลคะ!!” เฟบบริก้ารีบลุกขึ้นตามพยาบาลไปพร้อมกับพูดออกมาเสียงไม่ดังนัก “คือว่าฉันไม่มีเงินมากถึงขนาดต้องนอนที่โรงพยาบาลนะคะ” ถึงแม้ว่าการที่เธอจะทำเรื่องออกจากที่นี่ไปเธอก็ไม่มีที่ซุกหัวนอนอยู่ดีแต่เมื่อคิดว่าโรงพยาบาลเอกชนที่คนข้างบ้านพามาส่งนี้จะเก็บค่าตรวจรักษากี่บาทเธอก็คงจะต้องหามาจ่ายแต่ถ้านอนต่อคืนจะต้องเสียอีกกี่หมื่น “บ้านของเราจนมากคุณพยาบาลทำเรื่องออกให้เลยได้มั้ยคะหนูขอพาแม่ไปพักรักษาตัวที่บ้านค่ะ”
พยาบาลมีสีหน้าลำบากใจแต่เรื่องความปลอดภัยของคนไข้ย่อมมาก่อนแม้ว่าเรื่องค่าใช้จ่ายก็สำคัญ สองขาขาวหยุดลงและหันมามองเด็กสาวตาสีฟ้าสวย “ตอนนี้แม่ของน้องยังไม่ฟื้นเลยนะคะ เมื่อครู่คุณหมอเพิ่งจะเย็บแผลที่ขาเพราะถูกอะไรสักอย่างบาดเป็นทางยาวหากน้องอยากจะพาคุณแม่กลับ น้องลองไปคุยกับคุณหมอก่อนดีกว่านะคะ” เธอรู้สึกเห็นใจน้องคนนี้มาก ดูจากชุดเสื้อผ้าที่ใส่ก็รู้ว่าน้องไม่มีเงินแต่ในเมื่อรักษาไปแล้วยังไงน้องก็ต้องหาทางมาจ่าย
“ขอโทษนะคะ” ผู้หญิงสวยที่ดูจะมีอายุมากกว่าสามสิบปีเดินมาพูดใกล้พยาบาลกับน้องลูกครึ่งผู้น่าสงสาร “ฉันจ่ายให้เองค่ะ ดิฉันจะรับเป็นเจ้าของไข้”
“_” เฟบบริก้ามองคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ยิ่งคำพูดออกมาจากปากของคุณผู้หญิงเธอก็ยิ่งสงสัย
“คุณพยาบาลไปทำเรื่องเลยนะคะ ดิฉันขอคุยกับน้องคนนี้สักครู่เดี๋ยวจะตามไปค่ะ”
พยาบาลทำแค่เพียงพยักหน้ารับแล้วเดินไปเตรียมเอกสารการนอนโรงพยาบาลทันที
นรุติพยายามจะดึงรั้งแขนของภรรยาไว้ ‘ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าภรรยาต้องการอะไร’ แต่ฝ่ายภรรยาอย่างคุณสายป่านกลับยื้อยุดแขนเรียวพร้อมกับพูดออกมาว่า
“ฉันเลือกแล้วค่ะรุติ”
&&&&
สวนดอกไม้ใกล้ๆ กับตึกพยาบาล เฟบบริก้ามองผู้หญิงที่อายุมากกว่าอย่างเหม่อลอย ตอนนี้สามีของคุณผู้หญิงไปทำเรื่องนอนโรงพยาบาลให้กับแม่เธอแน่นอนว่ามันเป็นห้องพิเศษราคาแพงทั้งๆที่เฟบบริก้าบอกไปแล้วว่าเธอไม่มีปัญญาที่จะใช้คืนแน่ๆ เพราะตอนนี้เธอกับแม่ยังเอาตัวไม่รอด ติดหนี้ที่ดินอีกหกล้านหากรวมค่ารักษาพยาบาลเข้าไปอีกเธอจะไปหามาจากไหนนอกจากจะต้องตายล้างหนี้เสีย หยดน้ำใสๆ ไหลรินออกจากดวงตาคู่สวยจนมันเปรอะเปื้อนไปหมดเธอยกหลังมือขึ้นมาปาดออกไปช้าๆ ความอัดอั้นตันใจทำให้เธอถามคำถามที่สงสัยออกมาทำลายความเงียบ
“คุณอยากจะพูดอะไรกับฉันคะ พูดมาเถอะค่ะ”
สายป่านมองเด็กสาวตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ใบหน้าสวยลูกครึ่ง นัยน์ตาสีฟ้า ผิวขาวจัดตัวสูงกว่าเธอเล็กน้อย “เรามาเข้าประเด็นกันตรงๆเลยนะสาวน้อย” ยกขาไขว่ห้าง “เธอเป็นลูกครึ่งอะไร?”
เฟบบริก้ามีสีหน้าแปลกใจกับคำถามนั้นแต่เธอก็ยังตอบออกมา “คุณพ่อเป็นคนอังกฤษคุณแม่ของฉันเป็นคนไทยค่ะ”
สายป่านคิดคำนวณถึงผลที่น่าจะออกมาได้ถ้าเธอจะใช้ไข่ของเด็กคนนี้ไปเลย ‘เด็กที่เกิดมาน่าจะเป็นลูกเสี้ยว ไทย75%อังกฤษ25% แสดงว่าตาของเด็กที่เกิดมาจะเป็นสีดำ75%’ ยิ่งคำพูดของหมอกานดาที่บอกว่าไม่แน่มันอาจจะเป็นยีนส์เด่นของคุณรุติทั้งหมด “ฉันอยากจะให้เธอมาอุ้มบุญให้ฉัน” ตอบโดยไม่ต้องคิดนานเมื่อมีคนมาให้เลือกพอดี
เฟบบริก้าตกใจอย่างมากกับข้อเสนอซึ่งมันเกินกว่าที่เธอจะยอมตกลงในทันทีได้ ‘นี่คือการที่คุณยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือใช่ไหม?’ ในสมองครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ตรงหน้า ผู้หญิงที่ไม่รู้จักกันเลยจู่ๆก็เข้ามาช่วยเหลือแน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ต้องการสิ่งตอบแทน ความเงียบเข้าปกคลุมพื้นที่รอบบริเวณมือบางของคนถูกยื่นข้อเสนอบีบกันจนแน่น เหงื่อเริ่มไหลซึมลงมาเต็มฝ่ามือ ‘เธออายุยังน้อยและไม่เคยมีลูกถ้าหากเธอยอมตกลงแล้วจะอุ้มท้องได้เหรอ ต้องทำยังไง?’
“แต่ฉันไม่ได้จะให้เธออุ้มบุญให้ฉันฟรีๆ ฉันจะให้เธอสิบล้านเป็นค่าตอบแทน เมื่อเธอคลอดลูกให้ฉันเสร็จเรียบร้อยแล้ว พอหมดหน้าที่ของเธอ เธอก็หอบเงินออกไปใช้อย่างสุขสบายกับแม่ของเธอและไม่ต้องกลับมาเจอฉันอีก” สายป่านมองสาวลูกครึ่งตรงหน้าอย่างหยั่งเชิงและพูดถึงความจำเป็นที่ต้องทำแบบนี้ “ฉันกับสามีอายุสามสิบสองปีแล้วและต้องการที่จะมีทายาทแต่เป็นเพราะฉันร่างกายไม่แข็งแรง ท้องกี่ครั้งก็แท้งทุกครั้งไปจนมดลูกของฉันไม่ทำงาน" สายป่านเงียบไปอึดใจ “เธอจะช่วยฉันได้ไหมเหมือนที่ฉันช่วยแม่ของเธอโดยไม่ลังเล”