ดวงใจนที ตอนที่ 2

1727 Words
เช้ามืดวันนี้ ณ ห้องแต่งตัวโรงแรมระดับ 5 ดาว ช่างแต่งหน้ากำลังบรรจงปัดคิ้วเจ้าสาวให้ดูเป็นทรงอีกครั้ง ตรวจสอบความเรียบร้อยของขนตาและไรผม พิธีหมั้นงานเช้าวันนี้เจ้าสาวต้องสวยและโดดเด่นที่สุด ธิดาภัสอยู่ในชุดไทยศิวาลัยสีงาช้าง แขนยาวห่มสไบทองสลับดิ้นเงินปักลายทึบ ผ้าซิ่นทอยกดอกดิ้นทองลายสัตตบงกช สั่งตัดพิเศษจากห้องเสื้อชั้นนำของประเทศ เครื่องประดับมีสร้อยคอ รัดแขน สร้อยข้อมือ ล้วนทำจากทองคำ ชุดไทยที่ปราณีตและบรรจงเช่นนี้ ทำให้เธอสวยสง่างามเป็นที่สุด ป้าสายใจอยู่ในชุดผ้าไหมสีกลีบดอกบัว เมื่อเห็นเจ้าสาวแต่งหน้าทำผมเป็นอันเสร็จเรียบร้อย ก็เดินยิ้มปริ่มเข้ามาจับมือเจ้าสาวทั้งสองข้าง "ไหน ... ขอป้าดูให้เต็มตาหน่อยนะคะ ... โอ้โห !! วันนี้คุณหนูของป้าสวยที่สุด สวยสง่าจริง ๆ ค่ะ วันนี้เป็นวันสำคัญ สำคัญจริง ๆ นะคะ" ป้าสายใจยิ้มมีน้ำตาเอ่อในดวงตา "หนูก็ดีใจค่ะป้าสายใจ แถมตื่นเต้นมากด้วย" เจ้าสาวกล่าวอย่างตื่นเต้น "และแล้ววันนี้ก็มาถึงเสียที" ป้าสายใจจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของธิดาภัสอย่างบ่งบอกความหมาย "ป้าขอตัวไปดูในงานก่อนนะคะ ถ้าใกล้ถึงเวลาฤกษ์ ป้าจะขึ้นมาตามค่ะ" ป้าสายใจกล่าวและออกจากห้องแต่งตัวไป ธิดาภัสยืนมองดูตนเองในกระจกบานใหญ่ เธอสวยและดูสง่าจริงๆ แม้แต่ตนเองก็ปฏิเสธไม่ได้ วันนี้ทุกคนต้องอิจฉาเธอ ทุกสำนักพิมพ์ต้องประโคมข่าวงานแต่งงานอันยิ่งใหญ่อลังการของเธอกับติณณ์ แค่สินสอดทองหมั้นก็ทำเอานักข่าวตาลุกวาว มีเรื่องให้ไปเขียนข่าวต่อได้อีกหลายสัปดาห์ ไหนจะแผนฮันนีมูนอันแสนหวานของเธอกับคนรักอีกล่ะ!! ถ้าจะมีผู้หญิงคนไหนสักคนที่จะมีชีวิตสมบูรณ์แบบได้ล่ะก็ เธอคือคนนั้น ครอบครัวดี ฐานะดี ซ้ำยังได้คู่ครองที่ดี สมกันทั้งฐานะและวงศ์ตระกูล ถึงจะคบหากันเพียงปีเศษ แต่ธิดาภัสสัมผัสถึงความรักที่ติณณ์มีให้เธอเป็นอย่างมาก เขาโรแมนติค อ่อนโยน ดูแลเธอประดุจเธอเป็นยอดดวงใจของเขา หญิงสาวซาบซึ้งในความรักของคนรักจนหมดหัวใจ คืนนี้แล้วสินะ ที่เธอจะได้สัมผัสกอดจูบของเขาโดยไม่ต้องปัดป้อง ธิดาภัสแก้มแดงขึ้นมาทันใด เมื่อนึกถึงเวลานั้น ..... เสียงช่างแต่งหน้ากำลังเก็บอุปกรณ์ใส่กระเป๋า ปลุกเธอจากภวังค์ ธิดาภัสหันไปมองนาฬิกา นี่ก็ใกล้เวลาฤกษ์แล้ว ป้าสายใจยังไม่ขึ้นมาอีก ปากกำลังจะเอ่ยถามถึงป้าสายใจ ทันใดนั้น .... พรึ่บ .... มืดสนิท ไฟในห้องดับลงพร้อมกัน ทุกอย่างอยู่ในความมืด ... ธิดาภัสตกใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้รู้สึกตื่นกลัวอะไร "พี่ซูซี่คะ ไฟดับเหรอคะ" ธิดาภัสถามช่างแต่งหน้า แต่แอบขัดใจเล็กน้อย ไฟมาดับอะไรตอนนี้ พิธีกำลังจะเริ่มแล้ว ..... เงียบ ..... ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา ธิดาภัสยังอยู่ในความมืดและความเงียบ 'เอ .. หรือจะเป็นเซอร์ไพรส์ แต่จะมาเซอร์ไพรส์อะไรงานเช้าแบบนี้นะ' เธอคิดในใจพร้อมทั้งพยายามทำสายตาให้คุ้นชินกับความมืด และหาทางเดินไปทางผ้าม่านเพื่อเปิดม่านรับแสงอาทิตย์ ในขณะที่พยายามเดินในความมืดนั้น เธอก็ร้องเรียกหาช่างแต่งหน้าไปด้วย "พี่ซูซี่คะ อยู่ไหมคะ หนูมองอะไรไม่เห็นเลย" เธอชักเริ่มกังวล และนึกในใจว่า เธออยู่ตัวคนเดียวในห้องนี้หรืออย่างไร คนอื่นหายไปไหนกันหมด "พี่ซูซี่ ป้าสายใจ อยู่ในห้องนี้กันไหมคะ ไฟดับใช่ไหมคะ" เธอร้องเรียก และเริ่มหงุดหงิดเมื่อเดินชนกับข้าวของภายในห้อง ใจยังห่วงชุด ห่วงผมว่าจะยับยุ่ง และแล้วเธอก็เดินชนเข้ากับอะไรบางอย่าง ... ไม่ใช่สิ ใครบางคนต่างหาก ธิดาภัสจับคนๆ นั้น จับเสื้อผ้า จับเนื้อตัว ภายใต้ความมืด พร้อมกับเอ่ยถามว่า "ป้าสายใจใช่ไหมคะ" เธอไม่สามารถรับรู้อะไรได้มากเพียงแค่ผ่านการสัมผัส แต่ส่วนลึกของจิตใจบอกว่านี่ไม่ใช่ป้าสายใจแน่ ๆ เสื้อผ้าดูแข็งกระด้าง ลักษณะเนื้อตัวไม่น่าจะใช่ผู้หญิง สัญชาติญาณภัยร้ายก่อตัวขึ้นมาทันที ธิดาภัสรีบผละหนีจากบุคคลลึกลับนี้ แต่ไม่เร็วเท่ามือหนาที่ยกมาปิดปากและจมูกเธอไว้ เธอสัมผัสถึงผ้าหนานุ่มและแรงกดที่ปิดลงมาบนใบหน้าและจมูกของเธออย่างแนบสนิท ธิดาภัสพยายามดิ้นรนอย่างเต็มที่ และเปล่งเสียงร้องให้ดังที่สุด แต่ทำได้เพียงส่งเสียงอู้อี้ในลำคอเท่านั้น เพียงเสี้ยวนาที ... สำนึกก็ดับลง ..... ติณณ์กำลังสวมแหวนหมั้นให้เธอ ด้วยแหวนเพชรทรงกลม 3 กะรัตที่ถูกเจียระไนมาด้วยความปราณีต ส่งให้เพชรเม็ดงามส่องประกายเจิดจรัส ตัวเรือนแหวนทำจาก White Gold ช่วยขับเพชรเม็ดงามให้ดูโดดเด่น งามตระการตาอย่างไร้ที่ติ ท่ามกลางบรรยากาศอันอิ่มเอม และความยินดีเปรมปรีดิ์ของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย รวมถึงช่างภาพที่กำลังรอช่วงเวลาสำคัญเพื่อกดชัตเตอร์ ธิดาภัสมองดูแหวนเพชรในมือคนรักด้วยความพล่าเลือน และรู้สึกง่วงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน "อะไรกันนี่ มาง่วงอะไรเอาตอนนี้ ตื่น ตื่นได้แล้วธิดา ตื่นสิ ตื่น" ธิดาภัสสะดุ้งลืมตาขึ้น ทางกายภาพเธอรู้สึกเหมือนถูกผีอำ จิตใจตื่น แต่ร่างกายขยับไม่ได้ เธอจึงทำได้เพียงลืมตาและมองไปรอบๆ ..... 'ที่นี่ที่ไหน' นี่คือสิ่งแรกที่ผุดขึ้นในความคิด ภาพที่ปรากฎอยู่ตรงหน้า คือห้องสี่เหลี่ยมไม่กว้างมากนัก ถูกตกแต่งด้วยไม้สไตล์คาวบอย มีภาพวาดสีน้ำมันติดฝาผนัง ดวงไฟภายในห้องเป็นสีเหลืองส้มสลัว ไม่มีเครื่องใช้อำนวยความสะดวก มีเพียงเครื่องปรับอากาศ หน้าต่างและประตูถูกปิด!! ธิดาภัสพบว่าเธอกำลังนอนบนเตียง หัวเตียงมีโคมไฟ และหนังสือวางอยู่ 2-3 เล่ม เธอมึนงงกับสิ่งที่เห็น ก่อนที่สำนึกจะกลับคืนมา พยายามรวบรวมสติเพื่อนึกย้อนเรื่องราวก่อนหน้านี้ 'ตอนนี้เราต้องอยู่ในงานแต่งสิ แล้วเรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง' เธอลืมตาโพลง ผุดตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว แต่แล้วก็ต้องล้มตัวลงนอนตามเดิมด้วยความเวียนศีรษะ เพราะยาสลบที่เธอได้รับยังคงมีฤทธิ์หลงเหลืออยู่ ธิดาภัสสูดลมหายใจลึก พยายามต่อสู้กับความอ่อนล้าของร่างกาย เธอพยายามลุกขึ้นอีกครั้งด้วยการตะแคงร่างกายในท่านอนก่อน และใช้มือยันกายให้นั่งตัวตรง เธอสูดลมหายใจลึกอีกครั้งพร้อมทั้งเคลื่อนไหวร่างกายให้ช้าที่สุด เพื่อลดอาการเวียนศีรษะ เมื่อมานั่งข้างเตียงได้เธอพบว่าร่างกายยังไม่ปกติ มีอาการอ่อนเพลียและความง่วงยังคงเกาะกุม เธอยังไม่ลุกไปไหน แต่ใช้สายตามองสำรวจในห้อง เธอกำลังอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคย เธอไม่รู้จักที่นี่ ไม่เคยมาสถานที่แห่งนี้มาก่อน แต่ขณะนี้เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรในวันสำคัญเช่นนี้ หรือนี่จะเป็นฝันไป ใช่!! ต้องฝันไปแน่ๆ ธิดาภัสพยายามประครองร่างกายให้ลุกขึ้นยืน เธอมีอาการเซเล็กน้อย พร้อมเดินอย่างยากลำบากมาหยุดหน้าประตูห้องน้ำ เปิดประตูห้องน้ำที่ด้ามจับทำด้วยไม้ ภายในตกแต่งอย่างสวยงาม โคมไฟสลัว ตรงมุมห้องเป็นที่ตั้งของอ่างอาบน้ำไม้สน ธิดาภัสมองไปรอบ ๆ จนเจอเข้ากับกระจก ทำให้เห็นภาพสะท้อนในกระจกได้ชัดเจน เธอตกใจสุดขีด ... เธอไม่ได้อยู่ในชุดแต่งงาน เครื่องสำอางถูกลบ เกล้ามวยผมถูกสางออก เธออยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงผ้าขายาวผูกเอว "นี่มันอะไรกัน ใครเล่นตลกอะไร มันไม่ตลกเลยนะ" เธอตะโกนลั่น ทำท่าจะร้องไห้ วิ่งออกมาจากห้องน้ำ ตรงที่ไปประตู ซึ่งแน่ล่ะ มันปิดสนิท !!! เธอเคาะ เธอทุบ เธอร้องเรียกใครเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล เสมือนโลกทั้งใบมีเธออยู่คนเดียว "ป้าสายใจ พี่ซูซี่ คุณพ่อ ติณณ์" เธอตะโกนเรียกทุกคนที่พอจะนึกออก พลางทุบประตู พยายามดึงประตูออก สิ่งที่เธอทำทั้งหมดไร้ประโยชน์ ธิดาภัสกรีดร้อง โวยวาย ทั้งทุบและถีบประตู ความโกรธสุดขีดได้เข้าครอบงำเธอ เมื่อเห็นว่าไม่เป็นผล เธอจึงปล่อยตัวลงนั่งบนเตียงอย่างคนสิ้นหวัง คนเราเมื่อยามสับสนวุ่นวายใจมาถึงที่สุด สิ่งดีสิ่งเดียวที่เป็นเพื่อนได้นั่นคือ 'น้ำตา' ธิดาภัส ร้องไห้ฟูมฟาย หยิกเนื้อหยิกตัวตัวเอง เพื่อที่จะได้ตื่นจากฝันร้าย แต่เพราะมันไม่ใช่ฝัน เธอจึงรู้สึกเจ็บแสบที่ผิวบางนั้น เวลาผ่านไปนานเท่าใดไม่ทราบได้ เพราะภายห้องไม่มีนาฬิกา ธิดาภัสร้องไห้จนเหนื่อย ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาให้ไหล ร้องไห้จนรู้สึกกระหายน้ำ ถึงแม้ไม่มีน้ำตา แต่เธอยังสะอื้นอยู่ 'ไม่ว่าเรื่องบ้านี่จะเป็นอะไร ฉันต้องหาคำตอบให้ได้ ฉันต้องกลับไปให้ได้' เธอคิดในใจ เธอรวบรวมสติ เดินสำรวจภายในห้องอีกครั้ง เผื่อจะมีช่องทางไหนที่ทำให้เธอหลบหนีจากห้องบ้าๆ นี่ได้ เธอเดินไปถึงหน้าต่าง มันเป็นเช่นเดียวกันกับประตูคือปิดสนิท เธอพยายามลองผลัก 2-3 ครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล มันไม่มีทีท่าจะแง้มเลย เธออยู่คนเดียวกับห้องที่ว่างเปล่า คงมีแต่เสียงฝนที่ตกกระหน่ำเท่านั้น ที่อยู่เป็นเพื่อน เธอพยายามเงี่ยหูฟังภายนอก เผื่อจะได้ยินเสียงอะไรบ้าง แต่เสียงฝนดังกลบทุกสิ่ง ขณะที่ยืนพิงหน้าต่างที่ปิดสนิท ทอดอาลัยอยู่นั้น เสียงหนึ่งที่รอคอยก็ดังขึ้น ธิดาภัสหันควับไปทางเสียงนั้นทันที !!!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD