EP 01 ความหวังสุดท้าย

3173 Words
EP 01 ความหวังสุดท้าย  โรงพยาบาล ห้องพักผู้ป่วย “ตรงนี้เจ็บรึเปล่า” ยองวอนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น สายตามุ่งมั่นจ้องมองไปยังรอยจ้ำประปรายบนแขนเล็กๆ ของยองแอ “ไม่เจ็บค่ะ” “แล้วตรงนี้ล่ะ เมื่อวานพี่ยังไม่เห็นมีนี่” “ฉันก็เพิ่งเห็นเมื่อเช้าเหมือนกันค่ะ แต่ไม่เจ็บเลยสักนิดค่ะ” ยองแอยิ้มสู้ พลางไล่สายตามองไปตามท่อนแขนทั้งสองข้างของตัวเอง สีผิวที่เคยขาวเนียนตอนนี้กลับซีดเหลืองลงจนน่าใจหาย มิหนำซ้ำยังมีรอยจ้ำเขียวๆ แดงๆ ประปรายปรากฏขึ้นมาเต็มไปหมด ทั้งหมดคืออาการของโรคร้ายที่เธอกำลังต่อสู้กับมันอย่างสุดความสามารถ ‘มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน หรือ ลิวคีเมีย (Acute lymphoblastic leukaemia)’ เหมือนฝันร้ายที่ไม่ว่าจะหยิกตัวเองเท่าไหร่ก็ไม่สามารถทำให้ยองแอสะดุ้งตื่นหรือหลีกหนีมันไปได้ มีเพียงสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวเธอเอาไว้ก็คือความรักจากพี่ชายอย่างยองวอน เขาที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเธอ เป็นเพียงคนเดียวที่อยู่เคียงข้างและคอยให้กำลังใจเธอมาตลอด แม้ความจริงที่เธอรู้ดีอยู่แก่ใจก็คือ...เธอไม่มีวันหาย ยองแอรู้ว่าร่างกายของเธออ่อนแอลงทุกวัน อาการหนักขึ้นทุกวัน เพียงแต่ไม่รู้ต้องทำยังไงให้ทุกอย่างจบลงโดยที่พี่ชายเพียงคนเดียวของเธอเจ็บปวดน้อยที่สุด เขาไม่ต้องการสูญเสียเธอไป ในขณะที่เธอรู้ดีว่าไม่ว่าช้าหรือเร็ว...การสูญเสียจะต้องเกิดขึ้น... “แค่กๆๆ” เสียงไอโขลกของยองแอนำมาซึ่งกระดาษทิชชูในมือของยองวอน เขาเอื้อมคว้ามันมาก่อนจะหยิบยื่นมันให้กับเธอตามปกติ หากแต่ทันทีที่ยองแอยื่นมือออกไปรับมันมา ทั้งเขาและเธอต่างก็มองเห็นของเหลวสีแดงฉานที่เปรอะเปื้อนอยู่บนฝ่ามือเล็กๆ ของเธอ ยองแอยกมือทั้งสองข้างของเธอขึ้นมาจ้องมองด้วยนัยน์ตาสั่นระริก ความหวาดกลัวเกาะกินขั้วหัวใจของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า “คงต้องพักผ่อนให้เยอะกว่านี้อีกสักหน่อยนะยองแอ” ยองวอนพูดแทรกพลางดึงข้อมือทั้งสองข้างของยองแอมาซับคราบเลือดออกให้ด้วยกระดาษทิชชูที่เขายังคงเป็นคนถือมันเอาไว้ “พี่คะ ฉัน...” “ไม่ต้องกลัว พี่คุยกับหมอแล้ว อาทิตย์หน้ายาตัวใหม่จะมาถึงแล้ว หมอบอกว่ายาตัวนี้ดีที่สุดในโลก มีโอกาสที่เธอจะหายมากขึ้น เพราะฉะนั้นเธอต้องอดทนให้มากๆ ที่สำคัญก็คือห้ามเอาแต่คิดว่ากำลังจะตาย เพราะพี่จะไม่มีทางปล่อยให้มันเกิดขึ้น” ยองวอนกำชับพร้อมกับบีบมือของยองแอแน่นๆ เพื่อส่งผ่านกำลังใจทั้งหมดไปให้เธออีกครั้ง หยดน้ำตาของยองแอที่ร่วงเผาะลงมาค่อยๆ กัดเซาะความเข้มแข็งของยองวอนให้กร่อนลงทีละนิดๆ เขาทำได้เพียงกะพริบตาซ้ำๆ เพื่อสั่งให้มันไหลกลับเข้าไปด้านใน ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูห้องพักผู้ป่วยดังขึ้นพอเป็นพิธีก่อนที่ประตูห้องจะถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับการปรากฏตัวของ ‘ลีบอนซอง’ เพื่อนสนิทของยองวอนที่หอบหิ้วดอกไม้ช่อโตรวมไปถึงลูกโป่งสีสันสดใสมาเพื่อช่วยเติมกำลังใจให้กับยองแออีกคน “สุขสันต์วันเกิดค่าคิมยองแอคนสวย” ของขวัญจากบอนซองทำให้ยองแอยิ้มกว้าง รอยยิ้มของเธอพลอยทำให้ยองวอนยิ้มตาม นี่คงเป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกขอบคุณพร้อมทั้งติดหนี้บุญคุณของบอนซองมากเหลือเกิน “มีความสุขมากๆ นะ น้องสาวพี่” บอนซองอวยพรพลางส่งข้าวของพะรุงพะรังให้ยองวอนช่วยรับไปวางเอาไว้ “ขอบคุณค่ะพี่บอนซอง” “ดีมากคนเก่ง พี่รู้ว่ายองแอเข้มแข็ง สู้ๆ นะ” “สู้อยู่แล้วค่ะ ฉันไม่ยอมแพ้หรอก ถ้าฉันหายดีเมื่อไหร่ เราสามคนไปกินชึกซอก ต๊อกโบกีกันนะคะ” ยองแอยิ้มกว้างจนตาหยี แม้จะเป็นเพียงเสี้ยววินาทีแห่งความสุขแต่ทั้งสามคนรู้ดีว่ามันมีค่ามหาศาล “อาทิตย์หน้าพี่ต้องได้กินชึกซอก ต๊อกโบกีแน่ๆ” เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นระหว่างบทสนทนาสั้นๆ ยองวอนได้แต่เฝ้ามองรอยยิ้มของน้องสาวอยู่อย่างนั้น แม้จะรู้ดีว่าหลังจากนี้คงเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่เขาจะพาเธอข้ามผ่านมันไปด้วยกัน “พี่คะ อย่าเอาแต่ทำหน้าเศร้าแบบนั้นสิคะ ไหนพี่บอกว่าอย่ากลัวไง พี่ทำหน้าเหมือนกำลังกลัวเลยนะคะ” น้ำเสียงของยองแอเศร้าลง แม้มุมปากของเธอจะยังปรากฏรอยยิ้มให้เห็นแต่สีหน้าเริ่มหวาดหวั่นจนยองวอนต้องรีบปรับท่าทีให้ดูกระตือรือร้นมากขึ้น “พี่กำลังนึกถึงชึกซอก ต๊อกโบกีน่ะ” “ฮ่าๆ พี่นี่เห็นแก่กินตลอดเวลาเลยจริงๆ” ยองแอเย้าเจือเสียงหัวเราะ “ดีเลย สู้ๆ นะยองแอ สู้เพื่อชึกซอก ต๊อกโบกี” บอนซองทิ้งท้ายแล้วหัวเราะอีกรอบ ชวนให้คนที่นอนซึมอยู่บนเตียงยิ้มซาบซึ้ง “พักผ่อนได้แล้วนะยองแอ เดี๋ยวพี่จะกลับไปเอาของที่บ้าน บอนซองจะอยู่เป็นเพื่อนเราจนกว่าพี่จะกลับ” ยองวอนเกริ่นนำก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ยองแออีกครั้ง ยองแอพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง เพราะแต่ไหนแต่ไรมา บอนซองเองก็มักจะแวะเวียนมาอยู่เป็นเพื่อนเธอบ่อยๆ อยู่แล้วเป็นปกติ “ค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะดูแลพี่บอนซองเป็นอย่างดีค่ะ” “เดี๋ยวเถอะเรา” บอนซองแสร้งทำเสียงดุจนยองแอต้องรีบหลับตาปี๋ ทั้งที่มุมปากยังยิ้มไม่หุบ ความสดใสของเธอที่แม้จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้คนรอบข้างทั้งยองวอนและบอนซองดีใจที่ได้เห็นว่าเธอมีกำลังใจที่จะต่อสู้กับโรคร้ายในตัวของเธอเพิ่มขึ้นอีกนิด มันพลอยทำให้พวกเขามีกำลังใจเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ยองวอนและบอนซองเดินออกมาด้านนอกเพราะต้องการจะให้ยองแอได้หลับสนิท ช่วงหลังเธอมักจะมีอาการเหนื่อยง่าย ดังนั้นการพักผ่อนจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยประคองอาการของเธอไม่ให้แย่ลงเร็วเกินไป “ไม่เป็นไรหรอกน่า ยองแอน่ะเข้มแข็งเหมือนนาย” บอนซองว่าพลางตบมือลงบนบ่าของยองวอนสองครั้ง พร้อมกับมืออีกข้างที่ยื่นของที่ตั้งใจจะนำมาให้ยองวอนตั้งแต่แรกออกมา ยองวอนจ้องมองการ์ดใบเล็กๆ สีดำนั่นไม่วางตา มันคือนามบัตรซึ่งก็มีขนาดเท่ากับนามบัตรทั่วๆ ไป แต่สำหรับยองวอน มันเปรียบเสมือนประตูที่กำลังจะนำพาเขากลับไปสู่วังวนของความเจ็บปวด แต่ในขณะเดียวกัน มันกลับเป็นประตูบานเดียวที่อาจนำพาเขาออกไปสู่แสงสว่าง “นายจะเปลี่ยนใจไม่รับก็ได้นะ ฉันภาวนาให้เป็นอย่างนั้น” “ขอบใจ” ยองวอนเอื้อมคว้ามันเอาไว้ก่อนจะเก็บใส่กระเป๋ากางเกงไปอย่างรวดเร็ว ไม่แม้แต่จะเสียเวลาที่จะพินิจพิจารณาการ์ดใบเล็กนั้นสักเสี้ยววินาทีด้วยซ้ำ “มันไม่ง่ายใช่มั้ยยองวอน” บอนซองเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา ที่ตรงนี้เหลือเพียงเขากับยองวอน เพื่อนรักที่คบกันมาสิบกว่าปีและไม่เคยมีความลับต่อกัน ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือว่าเรื่องใหญ่ “มันยากมากสำหรับฉัน และคงยิ่งยากมากขึ้นไปอีกสำหรับยองแอ” “แค่ไหน บอกฉันมาตามตรงถ้านายยังเห็นว่าฉันเป็นเพื่อนของนาย” ยองวอนได้แต่แค่นยิ้มก่อนจะถอนหายใจอย่างจนใจ ทางเลือกสำหรับเขาในเวลานี้มีไม่มากนัก “ยาตัวใหม่จะมาถึงอาทิตย์หน้า ทุกอย่างเหมือนเดิมคือต้องดูว่าร่างกายของยองแอตอบสนองกับยาได้มากน้อยแค่ไหน ที่สำคัญคือต้องระวังการติดเชื้อเพิ่มขึ้นเพราะโรคนี้จะทำให้ติดเชื้อได้ง่าย ภูมิคุ้มกันของเธอบกพร่อง ระหว่างนี้ก็ยังคงต้องถ่ายเลือดอยู่ เพราะ ร่างกายของยองแอไม่มีเซลล์เม็ดเลือดที่สมบูรณ์มากเพียงพอจะฟื้นฟูได้ด้วยตัวเอง” “ก็แปลว่าเรายังมีโอกาส ทำไมนายไม่รอ...” “ยังไงก็ต้องรอ แต่ฉันจะไม่รออยู่เฉยๆ การมีทางเลือกที่มากกว่าหนึ่งมันย่อมดีกว่า ฉันไม่พร้อมที่จะสูญเสีย” ยองวอนพูดแทรกอย่างตั้งใจ เขารับรู้ได้ถึงความหวังดีจากบอนซอง แต่สำหรับยองวอนในตอนนี้ คำว่า ‘รอ’ คืออะไรที่ยากเหลือเกินที่จะอดทนผ่านมันไปเฉยๆ โดยไม่ทำอะไร “แล้วนายแน่ใจได้ยังไงว่าทำแบบนี้มันจะทำให้นายมีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น” บอนซองถามพลางชำเลืองหางตามองไปที่กระเป๋ากางเกงของยองวอน ยองวอนถอนหายใจหนักอึ้งออกมา ลึกๆ แล้วเขาเองก็ไม่ได้มั่นใจเลยสักนิดว่าสิ่งที่ตัดสินใจจะทำ มันจะช่วยให้เขากับยองแอมีทางเลือกเพิ่มมากขึ้น แต่เพราะทบทวนดีแล้ว ต่อให้มันจะไม่ดีขึ้น อย่างน้อยเขาก็ได้ลอง ผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไงเขาก็พร้อมจะยอมรับมัน “ฉันอยากให้นายคิดดูให้ดีๆ อีกรอบนะยองวอน บางทียาตัวใหม่อาจได้ผล ถ้าร่างกายของยองแอตอบสนองได้ดี ผลข้างเคียงอาจมีบ้างแต่นั่นเป็นเรื่องปกติ ไม่สิ เรื่องผลข้างเคียงมันเป็นเรื่องที่นายต้องทำใจยอมรับเพราะมันย่อมเกิดขึ้นกับทุกคนที่ผ่านการทำคีโม ฉันว่า...” “มันต้องได้ผลบอนซอง เพียงแต่ฉันรอดูเฉยๆ ไม่ได้ ยองแออ่อนแอลงทุกวัน ฉันอยู่กับความหวาดระแวงว่าเธออาจไม่ตื่นขึ้นมาอีกไม่ได้ ฉันอยากจะมั่นใจว่ายองแอจะกลับมาสดใสได้เหมือนเดิม” “คิมยองวอน นี่นายไปอยู่ที่ไหนมาถึงไม่รู้ว่าสมัยนี้เขามีเทคโนโลยี มีงานวิจัยรวมไปถึงมีการพัฒนายาหรืออื่นๆ ตั้งมากมาย ในเกาหลีมีหมอเก่งๆ เยอะแยะ และฉันเชื่อว่าคนอย่างนายสามารถเลือกหมอที่ดีและเก่งที่สุดมารักษายองแอได้แน่ๆ” “ฉันทำมาหมดแล้วนายก็รู้” “แต่...” “ไม่มีวิธีไหนดีเท่าวิธีนี้อีกแล้วบอนซอง” ยองวอนยืนกรานชัดเจน บอนซองได้แต่ถอนหายใจและยิ้มให้กับความล้มเหลวในการโน้มน้าวใจเพื่อนสนิท...ครั้งแล้วครั้งเล่า “ฉันเปลี่ยนใจนายไม่ได้สินะ” “ฉันภาวนาให้นายทำได้นะรู้มั้ย” ยองวอนส่งยิ้มให้กับบอนซองอีกครั้ง ก่อนที่ทั้งคู่จะโผเข้ากอดกันพลางตบหลังอีกฝ่ายสองสามครั้งแล้วผละออก “เอาเป็นว่าฉันขอให้นายโชคดี” “รอบนี้ฉันคงต้องรบกวนนายเยอะเลยนะบอนซอง” “พูดอะไรแบบนั้น ยองแอก็เหมือนน้องสาวฉัน ตอนนี้ที่น่าห่วงไม่ใช่ยองแอหรอก ยังไงซะเธอก็อยู่กับหมอ ฉันว่านายห่วงตัวเองเถอะ” บอนซองเตือนอีกครั้งด้วยความหวังดี พอโน้มน้าวใจไม่สำเร็จ ก็เลยเปลี่ยนมาเป็นขู่ให้เสียขวัญแทนจนยองวอนได้แต่ยิ้มขื่น “ฉันไม่มีอะไรต้องเสียหรอก ถ้าเพื่อยองแอแล้วนายก็รู้ว่าฉันอยากจะเป็นแทนเธอด้วยซ้ำ” “ฉันรู้เพื่อน และก็มั่นใจด้วยว่านายต้องพยายามทำจนสำเร็จแน่ ดีไม่ดีนายอาจไม่ได้กำลังกลับไป แต่ที่ผ่านมา นายไม่เคยเดินออกมาจากเขาเลยต่างหาก” ระยะเวลาสิบกว่าปีที่บอนซองกับยองวอนรู้จักกันมา ไม่ได้มีแค่เรื่องภายนอกที่พวกเขารู้จักกันดี แต่ยังรวมไปถึงเรื่องของความคิด ความรู้สึก ที่บางครั้งยองวอนก็นึกอยากจะเลิกคบกับบอนซองไปซะดื้อๆ “โชคดีคิมยองวอน” “ฝากด้วยลีบอนซอง” ทั้งคู่เย้ากันทิ้งท้ายก่อนที่ยองวอนจะผละตัวออกมา หมดเวลาของความอ่อนแอแล้ว ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะเป็นยังไง หรือหลังจากนี้มันจะเกิดอะไรขึ้น ยองวอนให้คำมั่นสัญญากับตัวเองแล้วว่าเขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ยองแอหายจากโรคร้ายและกลับมาเป็นปกติให้ได้ ซึ่งนอกจากการเข้ารับการรักษาจากแพทย์ตามขั้นตอนแล้ว ก็ยังพอมีอีกวิธีที่เขาคิดออก และมีเพียงคนเดียวที่เขารู้จักและมั่นใจว่าจะสามารถช่วยได้ก็คือเจ้าของนามบัตรใบเล็กๆ สีดำที่เขาเพิ่งจะล้วงมันออกมาจากกระเป๋ากางเกง นามบัตรใบหรูเปรียบเสมือนบัตรผ่านประตูที่จะนำพาเขาไปพบกับใครคนนั้นอีกครั้ง... S.H.I.N. Town ชื่อตึกที่เห็นทำให้ยองวอนรู้สึกว่าลำคอแห้งผากขึ้นมากะทันหัน ไม่ว่าจะพยายามกลืนน้ำลายกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่สามารถช่วยให้รู้สึกดีขึ้นมาได้เลย มีแต่จะยิ่งแย่ลงทั้งที่มันเป็นความตั้งใจของเขาตั้งแต่แรกที่จะมาที่นี่ ยองวอนเงยหน้าขึ้นมองไปยังตึกสูงตระหง่านเบื้องหน้าที่มีความสูงถึงแปดสิบสองชั้น ความรู้สึกวูบโหวงเข้าโจมตีช่องท้องอย่างรุนแรง ทำให้เขารู้สึกเหมือนจะเป็นลมเอาดื้อๆ ทั้งที่พยายามบอกตัวเองมาตลอดว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาพร้อมที่จะรับมันเอาไว้เพื่อแลกกับรอยยิ้มของยองแอ ตึก S.H.I.N. มีบริษัท S.H.I.N. construction Co.,Ltd. เป็นเจ้าของ มี ‘ฮันชินซอง’ เป็นประธานกรรมการบริหารซึ่งแน่นอนว่ายองวอนรู้จักใครคนนั้นเป็นอย่างดี แม้จะไม่ได้พบเจอกันมานานถึงเก้าปีแล้วแต่ยองวอนมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะต้องจำเขาได้แน่ๆ เพียงแต่ที่ยังไม่มั่นใจสักเท่าไหร่ก็คือท่าทีของอีกฝ่ายที่จะแสดงออกมาเมื่อได้มีโอกาสพบกันอีกครั้งต่างหาก ตลอดการเดินเข้ามาในตึก ยองวอนพยายามบอกตัวเองว่า การบากหน้ามาขอความช่วยเหลือจากคนรู้จักมันไม่ใช่เรื่องน่าอาย และมันเป็นสิ่งที่สมควรทำ ถ้าหากว่ามันจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายนี้ดีขึ้น แต่ไม่รู้ว่าทำไมก้อนเนื้อในอกถึงไม่เลิกเต้นแรงสักที เพียงแค่นึกถึงใบหน้าของชินซองขึ้นมา ขนอ่อนตามร่างกายก็เหมือนจะลุกชัน แม้ว่าภาพจำสุดท้ายที่ยังตรึงอยู่ในหัวใจของยองวอนตลอดมาจะเป็นภาพของรอยยิ้มที่แสนจะอบอุ่นและสุภาพอ่อนโยน หากแต่การคาดหวังว่าเขาจะได้พบกับรอยยิ้มนั้นอีกครั้งกลับเป็นเรื่องที่แทบจะไม่มีความเป็นไปได้เลย ติ๊ง! เสียงสัญญาณลิฟต์ดังขึ้นก่อนที่ประตูลิฟต์จะเคลื่อนตัวเปิดออกจากกัน ตัวเลขบนแป้นแสดงผลการเคลื่อนตัวของมันบอกว่ายองวอนขึ้นมาถึงชั้นแปดสิบสองเรียบร้อยแล้ว ยองวอนพ่นลมหายใจออกจากริมฝีปากแผ่วเบาระบายความร้อนในอก สองเท้ายังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ สายตาจ้องมองตรงออกไปยังโถงทางเดินที่ทอดยาวออกไปเบื้องหน้า มืดและเงียบสนิทราวกับไม่มีคนอยู่ แหงล่ะ วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ไม่แปลกที่ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาเขาจะเดินสวนกับผู้คนน้อยมากทั้งที่ถ้าเป็นในวันและเวลาทำงาน คงได้เห็นพนักงานของชินกรุ๊ปเดินกันขวักไขว่ มิหนำซ้ำชั้นแปดสิบสองนี้ยังเป็นชั้นส่วนตัวที่คงไม่มีใครสุ่มสี่สุ่มห้ากล้าขึ้นมาแน่ๆ ใครจะกล้าทะเล่อทะล่าขึ้นมาถึงเพนต์เฮ้าส์สุดหรูซึ่งเป็นที่พักของประธานกรรมการบริหาร ของ S.H.I.N. construction Co.,Ltd. ทั้งที่ยังไม่ได้รับอนุญาตล่ะ ยองวอนคิดแล้วก็ทำได้แค่แค่นยิ้ม ก่อนจะเรียกลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่อีกครั้งแล้วพาตัวเองเดินออกมา เสียงฝีเท้าดังกระทบกับพื้นพรมเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ที่นี่เงียบเชียบจนน่าใจหาย เงียบจนยองวอนรู้สึกว่าเสียงลมหายใจของตัวเองกลายเป็นเสียงน่ารำคาญ ก่อนหน้านี้เขาเองก็ไม่เคยมาเหยียบที่นี่หรอก และถ้ามีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้ เขาก็คงไม่โผล่หัวมาอย่างแน่นอน ร่างกายสั่นสะท้านขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ ยองวอนหยุดเดินแล้ว เบื้องหน้าของเขาคือบานประตูหนาทึบที่ดูแข็งแรง ด้านข้างวงกบประตูมีแป้นบางอย่างสีดำติดตั้งเอาไว้ มีปุ่มไฟกะพริบเล็กๆ สีแดงที่กะพริบขึ้นมาเป็นระยะๆ หน้าจอสัมผัสมีตัวเลขบอกเวลาระบบดิจิทัล มีช่องสี่เหลี่ยมขนาดเท่ากับการ์ดในมือของยองวอนว่างอยู่ เพราะมันมีไว้สำหรับวางการ์ดลงไปเพื่อปลดล็อกประตู สิ่งที่เขาได้มาจากบอนซองเป็นแค่นามบัตร ไม่ใช่คีย์การ์ด และยองวอนรู้ดีว่าคงไม่มีใครมีอะไรแบบนั้นอยู่ในมือนอกจากเจ้าของเพนต์เฮ้าส์นี่เพียงคนเดียวเท่านั้น ทำยังไงได้ล่ะนอกจากเอื้อมมือไปกดออดเรียก ติ๊ด! ยังไม่ทันที่ยองวอนจะรวบรวมความกล้าได้มากพอที่จะยกมือขึ้นมาด้วยซ้ำ เสียงสัญญาณอะไรบางอย่างก็ดังขึ้นก่อนที่บานประตูตรงหน้าจะถูกเปิดเข้าไปจากคนด้านใน ยองวอนลอบกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่และเผลอตัวเม้มริมฝีปากเข้าหากันจนแน่นสนิทด้วยความประหม่า ก้อนเนื้อในอกเต้นหนักหน่วงราวกับเพิ่งผ่านการวิ่งมาราธอนมาเป็นระยะทางไกลๆ ทั้งที่ระยะห่างจากหน้าประตูจนถึงลิฟต์ก็เพียงแค่ไม่กี่เมตร “หวัดดี นายขึ้นมาหาใครน่ะ” เสียงทักทายจากคนด้านหลังประตูทำให้ก้อนเนื้อขนาดเท่ากำมือในอกของยองวอนสั่นระรัว ก่อนจะกลายเป็นความรู้สึกที่ถูกกระชากออกไปชกเสยปลายคางทันทีที่เงยหน้าขึ้นไปเห็นรอยยิ้มของผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่คนที่เป็นภาพจำของยองวอนมาตลอดเก้าปี ใช่สินะ ผู้ชายเงียบขรึมคนนั้นไม่มีทางจะโผล่หน้าออกมายิ้มต้อนรับเขาแบบนี้แน่ๆ...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD