INTRO
INTRO
เอวา หญิงสาวกำพร้าที่ต้องดิ้นรนสู้ชีวิตเพื่อดูแลน้องสาวของตัวเองที่กำลังป่วยหนัก เธอมีหน้าตาที่น่ารักและรูปร่างตัวเล็กผิวขาวอมชมพู อาชีพของเธอก็คือนักสืบรับจ้างทั่วไปโดยเธอเป็นคนมีฝีมือและทักษะในด้านการปลอมตัวและเอาชีวิตรอดได้ดี
“เก็บเสื้อผ้าเร็วพราวเราต้องรีบไปแล้วตอนนี้!” เอวาที่เพิ่งกลับมาถึงห้องพักขนาดเล็กเมื่อเข้ามาเธอก็ปลุกน้องสาวพร้อมกับหยิบกระเป๋าขึ้นมาเก็บเสื้อผ้าอย่างรีบร้อน
“ปะ ไปไหนพี่เอวานี่มันตีสองแล้วนะคะ” พราวเด็กสาวที่อายุเพิ่งย่างก้าวยี่สิบปีไปหมาดๆ ลุกขึ้นมาด้วยหน้าตาที่งัวเงีย พราวมีนิสัยต่างจากพี่สาวตัวเองมากๆ เธออ่อนแอและหัวอ่อนมากๆ
“ไม่มีเวลาอธิบายแล้วพราว” เอวาหยุดเก็บของและเดินเข้ามาจับไหล่น้องสาวทั้งสองข้างก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังต่อว่า “ฟังพี่…เก็บเสื้อผ้าของใช้ที่จำเป็นให้เร็วที่สุดเข้าใจพี่ไหมพราว!?”
“ค่ะๆ” พราวพยักหน้าตอบและรีบลุกขึ้นมาเก็บข้าวของที่จำเป็นจากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่ทะมัดทะแมงมากขึ้น
จากนั้นเอวาก็พาพราวนั่งแท็กซี่มายังท่าเรือแห่งหนึ่งที่กำลังมีการขนย้ายสินค้าข้ามประเทศโดยทั้งคู่มีเพียงกระเป๋าหนึ่งใบติดตัวมาเท่านั้น
“ระ เราจะไปไหนพี่เอวา” พราวจับแขนเอวาแน่นและมองซ้ายมองขวาด้วยความกลัว
“พี่ขอโทษนะพราวเราจำเป็นต้องหนีเราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วไม่ต้องกลัวนะพี่จะดูแลพราวไม่ให้ใครทำอะไรได้พี่สัญญา” เอวาหันมาตอบน้องสาวและกำชับมือที่จับมือพราวอยู่แน่น
“มากันแล้วเหรอวะ มาช้ากันจัง!?” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งเดินเข้ามาหาทั้งคู่และพูดขึ้น
“ขอโทษทีที่มาช้า นี่รีบสุดๆ แล้ว” เอวาตอบเสียงแข็งโดยไม่มีท่าทีเกรงกลัวชายตรงหน้า
“แล้วไหนล่ะเงินที่ตกลงกันไว้?”
“…” เอวายื่นเงินก้อนหนึ่งให้ชายตรงหน้า ชายตรงหน้ารับไปนับสักพักก่อนจะพูดขึ้นต่อว่า
“โอเค ขึ้นเรือได้แล้วอย่าสร้างปัญหาเข้าใจไหม?”
“อืม” เอวาตอบกลับสั้นๆ จากนั้นก็จูงมือน้องสาวขึ้นมาบนเรือ เมื่อขึ้นมาบนเรือก็พบผู้คนอีกจำนวนหนึ่งที่หนีแอบขึ้นเรือมาเพื่อที่จะหนีออกนอกประเทศเช่นเดียวกับพวกเธอ เอาวาจึงหาที่นั่งและพาพราวไปนั่งเงียบๆ
“เราจะไปไหนกันพี่เอวาพราวกลัว” พราวตัวสั่นและนั่งเบียดเอวาไม่ห่าง
“ต่างประเทศ…ไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเรา ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กัน”
“พวกนั้นยังตามพี่ไม่เลิกใช่ไหม เราถึงน้องหนีหัวซุกหัวซุนกันแบบนี้” พราวถามต่อเธอรู้ว่าพี่สาวเธอทำงานอะไรและเสี่ยงแค่ไหน
“อื้ม…พี่ทำงานพลาดพวกนั้นเลยตามเก็บพี่ พี่เลยจำเป็นต้องทำแบบนี้พี่ขอโทษนะพราว” เอวาเอื้อมมือไปปาดน้ำตาให้น้องสาว
“แล้วเราจะไปอยู่ยังไงเราไม่เคยออกนอกประเทศกันเลยแถมยังลักลอบเข้าผิดกฎหมายอีก”
“มีคนที่พี่รู้จักและสามารถไว้ใจได้อยู่ที่นู่นเขาจะมารับเรา พราวไม่ต้องกลัวนะเราจะไม่เป็นไร” สองพี่น้องกอดกันแน่น ตั้งแต่พ่อกับแม่เสียเอวาก็รับภาระหน้าที่ดูแลน้องสาวมาโดยตลอดโดยคำสั่งเสียของพ่อแม่เธอนั้นคือขอให้เธออย่าทิ้งน้องและดูแลน้องให้ดี…
ไซรัส
ชีคหนุ่มลูกครึ่งฝรั่ง-อาหรับ เจ้าของใบหน้าที่หล่อเหลาและมีดวงตาที่เฉียบคมและมีเคราเล็กน้อยเจ้าของฉายาราชาแห่งทะเลทราย นอกจากหน้าตาที่หล่อเหลายังมาพร้อมกับความร่ำรวยอย่างบ้างคลั่งและอำนาจที่ล้นมือ แต่ศัตรูรอบกายที่หวังจะโค่นล้มเขาให้ได้
ณ งานเลี้ยงแห่งหนึ่ง
“ทำไมงานมันถึงได้น่าเบื่อขนาดนี้วะ!?” ไซรัสโวยวายขึ้นเมื่อรู้สึกเบื่อหน่ายกับบรรยากาศงานเลี้ยงที่จัดเขาคือแขกวีไอพีที่ถูกเชิญมาในงานนี้
“ท่านเบื่อเหรอคะ อยากให้พวกเราทำอะไรให้เพื่อช่วยให้ท่านหายเบื่อไหมคะ” สาวๆ ที่ถูกส่งมาคอยปฏิบัติดูแลเขาเอ่ยถามขึ้นด้วยท่าทีที่ยั่วยวนโดยมีผู้หญิงที่เข้ามาดูแลเขาไม่ต่ำกว่าเจ็ดคน
“อยากช่วยฉันจริงๆ เหรอ?” ไซรัสถามกลับและมองหญิงสาวพวกนั้นด้วยสายตาที่ดุดันที่ใครมองแล้วถึงกับต้องหลบสายตา
“ทุกอย่าง…ขอแค่ท่านบอกพวกเรามา” สาวคนนั้นค่อยๆ ลูบมือไล่ขึ้นมาที่ต้นขาแกร่งและออกแรงบีบเบาๆ สำหรับผู้หญิงทุกคนในประเทศนี้การที่ได้หัวใจของชีคผู้นี้คือสิ่งที่สาวๆ ทุกคนใฝ่ฝันเพราะนอกจากความหล่อก็ยังจะได้ตกถังข้าวสารไปด้วย
“ดี! งั้นช่วยไสหัวออกไปพ้นๆ หน้าฉันสักที ฉันขยะแขยง!!!” ไซรัสผลักสาวคนนั้นออกไปอย่างไม่ไยดี เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบและลุกขึ้นยืนกำลังจะก้าวเท้าออกไป
“ไซรัส…” เสียงเรียกหวานหูจากหญิงคนหนึ่งดังขึ้น ร่างสูงโปร่งกำลังเดินมาหาเขาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม
“โมนิก้า” ไซรัสเรียกชื่อเธอเบาๆ ด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย
“ได้ยินเสียงคุณโวยวายดังไปถึงข้างนอก โมนิก้าคิดว่าคุณคงกำลังเบื่ออยู่ เลยอยากจะมาช่วยทำให้คุณหายเบื่อ” โมนิก้าใช้มือลูบไปที่แขนไซรัสช้าๆ อย่างยั่วยวน โมนิก้าเป็นลูกสาวเศรษฐีท่านหนึ่งเธอรู้จักกับไซรัสดีและมักจะแอบมีความสัมพันธ์กันอยู่เสมอแต่ถึงยังไงโมนิก้าก็ไม่เคยได้ใจไซรัสอยู่ดี
“ฉันไม่มีอารมณ์จะมาเล่นอะไรกับเธอทั้งนั้นโมนิก้า” ไซรัสตอบกลับเสียงนิ่งและใบหน้าที่เย็นชา
“แต่ว่า…”
“ยิ่งเธอทำตัวแบบนี้เธอยิ่งดูไร้ค่า การที่ฉันนอนเอากับเธอไม่ได้หมายความว่าเธอได้เป็นเจ้าข้าวเจ้าของฉัน” ไซรัสจับมือโมนิก้าออกจากตัวของเขา
“ฉันไม่เคยคิดอย่างนั้น” โมนิก้าเถียงกลับเธอเหมือนถูกบีบหัวใจให้แตกสลายเพราะคำพูดที่เจ็บปวดของไซรัส
“ปากเธอปฏิเสธแต่การกระทำไม่ใช่ อย่าเสียเวลาเหนื่อยเลยทำดีให้ตายเธอก็ไม่ได้หัวใจฉันเพราะฉันมันเป็นคนไม่มีหัวใจ”
“ฉันรู้ไซรัส ฉันรู้ว่านายไม่มีหัวใจรู้ดีกว่าใคร” โมนิก้าน้ำตาคลอเสียงสั่นเครือ
“ไว้ถ้าฉันต้องการเธอเมื่อไหร่ ฉันจะติดต่อไปเอง จะมาก็มาไม่มาก็เรื่องของเธอ ฉันไม่บังคับ” ไซรัสพูดจบและเดินหันหลังออกไป
“ฉันไม่ใช่โสเภณีในฮาเร็มของนายนะไซรัส!!” โมนิก้าตะโกนไล่หลัง
“…หึ” ไซรัสหันกลับมามองเธอและแสยะยิ้มหนึ่งครั้งก่อนจะหันกลับไปและเดินออกไปจากตรงนั้นในที่สุด…
*******