ตอนที่ 13 ไม่ชอบมาพากล
“พิมพ์ลูกพ่อ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เมื่อช่วงหัวค่ำค่ะ” พิมพ์ลดาลุกขึ้นเดินเข้าไปสวมกอดคนเป็นพ่อที่เพิ่งกลับมาจากประชุม
ไอร้อนจากร่างของลูกสาวส่งผลให้เกรียงไกรสะดุ้ง แถมฝ่ามือของพิมพ์ลดาก็ถูกพันด้วยผ้าก็อต สภาพของเธอดูเหนื่อยล้าผิดปกติ
“ลูกเป็นไข้หรอ”
“ค่ะ แต่พิมพ์ทานยาแล้วแหละ”
“แล้วนี้...เอ่อ....อัคคีไม่ได้มาด้วยหรอ”
“คุณอัคคีเขางานยุ่งค่ะ” ยิ่งพูดน้ำตาก็เหมือนจะไหลลงมาอยู่รอมร่อ เธอโกหกพ่ออีกแล้ว เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่ทำแบบนี้กับผู้มีพระคุณ “วันนี้หนูขอนอนที่นี่นะคะ”
“อ่าว แล้วไม่กลับบ้านไปหาสามีหรอ เพิ่งแต่งงานเองนะ เดี๋ยวมันก็เป็นลางไม่ดีหรอก”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พิมพ์ไม่ถือ” เธอคลี่ยิ้มอ่อนๆ พยายามเข้มแข็ง บังคับน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลเพราะกลัวพ่อไม่สบายใจ “ตอนนี้บริษัทของเราเป็นยังไงบ้างคะ”
คนถูกถามหน้าซีด รีบเบือนหน้าหนี ไม่อยากให้ลูกสาวรู้ว่าบริษัทกำลังจะล้มละลายอีกรอบและครั้งนี้มันหนักกว่าครั้งก่อนเสียด้วยซ้ำ เหมือนมีอำนาจมืดกำลังกลั่นแกล้งให้เขาจนตรอก
“พ่อไม่อยากโกหกลูกเลย ตอนนี้บริษัทของเรากำลัง...เอ่อ....แย่”
“อีกแล้วหรอคะ” พิมพ์ลดาเสียงอ่อนลง อ้อมแขนรัดร่างของพ่อแน่นขึ้น รู้ดีว่าตอนนี้ใครกำลังกลั่นแกล้งครอบครัวของเธออยู่
มือเล็กกำหมัดแน่น ในเมื่ออัคคีกล้าทำ เธอเองก็กล้าสู้เหมือนกัน!
“และดูเหมือนว่ารอบนี้...เอ่อ....มันจะแย่กว่าเดิม”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ พิมพ์จะช่วยพ่อเอง”
“ถ้าอัคคียังช่วยเราไม่ได้ พ่อว่า....ปล่อยให้มันเป็นไปตามเวรตามกรรมเถอะ”
“ไม่! พิมพ์จะช่วยพ่อเอง”
“แล้วปรึกษาเรื่องนี้กับอัคคีหรือยังล่ะ เป็นสามีภรรยากันแล้วจะทำอะไรต้องปรึกษากันนะ พ่อไม่อยากให้ลูกกับเขาทะเลาะกัน”
เป็นอีกครั้งที่พิมพ์ลดากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ตอนนี้พ่อของเธอยังไม่รู้ว่าใครคือต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด อัคคีกำลังใช้ให้เธอกับพ่อทำงานให้เขาฟรีๆ หากวันนั้นเสียสละเวลาอ่านสักนิดและไม่จรดปลายปากกาลงไป วันนี้ก็คงไม่เสียรู้ขนาดนี้
จู่ๆพิมพ์ลดาก็นึกเอะใจขึ้นมา ก่อนหน้านี้ที่บริษัทเกือบล้มละลายแต่ก็ได้อัคคีเข้ามาช่วย แต่วันนี้เธอกำลังจะเสียบริษัทไปให้เขา ทำไมทุกอย่างมันดูไม่ชอบมาพากล ในเมื่ออัคคีต้องการให้ครอบครัวของเธอล้มละลายแล้วเขาจะยื่นมือเข้ามาช่วยตั้งแต่แรกทำไม
“เรื่องคุณอัคคีไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พิมพ์จัดการได้ แต่พ่อพอมีข้อมูลของบริษัทคู่แข่งที่เคยเข้ามาเทคโอเวอร์ไหมคะ”
“มีสิ ลูกถามทำไมหรอ”
“พิมพ์แค่อยากศึกษาข้อมูลของบริษัทคู่แข่งค่ะ เผื่อจะช่วยพ่อได้บ้าง”
“โถ่ลูก~ พิมพ์ไม่ต้องทำอะไรหรอก เดี๋ยวพ่อจัดการเอง”
“ไม่ค่ะ พิมพ์อยากช่วยพ่อจริงๆนะ อาจจะช่วยได้ไม่มาก แต่พิมพ์ก็อยากช่วย”
“เอางั้นก็ได้ เดี๋ยวพ่อให้เลขาส่งไฟล์ข้อมูลให้ก็แล้วกัน แต่ตอนนี้ลูกไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวจะเป็นหนัก”
“พ่อคะ!” เธอคว้ามือของพ่อเอาไว้ ยิ่งเห็นหน้าท่านน้ำตาก็ยิ่งไหล ในขณะที่ท่านเป็นห่วงแต่เธอดันเป็นต้นเหตุทำให้บริษัทกำลังจะล้มละลาย หากท่านรู้ จะเกลียดลูกสาวเลวๆคนนี้หรอเปล่า “พะ...พิมพ์..เอ่อ...ขอโทษนะคะ”
“ขอโทษเรื่องไรหรอลูก” มือใหญ่เกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้าของลูกสาวอย่างอ่อนโยน ยิ่งทำให้น้ำตาไหลทะลักราวกับเขื่อนแตก
“ขะ...ขอโทษที่พิมพ์ช่วยพ่อไม่ได้ ฮื้อๆๆ”
“อย่าร้องไห้สิลูก พิมพ์ก็คอยให้กำลังใจพ่ออยู่ข้างๆนี่ไง”
“ตะ...แต่พิมพ์...ฮึก! พิมพ์เป็นลูกอกตัญญู”
“โถ่...เรื่องแค่นี้เอง อย่าร้องไห้เลยนะ มันไม่ใช่ความผิดของพิมพ์สักหน่อย ทุกอย่างมันคือโชคชะตา”
“ไม่ค่ะ ทั้งหมดเป็นเพราะพิมพ์...พะ....พิมพ์เป็นคนทำ เป็นคนทำทั้งหมด แต่ถ้าวันหนึ่งเราต้องเสียทุกอย่างไปจริงๆ….” พิมพ์ลดาเงยหน้าขึ้นมองเสี้ยวหน้าของบิดาทั้งน้ำตา “พ่อจะให้อภัยพิมพ์หรือเปล่า”
“ก็บอกแล้วไงว่ามันไม่ใช่ความผิดของพิมพ์ อีกอย่างพิมพ์ก็เคยให้อัคคีเข้ามาช่วยจนบริษัทของเราไปต่อได้ แต่ถ้ามันจะล้มละลายจริงๆ ก็คงเป็นเพราะพ่อบริหารไม่ดีเอง เก่าไป ใหม่มา นี่คือสัจจะธรรมของชีวิต อย่าไปคิดมากเลยนะ” เขาลูบศีรษะลูกสาวด้วยความสงสาร หากบริษัทล้มละลายจนทุกอย่างถูกยึดแม้กระทั่งคฤหาสน์ แต่อย่างน้อยพิมพ์ลดาก็ยังพอมีเงินเก็บไว้เริ่มต้นชีวิตใหม่ เพราะเงินจำนวนสามร้อยล้านที่เขาเก็บหอมรอมริบเอาไว้อยู่ในบัญชีของพิมพ์ลดาทั้งหมด ต่อให้ล้มละลายจริงๆลูกสาวของเขาก็ยังมีกินมีใช้
ทุกอย่างมันคือการแข่งขัน ถ้าไม่เก่งพอก็ไปต่อไม่ได้ เรื่องธุรกิจเองก็เช่นกัน วันหนึ่งรุ่งไม่ได้แปลว่าวันหน้าจะไม่ล้ม ทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้เสมอ....ไม่ช้าก็เร็ว
“พิมพ์สัญญาว่าจะช่วยพ่อเอง ถึงพิมพ์จะไม่ได้เก่งมาก....แต่พิมพ์ก็จะช่วย”
ในเมื่ออัคคีเล่นแบบนี้ก่อน ก็จะไม่ยอมอ่อนข้อให้ต่อไปอีกแล้ว คนอย่างพิมพ์ลดาอ่อนแอก็จริง แต่ใจเธอสู้ ถึงจะไม่ได้เก่งเท่าเขา แต่เธอก็จะไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด!
ต้องรู้ให้ได้ว่าอัคคีเกี่ยวข้องกับบริษัทที่เคยเข้ามาเทคโอเวอร์หรือเปล่า ตอนนั้นเธอเองก็ไม่ได้เอะใจด้วยสิ คิดว่าเขาตั้งใจเข้ามาช่วยจริงๆ รักผู้ชายคนนั้นจนหูหนวกตาบอด แต่พอวันหนึ่งความจริงกระจ่าง กลับกลายเป็นเธอที่โง่งมงายอยู่ฝ่ายเดียว
น่าตลกสิ้นดี!
“ฉันไม่มีวันปล่อยให้บริษัทตกไปอยู่ในมือของคุณหรอก!”