ตอนที่ 14 หงุดหงิด
@อีกฟากหนึ่ง
เป็นเวลานานหลายชั่วโมงที่พิมพ์ลดาออกไปแล้วยังไม่กลับมา อัคคีนั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างใจร้อนรุ่ม ไม่คิดว่าพิมพ์ลดาจะกล้าหนีกลับบ้านแล้วไม่มาอีกเลย สีหน้าหงุดหงิดเข้าไปทุกทีแค่ไม่เห็นคนตัวเล็กอยู่ในสายตา ปกติเขากับพิมพ์ลดาจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา จะห่างกันบ้างเวลาที่เขาไปทำธุระต่างจังหวัด แต่ก็โทรคุยกันตลอด
พอไม่เห็นเธอก็พาลทำให้หงุดหงิด
“อ่าว วันนี้คุณอัคคีไม่กลับคอนโดหรอคะ” ป้าเนียมที่สังเกตเห็นอาการผิดปกติของชายหนุ่มมาสักระยะเอ่ยถาม เพราะปกติเขาจะไม่นอนที่บ้านของตัวเอง
“วันนี้ผมจะนอนที่นี่ครับ” เขาตอบด้วยความหงุดหงิด จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“ปกติคุณอัคคีไม่นอนที่บ้านไม่ใช่หรอคะ แล้วทำไม...”
“ผมแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศครับ” เขาพ่นลมหายใจออกทางจมูก เหลือบมองนาฬิกาเรือนเก่าที่แขวนอยู่บนฝาผนังห้อง บอกว่าห้าทุ่มกว่า “แล้วนี่....พิมพ์ลดาไม่กลับมาหรอครับ”
“ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ หนูพิมพ์ไม่ได้บอกป้าไว้” ป้าเนียมหรี่ตามองสีหน้าหงุดหงิดของชายหนุ่มแล้วก็อมยิ้ม “คุณอัคคี....รอคุณพิมพ์กลับบ้านหรอคะ”
“เปล่าครับ ผมแค่อยากรู้ว่าแม่นั่นตายแล้วหรือยัง” คนปากแข็งตอบหน้าตาเฉย แต่ไม่มีทางโกหกคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนได้อย่างแน่นอน และอาการหงุดหงิดแบบนี้ก็คงเป็นเพราะพิมพ์ลดาไม่ยอมกลับบ้าน
“อย่าไปแช่งหนูพิมพ์แบบนั้นสิคะ ถ้าคุณอัคคีอยากรู้ ก็ตามไปสิ”
“เรื่องอะไรผมจะไปตามให้เสียเวลา แม่นั่นไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับผมเลย”
ปากก็บอกว่าเขาไม่สำคัญ แต่จะรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้สีหน้าของอัคคีแทบจะฆ่าคนได้ ป้าเนียมก็ได้แต่คิดแล้วขำ คนปากแข็ง ปากบอกอีกอย่าง ใจคิดอีกอย่าง
“ถ้าหนูพิมพ์ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น ป้าว่าคุณอัคคีไปนอนเถอะค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว”
“ผมจะออกไปหาเพื่อนครับ”
“ป้าไม่อยากให้คุณอัคคีขับรถตอนกลางคืนเลย กลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย”
อัคคีนิ่งงัน...
จากใบหน้าที่มีแต่ความหงุดหงิดค่อยๆคลายออกเหลือไว้เพียงใบหน้าเรียบเฉย ทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้ทำให้หัวใจของเขากระตุกหน่วงขึ้นมาทันใด ยังจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ดี เหมือนกับมันได้เกาะกินใจไปแล้วจนยากจะลืมเลือน
เขาต้องแก้แค้นให้ท่านทั้งสองคนให้ได้ ต้องทำให้มันตายอย่างทรมานเหมือนที่พ่อกับแม่ของเขาเจอ!
ในที่สุดอัคคีก็ทนความหงุดหงิดไม่ไหว คว้ากุญแจรถหรูแล้วขับไปหาพิมพ์ลดาที่บ้านทันที คิดว่าเธอยังไม่นอน เพราะปกติเธอเป็นคนนอนดึกแต่ตื่นเช้า
ใบหน้าคมคายหันไปมองเบาะสีแดงเพลิงข้างคนขับ เมื่อก่อนพิมพ์ลดาชอบไปไหนมาไหนกับเขาบ่อยๆ จะมีเธอนั่งอยู่ข้างๆเสมอ ทั้งๆที่ปากก็บอกว่าไม่ได้รู้สึกอะไร แต่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตั้งแต่ตอนที่ทิ้งเธอไว้กลางแดดแล้ว
พิมพ์ลดากำลังทำให้เขาหงุดหงิด
กึก!
รถยี่ห้อ Mercedes Benz หยุดอยู่ที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ใจกลางเมืองกรุงเทพ ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าคฤหาสน์หลังนี้เป็นของใคร มีช่วงหนึ่งที่ครอบครัวนี้ร่ำรวยมากจนพิมพ์ลดากลายเป็นสาวเนื้อหอม เป็นที่หมายปองของใครหลายๆคน แต่สุดท้ายเธอก็เลือกเขา
มุมปากหยักกระตุกยิ้มให้กับคฤหาสน์ราคาหลายร้อยล้าน หากยึดมาเป็นของตัวเองคงขายได้กำไรน่าดูเพราะที่ดินในละแวกนี้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นทุกปี และคุณหนูพิมพ์ลดาที่ใครหลายคนต่างอิจฉาก็จะกลายเป็นคุณหนูตกอับ
“มาหาใครหรอคะ” คนรับใช้ของบ้านเอ่ยถามเพราะสุนัขที่เลี้ยงไว้เห่าไม่หยุด จนกระทั่งเห็นใบหน้าของชายหนุ่มชัดเจน “นึกว่าใคร ที่แท้ก็คุณอัคคีนี่เอง มาหาคุณพิมพ์หรอคะ”
“ครับ ไม่ทราบว่าพิมพ์ลดาอยู่ที่นี่ไหมครับ”
“อยู่ค่ะ ตอนนี้น่าจะนอนอ่านหนังสืออยู่ในห้อง งั้นคุณอัคคีขับรถเข้ามาจอดไว้ในบ้านก่อนนะคะ”
คนรับใช้กดรีโมทเปิดประตูอัลลอยด์สูงท่วมหัวก่อนที่อัคคีจะขับรถเข้าไปจอดในบ้าน เขาเคยมาที่นี่ประมาณสองสามครั้งก็ไม่แปลกที่คนรับใช้ภายในคฤหาสน์จะรู้จัก พอลงจากรถก็เงยหน้ามองไปที่ชั้นสองซึ่งเป็นห้องของพิมพ์ลดา พบว่าไฟยังเปิดอยู่ เธอยังไม่นอนจริงๆด้วย
“แล้วคุณเกรียงไกรล่ะครับ นอนหรือยัง”
“คุณท่านนอนตั้งแต่หัวค่ำแล้วค่ะ ถ้าคุณอัคคีมีอะไรให้อิฉันรับใช้ บอกได้นะคะ”
อัคคีพยักหน้ารับ กวาดตามองรอบๆคฤหาสน์ ความจริงที่นี่ก็น่าอยู่เหมือนกันนะ มันใหญ่โตมากถ้าเทียบกับคฤหาสน์ของเขา
ขายาวก้าวเข้าไปในบ้าน ภาพแรกที่เห็นนั่นก็คือภาพของพิมพ์ลดาอยู่ชุดนักเรียนมัธยมต้นแขวนอยู่บนผนังของบ้าน เธอหน้าตาดีตั้งแต่เด็กเชียว มิน่าล่ะ ใครๆก็อยากมาเป็นลูกเขยบ้านนี้ แต่ก็อดชื่นชมไม่ได้จริงๆว่าเธอเป็นคนสวยวาสนาดี แต่ดันเกิดผิดที่
พิมพ์ลดาเป็นถึงลูกสาวเพียงคนเดียวของนักธุรกิจชื่อดังแต่ดันใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป ไม่เห่อแบรนด์เนม ไม่ได้ใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือยอะไรขนาดนั้น แต่พ่อของเธอดันดูแลลูกสาวประดุจเจ้าหญิง ประเคนให้ทุกอย่าง ไหนจะเครื่องเพชรและของแบรนด์เนมที่แม่ของเธอเก็บสะสมไว้ตั้งแต่สมัยยังมีชีวิตอยู่ ทุกอย่างจึงตกมาเป็นของลูกสาวทั้งหมด ก็อย่างว่าแหละ ลูกสาวเดียวพ่อเลยรักมาก
เขาเดินขึ้นบันไดมาเรื่อยๆจนกระทั่งหยุดอยู่ที่หน้าห้องของพิมพ์ลดา มือใหญ่ผลักประตูเข้าไปอย่างถือวิสาสะทำให้หญิงสาวที่กำลังนั่งอ่านข้อมูลของบริษัทคู่แข่งสะดุ้งตกใจจนหน้าซีด
“ไง...”
“คะ...คุณอัคคี!!”