เมินเป็นเหมือนกัน

902 Words
“ไม่ต้องไป ไม่ได้อยากให้ไปด้วย” เขาปฏิเสธด้วยสีหน้าเย็นชา ฉันก็ทำหน้าสลด ใจมันเสียจริงๆ นะ แต่แกล้งสำออยเกินจริงไปมาก จนแก๊งเพื่อนๆ เขาสงสาร “ก็ให้น้ำรินไปด้วยก็ได้โซ่” วินเป็นคนให้คำตอบ ซึ่งโซ่ก็ไม่พูดอะไรอีก เขาเดินหน้าตึงนำหน้าไม่สนใจฉันเลย ฉันก็เลยเดินไปกับพวกวินจนมาถึงหน้าโรงเรียน เราเรียกรถสองคันเพื่อไปงานวัดที่ว่า แบบที่โซ่ก็ไม่ยอมนั่งคันเดียวกันกับฉัน พอมาถึงงานเดินเป็นกลุ่มใหญ่ๆ หกคนแบบที่โซ่ตั้งใจจะไม่เดินใกล้ฉันเลย เจ็บหัวใจชะมัด “หิวไหมน้ำริน กินอะไรก่อนไหม” วินถามฉัน ตอนนี้เราอยู่โซนอาหาร มันหอมมากเลย ฉันพยักหน้าหงึกๆ “ลูกชิ้นไหม” เขาถาม แต่ไม่ได้รอให้ฉันตอบทั้งห้าคนก็ล้อมรถขายลูกชิ้นปิ้ง แล้วก็ยืนจิ้มน้ำจิ้มหยิบผักกินตรงนั้น “ลองดูสิ น้ำจิ้มอร่อยนะ” วินหยิบให้ไม้หนึ่ง ก็เลยรับจากเขามาชิมคำหนึ่ง “หืม อร่อยจริงด้วย” รสชาติของมันทำให้ทำใจยืนกินลูกชิ้นจิ้มน้ำจิ้มไปและหยิบผักไปเหมือนพวกนั้นได้ “ลองหมึกย่างไหม” ตอนนี้วินดูแลฉันดีเหลือเกิน เหลือบไปมองคนบางคนก็มีจังหวะที่บังเอิญสบตากัน...แล้วก็ถูกเมินอีก ช่างหัวเขาเถอะ ฉันเที่ยวงานวัดครั้งแรกให้สนุกก็แล้วกัน “วิน เผ็ดอะ” กินไปกินมาก็เผ็ด วินเลยเดินไปซื้อน้ำที่ร้านที่อยู่ถัดไปให้ ได้ชาเขียวแบบชงมาแก้วหนึ่ง จากนั้นเราก็ออกจากร้านลูกชิ้น ไปร้านส้มต่ำไก่ย่าง “กินปลาร้าได้ไหมน้ำริน” วินถาม “น่าจะได้นะ” “ถ้าแพ้ขึ้นมาฉันจะถูกพ่อบ่นอีกว่าพาเธอมากินอะไร” เป็นประโยคแรกที่เขาพูดกับฉัน มันทำให้ฉันที่กำลังอารมณ์ดีหมดอารมณ์เลย “ฉันไม่ได้มากับนายนี่โซ่ นายไม่ได้ให้ฉันมาด้วย ฉันมากับวิน โน้ต พอซ ไวน์ เนอะ” ฉันไล่ชื่อเพื่อนๆ ทีละคน...คิดว่าจะเมินฉันได้คนเดียวหรือไง “ใจเย็นๆ เพื่อนกันค่อยๆ ทะเลาะกัน ไม่ต้องรีบ” โน้ตแทรกขึ้น พวกเขาก็คอยห้ามฉันกับโซ่แบบนี้ประจำตั้งแต่มอห้าจนถึงมอหก อีกไม่กี่เดือนก็จะแยกย้ายกันอยู่แล้ว ฉันนั่งกินข้าวเหนียวส้มตำไก่ย่างกับเพื่อนๆ เป็นรสชาติที่ถูกปากมากๆ เลย “อร่อยอะ ทำไมฉันไม่เคยกินอะไรแบบนี้นะ” “ก็เธอมันลูกคุณหนู” ไวน์แซว ให้ฉันมองแรงใส่ทีหนึ่ง แต่ก็ไม่นอยด์เพื่อน เพราะฉันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ “อยากไปปาโป่งใช่ไหมน้ำริน” พอกินอิ่มวินก็ถามขึ้น “ฮื่อ แต่อยากยิงปืนก่อน” “งั้นก็ไป เดี๋ยวค่อยมาซื้อของกลับบ้าน ป้าครับ คิดตังค์ด้วยครับ” วินเรียกเจ้าของร้านมาเก็บตังค์ ซึ่งวันนี้พวกเขาเลี้ยง หารกันแค่ห้าคนไม่ให้ฉันออกด้วย “ขอบใจนะ วันหลังเลี้ยงพิซซา” “พรุ่งนี้เลยได้ไหม” พอซรีบเสนอ กึ่งหยอกล้อ “ได้” เราลุกจากโต๊ะ เดินไปตามทางของโซนของกิน ไปจนถึงโซนขายของอื่นๆ แต่ยังไม่ได้แวะไปที่ร้านยิงปืนโซ่ที่ทำเป็นเมินฉันมาตลอดก็เข้ามาดึงเสื้อฉันไว้ ดึงฉันออกจากกลุ่มเพื่อนโดยไม่พูดไม่จา “โซ่ เดี๋ยวก่อน จะไปไหน” ฉันพยายามหันกลับไปมองเพื่อนๆ พวกนั้นยิ้มฝืนๆ ให้ฉัน โบกมือบ๊ายบายแล้วก็เดินไปอีกทาง ส่วนทางนี้ก็ดึงลูกเดียว “อะไรเนี่ย ฉันจะยิงปืน” เขาดึงจนเลยร้านเกมต่างๆ เดินมาเรื่อยๆ โดยไม่อธิบายอะไร “อยู่เฉยๆ” เขาเน้นเสียงด้วยอารมณ์ที่ทำให้ฉันชะงักกึก รู้สึกเหมือนถูกตะคอก โซ่จับข้อมือฉันไว้แน่นจนเจ็บ ขณะที่มือกดมือถือยุกยิก เขาหันมามองฉันแล้วก็ถอนหายใจ เหมือนรำคาญ เหมือนหนักใจอะไรที่ฉันก็ไม่รู้ เป็นอารมณ์ที่ตีตื้นขึ้นมาในอกจนอยากร้องไห้ “ปล่อย เจ็บ” สุดท้ายก็ต้องบอกแล้วพยายามแกะมือเขาออก โซ่ถึงยอมปล่อย...ฉันก็ไม่มีอารมณ์จะหนีไปไหนแล้ว เพื่อนก็ไม่เห็นแล้ว เขายังไม่พูดไม่อธิบาย สีหน้าดูเครียดๆ ขณะที่ฉันกำลังคิดอะไรอยู่เขาก็คว้าข้อมือฉันอีก “วิ่ง” ฉุดฉันตัวปลิวเลย ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแต่ก็วิ่งตามเขา จนรู้ตัวว่ามีผู้ชายสองสามคนวิ่งตาม ใจเต้นตึ้กตั้กกับสถานการณ์ตอนนี้ ที่โซ่พยายามพาฉันวิ่ง หลบทางนั้นทีทางนี้ทีจนเหนื่อยหอบ ขาล้าจนแทบจะล้มทั้งยืน “มึงจะไปไหน” เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมกับโซ่ที่หยุดชะงัก จนฉันหัวชนกับแผ่นหลังเขาจังๆ แต่ยังไม่มีอารมณ์จะเงยหน้าขึ้นมามองอะไร ขอหายใจก่อน จนพอหายเหนื่อยแบบที่ขายังสั่นถึงได้เงยหน้ามาดูสถานการณ์ ผู้ชายสามคนกำลังล้อมโซ่กับฉันไว้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD