ฤดูหนาวเริ่มเข้ามาหิมะขาวเริ่มปกคลุมทุกแห่งหน ทว่าวันนี้หยางเฟยเหยียนมีจุดหมายปลายทางคือตรอกเล็ก ๆ ใกล้ตลาดมืด เธอจดจำได้ว่าในอดีตมีชายเร่ร่อนถูกทำร้ายจนตายในตรอกนั้น
นี่นับเป็นอีกสิ่งที่เธอรู้สึกผิดในใจ หากวันนั้นเธอเลือกจะช่วยเหลือเขาแทนการให้เศษเงินเพียงเล็กน้อย เขาอาจมีชีวิตรอดไม่ตายในวันต่อมา หยางเฟยเหยียนจะไม่ยอมให้เขาตายง่าย ๆ อย่างในอดีต
เธอใช้เวลาเดินลัดเลาะได้ไม่นานก็พบกับร่างของชายเร่ร่อนกำลังนอนจมกองเลือดอยู่ในตรอก ทุกอย่างยังคงเป็นภาพเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ทว่าหยางเฟยเหยียนจะไม่ยอมให้เขาตาย เธอรีบวิ่งไปประคองให้เขาลุกขึ้น ใกล้ ๆ นี้มีบ้านที่พ่อกับแม่ซื้อไว้ให้เธอเป็นของขวัญวันแต่งงาน บ้านหลังนั้นคงพอให้ชายเร่ร่อนคนนี้พักอาศัย
“ฉันมาช่วย คุณอดทนหน่อยนะคะ” เดินไม่นานก็ไปถึงตัวบ้านแล้ว โชคดีแค่ไหนที่เกิดมาบ้านรวย พ่อแม่เตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว ท่านกลัวเธอโดนสามีทิ้งในอนาคตจึงซื้อบ้านไว้ให้
“เฟย…” เสียงแผ่วเบาดังออกมาก่อนจะเงียบไป
“คุณไหวไหม” เธอสังเกตดูแล้วบาดแผลไม่ลึกมากแค่เพียงถาก ๆ ไม่รู้ทำไมชาติก่อนนั้น ชายคนนี้ถึงกับเสียชีวิต หากให้คาดเดาคงเพราะอากาศที่หนาวจนเกินไป
“ทำไมถึงมาที่นี่” คนเจ็บที่นอนหนาวจนปากสั่นอดถามไม่ได้ หญิงสาวคนนี้นึกอย่างไรถึงมาช่วยคนเร่ร่อนอย่างเขา
“ฉันผ่านมาแถวนี้พอดี เลยอยากช่วย” จะบอกได้อย่างไรว่าเคยเจอเหตุการณ์นี้มาแล้ว ที่ช่วยเพราะไม่อยากรู้สึกผิด เธอไม่ใช่คนดีอะไรหรอก ทุกอย่างล้วนทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น
“ที่นี่อันตราย” เขาเตือนด้วยเสียงขาดห้วง ความรู้สึกหนาวจนแทบขาดใจทำเขาเดินช้า
“หุบปากนายไปอย่ามาเถียงฉัน รีบเดินเร็ว!” เธอออกแรงพยุงและเดินให้เร็วเมื่อเห็นเขาอาการแย่ลง
“…” ชายหนุ่มจำต้องเงียบตลอดทาง มาถึงบ้านขนาดกลาง ทุกอย่างดูสะอาดเรียบร้อยสมกับเจ้าตัว เมื่อเข้ามาด้านในทุกอย่างดูน่าอยู่จนเขาไม่กล้าพาตัวเองเข้าไปด้านใน เป็นหยางเฟยเหยียนที่พาเขาเข้ามาด้านใน พร้อมกับหาอุปกรณ์มาทำแผลพร้อมกับจัดเตรียมผ้าห่มให้เสร็จสรรพ
“นายพักที่นี่ก่อนแล้วกัน ฉันจะหาอาหารและเรียกหมอมาดูแผลให้นาย” เจ้าของเรือนร่างเย้ายวนถอนหายใจเมื่อเห็นเขาสีหน้าดีขึ้น
“ช่วยผมทำไม ผมไม่มีเงินคืนคุณ” ผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงกล้าพาผู้ชายเข้าบ้าน เธอไม่รู้จักกลัวบ้างหรืออย่างไรกัน
“ถ้าเป็นนายจะปล่อยคนตายต่อหน้าได้เหรอ อีกอย่างฉันรวยมากไม่อยากได้เงินนายหรอก สบายใจเถอะ”
หญิงสาวพูดให้เขาวางใจ
ก็แค่อยากทำความดีบ้าง เพราะในอดีตทำตัวน่ารำคาญจนสามีทิ้ง มานึกแล้วใครจะอยากอยู่กับคนงี่เง่ากัน
“ขอบคุณ คุณเป็นคนดี” เขาไม่ใช่คนชอบประจบใคร แต่สิ่งที่เธอทำนั้นหาได้ยากจากคนอื่น ไม่มีใครหาเรื่องใส่ตัวแบบนี้หรอก
“ไม่เลย ฉันเป็นคนเลว เห็นแก่ตัว งี่เง่า เอาแต่ใจ ขี้หึง ขี้โมโห ใจร้าย ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่างนอกจากปาก” เธอพูดติดตลกและยิ้มขำออกมาอย่างที่ไม่เคยทำยามอยู่กับสามี
คนนอนอึ้งกับรอยยิ้มนั้นไปครู่หนึ่ง
“ไม่จริงหรอก คุณไม่ได้เป็นแบบนั้น”
“คงมีแต่นายที่คิดแบบนี้” ชายคนนี้คงหลงรูปลักษณ์เธอเข้าแล้วถึงดวงตามืดบอด เธอนี่นางมารร้ายเชียวนะ
“ขอบคุณที่ช่วย คุณกลับไปเถอะคนที่บ้านอาจจะรอคุณอยู่”
เขารีบหันหน้าหนีไม่อยากมองหน้าสวยของหญิงสาวนาน
“ไม่มีใครรอฉันหรอกค่ะ สามีก็เพิ่งจะทิ้งฉันไปเพื่อดูแลผู้หญิงคนอื่นไม่นานนี้เอง น่าโมโหว่าไหม ต่อไปนี้ฉันคงต้องใช้ชีวิตคนเดียว รอให้เรื่องหย่าเสร็จก่อนเถอะ” การรอไป๋เทียนจินไม่ใช่สิ่งที่เธอเลือกจะทำอีกแล้ว
“เขาจะยอมเหรอ?” เสียงที่ถามดูจะจริงจังขึ้นเล็กน้อย ไม่รู้ว่าหยางเฟยเหยียนคิดไปเองไหม
“เรียกสามีก็ไม่ถูกนักหรอก เขาไม่ได้เต็มใจแต่งงานด้วยแต่แรก บ้านฉันรวยมาก ๆ เลยบีบบังคับเขาน่ะ เรื่องหย่าไม่น่าห่วง”
หญิงสาวส่ายหน้าก่อนจะหันมายิ้มให้กับชายเร่ร่อน
“คุณคงเสียใจที่เขาเลือกไปกับคนอื่น” ชายหนุ่มมองใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นโมโห
“แน่สิฉันโดนทิ้งนะ โมโหมากด้วย แต่ตอนนี้ฉันตัดใจจากเขาได้แล้ว แต่ที่ยังร้องไห้เพราะโมโหตัวเอง ถ้าฉันไม่งี่เง่าบังคับเขามาแต่งงานด้วย ฉันอาจจะได้เจอคนที่รักกันจริง ๆ ไม่ต้องมาเป็นแบบนี้” คนพูดกอดอก ผลจากการบีบบังคับก็คือโดนทิ้ง
เธองี่เง่าด้วยส่วนหนึ่ง เขาไม่รักกันก็อีกส่วนหนึ่ง
“คุณเกลียดเขา” ชายเร่ร่อนถามอย่างใคร่รู้ ราวกับเป็นเรื่องราวของตนเอง
“ฉันไม่สนใจให้ค่าคนอย่างเขาหรอก นายเลิกถามถึงคนแบบนั้นสักทีเถอะ ถ้าไม่เงียบฉันจะให้หมอเอายาพิษป้อนนายซะ!”
ชักจะถามมากไปแล้ว ไม่อยากเอ่ยถึงไป๋เทียนจินให้แสลงใจ
คนโดนต่อว่าปิดปากเงียบสนิทไม่กล้าถามต่อ ทำได้แค่มองตามร่างน้อยเดินจากไปเงียบ ๆ