หลังจากคุยกับตรีทศเสร็จพิมดาริกาก็กลับเข้ามาในห้องนอนของตัวเองแล้วรีบโทร. หาเอมิกาเพื่อที่จะบอกว่า ทั้งเดือนประดับและตรีทศไม่อนุญาตให้ไปทำงานพิเศษซึ่งเป็นงานถ่ายโฆษณาที่เอมิกาช่วยหาให้
“ฉันคิดอยู่แล้ว ว่าคุณย่าต้องไม่ยอมให้แกไปทำงานแน่ๆ แกมันหลานรักคุณย่านี่นา แค่พูดว่าไม่มีเงิน คุณย่าก็พร้อมที่จะเปย์ให้แกไม่อั้นอยู่แล้ว” เอมิกาพูดอย่างรู้สถานะความเป็นอยู่ของเพื่อนรักดี
“ขอโทษนะแอ้ม แกอุตส่าห์ช่วยหางานให้ เสียเครดิตแกแย่เลย”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องซีเรียส ฉันก็แค่ไปบอกพี่เขาว่าแกทำไม่ได้แล้วก็แค่นั้นเอง” เอมิกาบอกอย่างสบายๆ “เรื่องงานช่างมันเถอะ มาพูดเรื่องไปเที่ยวกันดีกันดีกว่า ลีโอเพิ่งโทร. มาบอกฉันว่าให้ชวนแกไปพัทยาด้วยกันพรุ่งนี้ แปดโมงมันจะเข้าไปรับแกที่บ้านก่อนแล้วค่อยมารับฉัน”
“จะไปพรุ่งนี้เช้าแล้วเพิ่งมาบอกตอนนี้เนี่ยนะ” พิมดาริกาบ่นอุบอิบ “ไม่คิดจะให้เวลาฉันเตรียมตัวบ้างเลยหรือไง”
“แค่พัทยา ไม่เห็นต้องเตรียมตัวอะไรเลย”
“ค้างปะ”
“คืนนึง”
“ฉันต้องขออนุญาตคุณย่าก่อน” พิมดาริกาตอบออกไปแล้วก็นึกได้ว่าคนที่เธอต้องขออนุญาตควรเป็นตรีทศมากกว่า เพราะตอนนี้เดือนประดับยกเธอให้อยู่ในความดูแลของเขาอย่างเต็มร้อยแล้ว “เดี๋ยวฉันไลน์ไปบอกนะว่าไปได้หรือไม่ได้”
“ต้องได้สิ เมื่อก่อนยังได้เลย”
“ตอนนี้ผู้ปกครองสายตรงของฉันคือพี่แทน ไม่รู้ว่าเขาจะให้ไปหรือเปล่า”
“หือ อะไร ยังไง ทำไมพี่แทนถึงเป็นผู้ปกครองแกได้ ฉันนึกว่าพอแม่แกเสียแล้ว คุณย่าจะเป็นผู้ปกครองแกแทนซะอีก”
“ก็ทั้งสองคนนั่นแหละ แต่พี่แทนเป็นผู้ปกครองหมายเลขหนึ่ง”
“เออๆ งั้นแกก็รีบไปขออนุญาตพี่แทนให้ไวเลย ถ้าเขาเป็นห่วงแกมากก็ให้ไปด้วยกันแล้วคอยเฝ้าอยู่ห่างๆ อย่างที่แม่แกเคยทำก็ได้”
“ไม่มีใครเป็นห่วงฉันเท่าคุณแม่หรอก โดยเฉพาะผู้ปกครองคนใหม่ของฉัน เขาก็แค่ฝืนใจทำไปตามหน้าที่เท่านั้นแหละ” บ่นเสร็จก็กดวางสายแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ฉีกยิ้มปลอบใจตัวเองก่อนเดินกลับไปที่ห้องทำงานของตรีทศ แต่เขาไม่อยู่แล้ว หญิงสาวหันไปมองประตูห้องนอนของตรีทศที่อยู่เยื้องกับห้องทำงานของเขาด้วยสีหน้าคิดหนัก อยู่ร่วมชายคาเดียวกันมาตั้งสิบกว่าปีเธอไม่เคยไปเคาะประตูห้องนอนของเขาเลยสักครั้ง
ระหว่างที่พิมดาริกากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เธอก็ได้ยินเสียงรถยนต์ที่คุ้นหูดังขึ้นจึงวิ่งไปดูที่หน้าต่างก็ได้เห็นรถสปอร์ตหรูสีดำของตรีทศขับออกจากบ้านไป หญิงสาวทำหน้าเซ็ง คืนนี้เป็นคืนวันศุกร์ พรุ่งนี้ตรีทศไม่ต้องไปทำงาน ตามปกติแล้วถ้าเขาออกจากบ้านไปเวลานี้ กว่าจะกลับก็คงเป็นบ่ายวันพรุ่งนี้หรือไม่ก็ตอนเย็นไปเลย เมื่อผู้ปกครองหมายเลขหนึ่งไม่อยู่ พิมดาริกาจึงต้องเบนเข็มไปหาผู้ปกครองหมายเลขสองแทน ทว่าคำตอบที่ได้รับก็ทำให้จ๋อยสนิท
“ย่าอนุญาตไม่ได้ ตอนนี้พี่แทนเป็นผู้ปกครองโดยตรงของพรีม พรีมต้องไปขออนุญาตพี่แทนเอาเอง” ความจริงเดือนประดับจะอนุญาตก็ได้ แต่ที่บอกให้ไปขออนุญาตตรีทศก็เพราะอยากให้หลานรักทั้งสองคนมีโอกาสได้คุยกันมากขึ้นเพื่อกระชับความสัมพันธ์
“พี่แทนออกไปข้างนอกแล้วค่ะ”
“งั้นก็โทร. ไปขออนุญาตพี่เขา”
“พรีมไม่มีเบอร์โทร. พี่แทนค่ะ” พิมดาริกาไม่ได้อ้าง เธอไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของตรีทศจริงๆ
“อะไร อยู่บ้านเดียวกันมาตั้งสิบกว่าปี ทำไมไม่มีเบอร์พี่เขา”
“ก็ไม่รู้จะมีไปทำไมนี่คะ ปกติก็ไม่มีเรื่องต้องคุยกันอยู่แล้ว”
เดือนประดับส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ เพราะแบบนี้ถึงอยากให้ทั้งคู่ได้คุยกันมากขึ้น “ย่าจะส่งเบอร์พี่แทนไปให้ทางไลน์ พรีมก็โทร. ไปขออนุญาตพี่เขาเอาเองก็แล้วกัน”
“ค่ะคุณย่า” พิมดาริการับคำเสียงอ่อยแล้วเดินหน้าจ๋อยกลับมาที่ห้องนอนของตัวเอง มาถึงก็เห็นหมายเลขโทรศัพท์ของตรีทศที่เดือนประดับส่งมาให้ทางแอปพลิเคชันไลน์โชว์อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของเธอแล้ว หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมามองแล้วทำหน้าแบบไม่อยากโทร. เลย
ภายในผับชื่อดังกลางกรุง ตรีทศนั่งดื่มรอศิวภัทรอยู่ในมุมที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว สักพักเพื่อนรักของเขาก็เข้ามานั่งแล้วจัดการชงเหล้าให้ตัวเองพลางถามอย่างรู้จักกันดี
“เซ็งเรื่องอะไรวะ หรือว่าวันนี้เปิดพินัยกรรมแล้วพ่อมึงยกสมบัติให้น้องพรีมคนเดียวหมด” ศิวภัทรรู้จักครอบครัวของตรีทศเป็นอย่างดี กับพิมดาริกาเองเขาก็เห็นมาตั้งแต่เด็กและเอ็นดูเธอเหมือนเป็นน้องสาวคนหนึ่งมาตลอด
“สมบัติน่ะยังไงกูก็ต้องได้คนเดียวอยู่แล้ว แต่ดันมีของแถมที่กูไม่อยากได้พ่วงมาด้วยนี่สิ โคตรเซ็งเลยว่ะ” พูดจบตรีทศก็ยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกดับความเซ็ง
“ขึ้นชื่อว่าของแถมมันก็น่าจะดีไม่ใช่เหรอวะ” ศิวภัทรพูดขำๆ “ถ้ามึงไม่อยากได้ก็ยกให้กูก็ได้ มึงจะได้เลิกทำหน้าเหมือนหมาถูกบังคับให้กินข้าวบูดแบบนี้สักที”
“ของของกู กูไม่ให้โว้ย” ถึงแม้จะไม่อยากได้ แต่คนที่มีนิสัย ‘หวงของ’ อย่างตรีทศก็ไม่ยอมยกของที่ขึ้นชื่อว่าเป็นของเขาให้ใครง่ายๆ
“หวงก้างนะมึง นิสัยเสียไม่เคยเปลี่ยน ตัวเองไม่อยากได้แต่ก็ไม่ยอมยกให้คนอื่น ว่าแต่ของแถมที่ว่าคืออะไรวะ”
“พรีม” ตรีทศตอบคำเดียวสั้นๆ
“น้องพรีม?”
“เออ”
“ยังไงวะ”
“พ่อกูทำเงื่อนไขแนบพินัยกรรมมาว่า กูต้องแต่งงานกับ พรีมก่อน กูถึงจะมีสิทธิ์ได้รับมรดกทั้งหมด” ตรีทศเล่าเพียงแค่ครึ่งเดียว โดยเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงเรื่องเงื่อนไขการมีลูกและการหย่าเพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและส่วนตัวจนเกินไป
“ไม่เห็นต้องเครียดเลยนี่หว่า ได้สมบัติแถมยังได้เมียน่ารักๆ แบบน้องพรีมอีก เป็นกูหน่อยไม่ได้ กูจะรีบแต่งเลย น้อง พรีมโคตรน่ารัก กูจีบให้มาเป็นนางเอกช่องกูตั้งหลายทีแล้ว แต่ย่ามึงหวงมาก ไม่ยอมปล่อยมาเลย” เจ้าของสถานีโทรทัศน์ช่อง 66 HD พูดกลั้วหัวเราะ เขาเข้าใจดี ว่าการที่เดือนประดับไม่ยอมให้หลานสาวเข้าวงการบันเทิงก็เพราะเป็นห่วงไม่อยากให้ทำงานเหนื่อย เพราะถึงแม้ฉากหน้าของดารานักแสดงจะดูสวยหรู ทว่าการทำงานเบื้องหลังนั้นหนักและเหนื่อยมาก ส่วนพิมดาริกาเองก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยอยากเป็นดารานักแสดงสักเท่าไรเหมือนกัน เพราะเวลาที่เขาชวนทีไรเธอก็มักจะปฏิเสธหัวชนฝาทุกที
“กูไม่ได้รักพรีม จะให้แต่งกันเข้าไปได้ยังไงวะ”
“เอาดีๆ ที่มึงไม่อยากแต่งงานกับน้องพรีมเป็นเพราะมึงไม่ได้รักน้องพรีมหรือเป็นเพราะมึงยังรักคนอื่นอยู่กันแน่” ศิวภัทรดักคออย่างรู้ไส้รู้พุงกันดี
ตรีทศไม่ตอบ เขากระแทกเหล้าเข้าปากอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ที่เพื่อนรักพูดถึง ‘อดีต’ ที่ไม่น่าจดจำของเขา และทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น ชายหนุ่มเห็นว่าเป็นหมายเลขที่ไม่ได้บันทึกไว้ในเครื่องจึงตัดสายทิ้ง
“ใครโทร. มา ทำไมไม่รับ” ศิวภัทรถาม
“กูไม่รับเบอร์แปลก”
“เผื่อเป็นเรื่องงาน ไม่รับหน่อยเหรอวะ”
“ถ้าเป็นเรื่องงานเดี๋ยวเขาก็โทร. ไปหาเลขาฯ กูเองแหละ แต่โทร. มาตอนนี้ไม่น่าใช่เรื่องงานหรอก อาจจะเป็นพวกมิจฉาชีพก็ได้ ช่วงนี้ยิ่งระบาดหนักอยู่ด้วย” ในขณะที่ตรีทศบ่นอยู่นั้นก็มีสายเรียกเข้าจากหมายเลขเดิมอีกหลายครั้งซึ่งตรีทศก็กดตัดสายทิ้งทุกครั้ง จนครั้งสุดท้าย เขารำคาญต้องกดปิดเสียงแล้ววางกระแทกโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ “โทร. มาอยู่ได้ น่ารำคาญ!”
ระหว่างที่สองหนุ่มนั่งดื่มกันอยู่ เสียงคุ้นหูของหญิงสาวคนหนึ่งก็ดังขึ้น
“แทน พอล บังเอิญจังเลย ไม่คิดว่าจะเจอกันที่นี่ ขอเจนนั่งด้วยคนนะ กำลังเหงา อยากมีเพื่อนดื่มอยู่พอดี” ว่าแล้วเจนรวีก็ถือวิสาสะนั่งลงข้างตรีทศโดยที่สองหนุ่มยังไม่ทันได้เอ่ยปากเชื้อเชิญ
ตรีทศหันไปด่าศิวภัทรด้วยสายตา เพราะเขากำชับแล้วว่าไม่ให้ชวนเจนรวีมา ซึ่งศิวภัทรก็ส่งสายตอบมาอย่างอ่านใจกันออกว่าเขาไม่ได้เป็นคนชวนเจนรวีมา ซึ่งศิวภัทรพอจะเดาออกว่า เจนรวีน่าจะได้ยินเขานัดแนะกับตรีทศตอนที่อยู่ในเวดดิ้งสตูดิโอของเธอแล้วแอบตามมา
“กำลังคุยความลับอะไรกันอยู่หรือเปล่า พอเจนมาก็เงียบกริบกันเลย”
ศิวภัทรเห็นตรีทศเอาแต่กระดกเหล้าเข้าปากอย่างเซ็งๆ จึงเป็นคนตอบเอง “คุยกันเรื่องทั่วไป แล้วก็แอบเหล่สาวโต๊ะนั้นด้วย”
“จะแต่งงานอยู่แล้วยังไม่ทิ้งนิสัยเดิมอีกเหรอพอล” เจนรวีแซวด้วยรอยยิ้ม “ไหนว่าเลิกเจ้าชู้แล้วไง”
“มันเป็นสันดาน เลิกไม่ได้ง่ายๆ หรอก” ตรีทศอดแขวะเพื่อนรักไม่ได้
“ปากดีได้แล้วเหรอมึง” ศิวภัทรหัวเราะอย่างไม่ถือสาแล้วถือแก้วเหล้าเดินไปหาสาวโต๊ะข้างๆ ที่นั่งสบตากันเป็นระยะตั้งแต่เขาเข้ามาในร้าน ทิ้งให้ตรีทศนั่งอยู่กับเจนรวีสองคน
“แทนมีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า หน้าตาดูมูดดี้มากเลย” เจนรวีถามพลางขยับตัวเข้าใกล้ตรีทศอีกนิดอย่างแนบเนียน
“ไม่มีอะไร” ตรีทศขยับตัวออกห่างจากเจนรวีเพื่อรักษาระยะห่างให้เท่าเดิมแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มเป็นการบอกทางอ้อมว่าเขาไม่สะดวกที่จะตอบคำถามนี้
พิมดาริกาพยายามโทร. หาตรีทศหลายครั้งแต่ก็ถูกเขาตัดสายทิ้งตลอด เธอจึงแอดไลน์แล้วส่งข้อความไปบอกเขาว่า ‘พรุ่งนี้ พรีมขอไปเที่ยวพัทยากับเพื่อนนะคะ ค้างคืนนึง’ ส่งข้อความไปแล้วก็จ้องหน้าจอรอคำตอบ ผ่านไปเกือบหนึ่งนาทีจึงมีข้อความตอบกลับมาอย่างไม่สนใจไยดีว่า ‘จะไปไหนก็ไป’ หญิงสาวทำหน้ายู่ใส่หน้าจอโทรศัพท์มือถือแล้วลุกขึ้นไปจัดกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางพรุ่งนี้