อากาศตอนเช้าที่ขอนแก่นดีชะมัด...
ฉันยังนอนกอดหมอนข้างในผ้าห่มลายโดราเอมอน ตัวการ์ตูนสุดโปรด หมอนข้างมันเริ่มยวบไปตามกาลเวลา แต่กลิ่นยังหอมสะอาดเหมือนเดิม ไม่มีหรอกกลิ่นน้ำลายบูด เพราะแม่ซักให้ตลอด ขอบคุณนะคะ คุณแม่สุดที่รักของพาย
“หาว~”
เสียงหาวดังลั่นห้องแบบไม่แคร์สื่อ ไม่แคร์ใคร ไม่สนอะไรทั้งนั้น ตามมาด้วยท่ายืดเส้นยืดสายแบบคนเพิ่งหลุดจากรังหมีฤดูหนาว
ผมฟูเป็นไม้กวาดแนบหน้าตาแทบไม่เปิด แต่ไม่เป็นไรหรอก ไม่มีใครเห็น เพราะที่นี่ ‘ห้องนอนพาย’ พื้นที่ส่วนตัวที่จะทำอะไรก็ได้...
‘อะไรก็ได้’ ที่ว่าก็คือการ ‘ตด’
ก็แหม... อย่ามาหัวเราะพายนะ ใครบ้างล่ะที่ไม่เคยตด? ต่อให้เป็นนางงามก็ยังต้องมีมุมนี้บ้างล่ะน่า คิก คิก
หลังจากนอนหอพักแคบ ๆ ในกรุงเทพฯ มาหลายเดือน การได้ตื่นมารับอากาศบริสุทธิ์แบบนี้คือสวรรค์ของพาย
ฉันลุกขึ้น เดินไปเปิดหน้าต่าง แสงแดดเช้าสาดเข้ามา มันไม่แสบตา แต่ก็ต้องหรี่ตานิด ๆ
กลิ่นดินหลังฝนหลงฤดูเมื่อคืนลอยมาแตะจมูก เสียงไก่ขัน เสียงแม่ตะโกนดุพ่อ ดุไอ้ด่าง เสียงอะไรหลายอย่างที่คุ้นเคย... ทั้งหมดรวมกันเป็นสิ่งที่คิดถึงแบบไม่รู้ตัว มีความสุขแบบอธิบายไม่ถูก
ฉันพิงหน้าต่าง กอดแขนตัวเองหลวม ๆ แสงแดดแตะผิวหน่อย ๆ ลมโชยมาก็รู้สึกดี ริมฝีปากดันเผลอยกยิ้ม... ก่อนจะแตะมันเบา ๆ ด้วยปลายนิ้ว เพราะเมื่อคืนฝันบ้า ๆ ฝันว่าตัวเอง ‘จูบ’ กับหมอ
หมอที่ตรวจเมื่อวันก่อน ทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้า เห็นแต่ตา... แต่ก็ดันเก็บไปฝันจนได้
ดวงตาเรียว คิ้วเข้ม เสียงทุ้ม ๆ พูดน้อยแต่จำแม่น โดยเฉพาะประโยคนั้น ที่ยังวนเวียนอยู่ในหัวไม่ยอมไปไหน
‘มดลูกน่าจะอักเสบ... ไปโดนของแข็งที่ไหนกระแทกมารึเปล่า’
ในฝัน เขาถอดแมสก์ออก แล้วโน้มหน้าเข้ามา... แล้วเราก็...
เพียะ!
“โอ๊ย” ฟาดหน้าตัวเองแบบไม่แรงมาก
“ไม่ได้ชอบหมอสักหน่อย แค่ฝัน แค่ฝันเฉ๊ย!”
แล้วไอ้หัวใจไม่รักดีจะเต้นแรง... ทำไมวะ
เบะปากใส่กระจกเงาสีทองข้างโต๊ะเครื่องแป้ง หัวฟู ๆ สะท้อนอยู่ในนั้นเหมือนคนสติหลุด “แล้วจะไปฝันถึงหมอคนนั้นทำไมเนี่ย!”
พูดเองด่าเอง พลางสะบัดหัว ไล่ภาพในฝันให้หลุดแต่ไม่หลุด น่าหงุดหงิดแต่เช้า หงุดหงิดตัวเองนี่แหละที่ดันทะลึ่งฝันอะไรบ้า ๆ แบบนั้น
รีบคว้าเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์ขาสั้น แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าต้องไปส่งแม่ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ก่อนที่แม่ใหญ่พิมพ์คนสวยจะกลายร่างเป็นนางผีเสื้อสมุทร เพราะแม่น่ะ ถึงจะใจดี แต่ถ้าใครไม่ได้ดั่งใจ แม่จะเข้าสู่โหมดโหด น่ากลัวแค่ไหนไม่รู้... ขนาด ‘อดีตกำนันเพลิง’ ผู้ไม่เคยเกรงกลัวใคร ยังต้องสยบให้แม่ใหญ่พิมพ์!
ฉันขี่มอเตอร์ไซค์คันเก่งออกจากบ้าน โดยมีแม่ใหญ่พิมพ์คนสวยซ้อนท้าย แม่จัดเต็มทั้งเสื้อคลุมแขนยาว ผ้ากันแดด ผ้าปิดจมูก ดูทรงแล้วเหมือนจะไปลุยฝุ่นหน้าแล้ง... ทั้งที่จริง ๆ อากาศเช้านี้ดีสุดขีด
“จับแน่น ๆ เด้อแม่ เดี๋ยวเค้าจะพาซิ่ง!” (จับแน่น ๆ นะแม่ เดี๋ยวหนูจะพาแว้น!)
ฉันหันไปยิ้มกวน พร้อมกระตุกคันเร่งเบา ๆ ยังไม่ทันได้เร่งจริงจัง แม่ก็ฟาดคำดุใส่ทันที
“ซิ่งพ่อเจ้าสิ! ขี่เบา ๆ แนเด้อ อย่าฟ้าว ๆ เดี๋ยวได้ไปนอนโรงพยาบาลแทนไปอบรม!” (อย่าขี่เร็วสิลูก! เดี๋ยวจะได้ไปนอนโรงพยาบาลแทนไปอบรมหรอก!)
“จ้า~” ฉันลากเสียงยาวแบบยอมจำนน แต่พอพ้นประตูบ้านเท่านั้นแหละ... คันเร่งในมือมันก็ขยับเองโดยไม่รอสมองสั่ง
แม่จับเอวฉันแน่นราวกับกำลังโหนสลิง
“พาย! บอกให้ขี่เบา ๆ คือบ่ฟังกันเลยเนอะ!” (พาย! แม่บอกให้ขี่เบา ๆ ทำไมถึงไม่ฟังแม่เลย หา!)
“ขี่เบาแล้วแม่ ขี่เหมือนคนมีแฟนเลย ค่อย ๆ ไป กลัวแฟนนั่งซ้อนจะหล่นลงข้างทาง~”
ฉันหันมายิ้มหวานปนแกล้ง ก่อนจะโดนดีดหลังเป๊าะเต็มแรง
“หย่างปากดีแท้! อย่าให้รู้นะว่ามีแฟนแล้วบ่บอกแม่” (ปากดีจริง ๆ เลย! อย่าให้รู้นะว่ามีแฟนแล้วไม่บอกแม่!)
“โหย... บ่มีดอกแม่ ขี่ฮ้ายกะด้อ ไผสิมามัก” (โอ๊ยไม่มีหรอกแม่ ขี้เหร่แบบนี้ใครจะมาชอบ)
แม่หัวเราะในลำคอแบบไม่เชื่อเต็มร้อย แต่ก็ไม่ซักอะไรต่อ ลมตอนเช้าตีแก้มเบา ๆ จนเย็นวาบ ทำให้รู้สึกสดชื่น และมีความสุขทุกครั้งที่ได้พาแม่ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไปไหนมาไหนด้วยกันแบบนี้
เป็นหนึ่งในโมเมนต์ที่ไม่เคยรู้สึกเบื่อ บ้านคือที่ที่ได้เป็นตัวเองแบบเต็มร้อยจริง ๆ ความสุขที่หาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
ปลายทางของเราคือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลที่คุ้นเคย แม่มีอบรมอะไรสักอย่างเกี่ยวกับวันสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง ท่านเคยบอกไว้แล้วแหละ... แต่ฉันมันพวกสมองปลาทอง จำไม่ได้หรอก รู้แค่ว่าวันนี้ต้องทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้หัวหน้า อสม. อย่างแม่ใหญ่พิมพ์...
ล้อมอเตอร์ไซค์จอดสนิทตรงลานหน้าโรงพยาบาล
ป้ายผ้าไวนิลขนาดใหญ่ติดอยู่ด้านหน้าเขียนว่า
‘สงกรานต์ปลอดภัย งดใช้แป้ง งดเล่นน้ำแรง ๆ และงดใช้น้ำสกปรก’
‘ด้วยรักและห่วงใยจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านหว้า’
ฟอนต์โค้ง ๆ มีรูปคนยิ้มถือขันน้ำประกอบอย่างน่ารัก ฉันหรี่ตามองมันนิดหน่อย แล้วพึมพำกับตัวเอง
“แป้งก็ไม่ได้ น้ำก็ต้องสะอาด... แล้วจะเหลืออะไรให้เล่นมั่งเนี่ย”