Chapter 4
“ให้คนพาไปที่โกดัง เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะไปเค้นถามเองว่าใครเป็นคนส่งมันมา”
“ครับเจ้านาย” ตะวันเอ่ยรับแต่ก่อนจะเดินไปก็หันมามองหน้าชายหนุ่มที่ยืนอยู่กับเจ้านายเล็กน้อย แม้จะสงสัยว่าเป็นใครแต่ก็ไม่ใช่เวลาที่จะถามออกไป
“อะไรครับ” ภาคินเอ่ยถามเมื่อเห็นสิงหาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้
“เซฟเบอร์โทรศัพท์นายลงไป”
“เอ่อ...ผมจำเบอร์ตัวเองไม่ได้” คนตัวเล็กกว่าตอบเลี่ยงๆ แต่มีหรือที่สิงหาจะเชื่อ
“จะให้ฉันค้นตัวนายตอนนี้ไหม ถ้าเจอโทรศัพท์ขึ้นมา นายตายศพไม่สวยแน่” เมื่อได้ยินแบบนั้นภาคินก็รีบรับโทรศัพท์มาจากมือของสิงหาแล้วจัดการตามที่เขาบอกทันที ก่อนจะยื่นโทรศัพท์คืนให้เขาไป แต่ทว่าไม่ถึงวินาทีหลังจากนั้นเสียงโทรศัพท์ของภาคินก็ดังขึ้น
“เบอร์ฉัน ช่วยเซฟไว้ด้วย” เอ่ยบอกเสร็จสิงหาก็เดินจากไป ปล่อยให้ภาคินยืนมองตามแผ่นหลังกว้างๆ นั่นของเขา แล้วด่าทอตัวเองขึ้น
“นี่มันวันซวยอะไรวะ อยู่ดีไม่ว่าดีมาเจอโจรหมายหัวแบบนี้”
อาหารเที่ยงของภาคินวันนั้นดูไร้รสชาติขึ้นมาทันที เพราะในหัวมีแต่ภาพของเหตุการณ์ที่เพิ่งประสบพบเจอ ที่อันตรายเกือบเอาชีวิตไม่รอดแถมยังถูกหมายหัวจากใครก็ไม่รู้อีก
“สิงหา ใช่ลูกน้องเรียกเขาว่าสิงหา” ภาคินถึงบางอ้อ แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาค้นหาข้อมูลของสิงหา ทว่ากลับเจอแต่อะไรก็ไม่รู้หาประโยชน์หรือข้อมูลเฉพาะของชายหนุ่มไม่ได้เลยสักนิด นั่นทำให้ภาคินเกิดอาการมืดแปดด้าน ไม่รู้ว่าต้องใช้ชีวิตภายใต้ความระแวงแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่
แต่ในเมื่อยังไม่ตายเขาก็ต้องมีลมหายใจต่อหรือต่อให้วินาทีนี้ต้องตายจริงๆ เขาก็จะสู้ให้ถึงที่สุด นั่นคือความเข้มแข็งของภาคินที่ถูกสอนจากผู้เป็นยาย แม้บางจังหวะของชีวิตจะทำให้เขาอ่อนแอ แต่ภาคินก็พร้อมจะลุกขึ้นสู้ตลอดเวลาเช่นกัน
เมื่อกลับมาที่พัก ภาคินก็นั่งมองสมุดบัญชีของตัวเองที่ยอดเงินนั้นไม่ได้มีมากมายนัก หากยังเลือกงานก็มีหวังอดตายเป็นแน่ อย่างน้อยงานที่คลับของภูริชก็ทำให้เขามีเงินใช้ ภาคินนั่งเหม่อคิดอะไรกับตัวเองเรื่อยเปื่อย กระทั่งได้เวลาทำงาน
“ลุคนี้ดูดีวะมึง” ภูริชเอ่ยชมเมื่อเห็นภาคินมาในลุคสบายๆ เสื้อเชิ้ตสีขาวแมทซ์กับกางเกงยีนเหมือนนักศึกษาหรือหนุ่มออฟฟิศ ซึ่งลุคแบบนี้ใช่ว่าจะเข้ากับทุกคน
“กูต้องทำอะไรบ้างวะ”
“ก็แค่เข้าไปเทคแคร์แขกนั่นแหละ เดี๋ยวกูสแกนให้เอง” ภูริชเอ่ยบอก นั่นเพราะรู้ว่าภาคินยังใหม่กับงานที่กำลังจะทำ ขืนไปเจอเสือมือไวเข้าจะยิ่งกลัวไปกันใหญ่ มือใหม่อย่างภาคินต้องเจอแขกใจเย็นและทิปหนัก ซึ่งในหัวของภูริชมีอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่ภูริชไม่รู้คือตอนนี้คนรักที่คบหากันมาได้หลายปี หวังล้างหนี้ก้อนโตที่มีจึงคิดการใหญ่ด้วยการพกปืนเถื่อนไปยิงสิงหา แต่ทว่ากระสุนกลับด้านยิงไม่ออก จนต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน สุดท้ายก็จนมุมถูกจับตัวได้
ถึงแม้จะถูกลูกน้องของสิงหาจับมาได้แต่พศินก็ปิดปากเงียบ แม้จะถูกเค้นอย่างหนักถึงขั้นเลือดตกยางออก และก่อนที่ลมหายใจจะถูกดึงออกไป มันก็ยอมคายความลับออกมาพร้อมร้องขอความเมตตา ทว่าสิงหากลับไม่มีให้
“ไปที่คลับ”
“ผมขอร้องละครับ จะฆ่าผมเลยก็ได้” พศินร้องขอนั่นเพราะเรื่องนี้ภูริชไม่มีส่วนรู้เห็นแม้แต่น้อย เขาเป็นคนต้นคิดและทำเองคนเดียว
“ไป” สิงหายังคงยืนยันคำสั่งเดิม เพราะต่อให้ภูริชจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ก็ต้องร่วมรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ครับเจ้านาย” ตะวันเอ่ยรับ ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องลากตัวพศินออกไปขึ้นรถก่อน จากนั้นก็คอยเป็นการ์ดยืนประกบเพื่อดูแลความปลอดภัยให้เจ้านายกระทั่งถึงรถที่จอดรออยู่
ขบวนรถของสิงหามุ่งหน้าไปยังคลับของภูริช นั่นเพราะเขาไม่พอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก เนื่องจากที่ผ่านมาตนผ่อนปรนเรื่องการคืนหนี้ให้ภูริชมาโดยตลอด แต่วันนี้ความหวังดีของเขามันได้หมดลงแล้ว
เมื่อมาถึงพศินก็ถูกลูกน้องของสิงหาโยนเข้าไปในคลับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความแตกตื่นให้แขกและพนักงานจนวิ่งหนีตายกันออกมาอย่างโกลาหล ภูริชที่อยู่ในห้องด้านหลังได้ยินเสียงที่เกิดขึ้นจึงรีบรุดออกมาดู กระทั่งเห็นพศินนอนอยู่กับพื้นจึงเข้าไปพยุงอย่างเป็นห่วง
“เกิดอะไรขึ้นพศิน ทำไมถึงเจ็บตัวมาแบบนี้” ภูริชเอ่ยถามคนรักที่สภาพตอนนี้สะบักสะบอม แต่ทว่าพศินกลับพูดไม่ออกเพราะรู้สึกผิดต่อคนรักมากนั่นเอง
“มันคิดจะฆ่าคุณสิงหา” เสียงของตะวันดังขึ้น นั่นยิ่งสร้างความตกใจให้ภูริชเป็นอย่างมาก นี่ถ้าไม่ได้ยินกับหู เขาไม่มีวันเชื่อแน่นอนว่าพศินจะกล้าทำอะไรแบบนี้
“ว่าไงนะ”
“ผมขอโทษ” พศินเอ่ยขอโทษออกมา เพราะอารมณ์ชั่ววูบของเขาที่อยากเคลียร์หนี้ให้ภูริช แต่สุดท้ายกลายเป็นก่อเรื่องจนใหญ่โต จนอาจเอาชีวิตกันไม่รอด
“นายทำบ้าอะไรลงไปรู้ตัวหรือเปล่า” แม้จะโกรธแต่ทว่าภูริชกลับไม่แม้แต่จะทุบตีพศิน นั่นเพราะรู้ว่าชายหนุ่มทำไปเพราะความหวังดีที่มีต่อเขา
“ผมแค่อยากช่วย ขอโทษที่คิดน้อยไป” พศินเอ่ยตอบกลับมาอย่างยากลำบาก เพราะก่อนหน้านี้ถูกคนของสิงหาซ้อมมาอย่างหนัก
“แล้วคุณสิงหาเป็นไงบ้าง” ภูริชเอ่ยถามถึงเจ้าหนี้รายใหญ่ และเสียงของสิงหาที่เดินเข้ามาจังหวะนั้นพอดีก็เอ่ยตอบขึ้น ด้วยโทนเสียงทุ้มๆ แต่ทว่าแฝงความน่าเกรงขามไว้
“ฉันยังสบายดี”
“คุณสิงหา ผมขอโทษแทนพศินด้วย อย่าเอาเรื่องเขาเลยนะครับ” เมื่อเห็นหน้าสิงหา ภูริชก็ยกมือไหว้ทันที
“อืม...ฉันควรยกโทษให้ดีไหมนะ” สิงหาเปรยขึ้น ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ ลูกน้องคนสนิท ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบคลับที่พังอย่างไม่เป็นท่า ด้วยเหตุนั้นคนที่อยู่ด้านในสุดอย่างภาคินจึงออกมาไม่ได้ เพราะประตูทางเข้ามีโต๊ะขวางเอาไว้