Chapter 3
เพราะยังไม่มีรถส่วนตัวขับ ภาคินจึงนั่งรถตู้ไปหาภูริชที่พัทยา เมื่อมาถึงเจ้าถิ่นก็พาไปยังห้องพักเพื่อเก็บข้าวของ
“อยู่ได้ไหม”
“อยู่ได้ แถมยังอยู่แบบสบายมากด้วย” คำพูดของภาคินทำให้คนฟังยิ้มออกมา
“นั่งรถมาเหนื่อยๆ มึงพักก่อนก็ได้ เย็นนี้ค่อยไปเจอกันที่คลับ”
“อืม...ขอบใจ” ภาคินเอ่ยประโยคนี้ซ้ำอีกครั้ง ภูริชตบบ่าเพื่อนสนิทหนักๆ แล้วขอตัวไปจัดการธุระอย่างอื่นต่อ
ภาคินเก็บข้าวเก็บของในห้องนอนแบบสตูดิโอ ซึ่งอพาร์ทเม้นท์ที่ภูริชหาให้อยู่ไม่ไกลจากคลับเท่าไหร่นัก เพราะเดินไปไม่ไกลก็ถึง
เมื่อเก็บของเสร็จก็ลงไปหาอะไรกิน ชายหนุ่มเดินตามซอยมาเรื่อยๆ กระทั่งถึงหน้าชายหาดพัทยา ที่นี่ผู้คนพลุกพล่านไม่น้อย นั่นเพราะนี่คือเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมที่ตื่นอยู่ตลอดเวลา แต่แล้วจู่ๆ เสียงเอะอะโวยวายก็แว่วมาเข้าหู
“หลบๆ หลีกทางไป” ภาคินหันไปมองยังต้นเสียงก็เห็นชายชุดดำคนหนึ่งวิ่งตรงมายังจุดที่เขายืนด้วยความเร่งรีบ สีหน้าดูเหมือนไปทำอะไรผิดมาสักอย่าง
แม้จะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่สัญชาตญาณของภาคินบอกให้เขายื่นมือเข้าไปช่วย แต่ก็มีข้อแม้ขึ้นในใจว่าเขาจะช่วยแบบปิดทองหลังพระ เพราะไม่อยากวุ่นวายกับตำรวจหรือคดีความให้เสียเวลา
เมื่อคิดแบบนั้นชายหนุ่มจึงยืนหลบเข้าริมกำแพง แล้วรอจังหวะให้ชายคนที่ว่าวิ่งเข้ามาใกล้อีกนิด นับหนึ่งสองสามขึ้นในใจแล้วจึงยื่นเท้าออกไปหวังสกัดขาชายคนนั้นให้สะดุดล้ม
ทว่าเป้าหมายกลับรู้ทัน!
เพราะได้กระโดดหลบอย่างคล่องแคล่วราวกับจาพนม แถมยังหันมาสบตาภาคินราวกับคาดโทษ พลเมืองดีที่หวังจะจับโจรแบบปิดทองหลังพระได้แต่มองภาพนั้นตาปริบๆ และเพราะว่าขายาวๆ ของตัวเองยังค้างอยู่ท่านั้น ทำให้คนที่วิ่งตามโจรมาทีหลังอย่างเร็วถึงกับเบรกไม่อยู่แล้วสะดุดล้มหัวทิ่มไปต่อหน้าต่อตา
“เห้ย!” ภาคินอุทานออกมาอย่างตกใจ ก่อนจะรีบเก็บขาให้เข้าที่เข้าทาง ไม่เป็นภาระแก่คนอื่น
“ตามมันไปตะวัน” เสียงของชายชุดดำคนที่ล้มเอ่ยบอกกับชายอีกคนที่จะเข้าไปช่วย ซึ่งชายคนที่ชื่อว่าตะวันก็ไม่รีรอที่จะทำตามคำสั่งนั้นทันที
ภาคินยืนมองนิ่งๆ พยายามจับต้นชนปลายแต่ก็มึนเกินจะเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดได้ และเมื่อความชุลมุนแรกผ่านพ้นไปแล้ว เขาจึงค่อยๆ เดินเข้าไปหาชายคนนั้นด้วยความรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้ต้องเจ็บตัว
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“เจ็บ” นอกจากปากจะบอกว่าเจ็บแล้วสีหน้าก็แสดงออกว่าเจ็บจริงๆ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเจ็บหนักกว่านี้กลับไม่เคยปริปากบอกใครด้วยซ้ำ
“มา ผมช่วยพยุง” เอ่ยบอกเสร็จภาคินก็เข้าไปช่วยพยุงชายตรงหน้า แต่เมื่อเขาลุกขึ้นยืนเท่านั้นถึงรู้ว่าอีกฝ่ายตัวสูงมาก
“ขอบคุณ แต่ถ้าให้ดีคุณไม่ต้องยื่นขาเก้งก้างข้างนั้นออกมาสกัดกันก็ได้นะ”
“ผมจะสกัดโจร แต่ไม่คิดว่าจะได้พลเมืองดีแทน”
“ใครบอกว่าฉันเป็นพลเมืองดี” คำพูดของชายแปลกหน้าทำให้ภาคินเหวอ ถึงกับรีบขยับตัวออกห่าง แล้วตะโกนหาตำรวจ
“อ้าว! คุณตำรวจ โจรอยู่นี่ครับ...อื้อ” เสียงของภาคินขาดหายไป เมื่อถูกชายตรงหน้ายื่นมือมาปิดปากพร้อมยังล็อกตัวไว้อย่างรวดเร็ว
“เงียบก่อนแล้วผมจะปล่อย” เสียงกระซิบของชายคนนั้นดังขึ้นข้างหู ภาคินพยักหน้ารับปาก ว่าเขาจะเงียบให้มากที่สุด แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ชายชุดดำอีกสองสามคนก็วิ่งกรูกันเข้ามาตรงจุดที่เขากับชายแปลกหน้ายืนอยู่ ภาพที่เห็นยิ่งตอกย้ำให้ภาคินมั่นใจเข้าไปอีกว่าตอนนี้ตัวเองอยู่กับ...โจร
“คนนี้หรือครับเจ้านาย”
“เปล่า” เสียงทุ้มของสิงหาเอ่ยตอบลูกน้องที่ตามมาสมทบ ก่อนจะหันมองหน้าคนที่ถูกเขาล็อกตัวไว้นิดหน่อย แล้วหันไปพูดกับลูกน้องต่อ
“ตะวันตามไปแล้ว พวกนายก็ตามไปช่วยอีกแรงแล้วกัน”
“ครับ” เมื่อรับปากเสร็จชายชุดดำสองสามคนนั้นก็พร้อมใจกันวิ่งจากไป ในขณะที่ภาคินยังยืนแข็งทื่อหลังชิดกับกำแพง ทั้งๆ ที่ตอนนี้สิงหาลดมือลงแล้ว
“คุณจะฆ่าผมปิดปากหรือเปล่า”
“อืม” คนถูกถามทำท่าคิด นั่นยิ่งทำให้ภาคินใจคอไม่ดี หรือเขาจะต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่พัทยาแล้วอย่างนั้นเหรอ
“ฆ่าแน่ใช่ไหม” น้ำเสียงสั่นๆ ของภาคินเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง แต่ท่าทางหวาดกลัวที่เห็นตรงหน้ากลับทำให้สิงหานึกขำออกมา นี่เขาดูน่ากลัวถึงขนาดนั้นเชียวเหรอ
“ทำไมต้องฆ่า”
“ก็คุณเป็นโจรแล้วผมก็เห็นหน้าคุณชัดออกขนาดนี้ คุณจะเก็บผมไว้ทำไม”
“นั่นนะสินะ จะเก็บไว้ทำไม” สิงหาเริ่มนึกสนุกที่ได้แกล้งคนตรงหน้า ยิ่งเห็นความหวาดกลัวที่กำลังสั่นระริกอยู่ในแววตาด้วยแล้วเขาก็ยิ่งชอบ
“แต่ถ้าคุณเก็บผมไว้ ไม่แน่ว่าผมอาจมีประโยชน์ก็ได้”
“ประโยชน์ยังไง” เสียงทุ้มของสิงหาเอ่ยถาม หากวัดจากขนาดตัวแล้วเขานั้นสูงกว่าชายตรงหน้ามาก
“อย่างน้อยผมก็ออกไปซื้อข้าวซื้อน้ำให้ได้”
“ลูกน้องฉันมีออกเยอะแยะ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้คงไม่ต้องพึ่งนายหรอก” มาเฟียหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา สีหน้าของภาคินตอนนี้เริ่มซีดเหมือนไก่ต้มเข้าไปทุกที ไม่รู้ว่าวันนี้ก้าวขาไหนออกจากห้อง ถึงต้องมาเจอเหตุการณ์รวมไปถึงคนที่ไม่น่าเจอ
“งั้น ผมจะปิดปากให้สนิท รับรองว่าจะไม่บอกใครเด็ดขาด สาบานได้ครับ”
“เอาเป็นว่านายติดหนี้ชีวิตฉัน โอเค้” สิงหามัดมือชก ประโยคที่ได้ยินทำเอาภาคินเหวออีกครั้ง
“หา”
“นายชื่ออะไร”
“กาย แต่ถ้าชื่อตามบัตรประชาชนก็ภาคิน” ภาคินเอ่ยตอบแถมความกวนเล็กๆ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายถามซ้ำเรื่องชื่อเล่นชื่อจริง
“เห็นฉันเป็นนายทะเบียนหรือไงถึงต้องรายงานชื่อครบขนาดนี้” ยังไม่ทันที่ภาคินจะได้แย้งอะไร เสียงของลูกน้องสิงหาก็ดังขึ้น และนั่นก็ทำให้ภาคินรู้ว่าชายตรงหน้ามีชื่อว่าอะไร
“คุณสิงหา”
“จับตัวมันได้แล้วใช่ไหม” สิงหาหันไปคุยกับตะวันที่วิ่งกลับมารายงานความคืบหน้า โดยลูกน้องคนสนิทมีอาการหอบให้เห็น
“ครับ”