ตอนที่ 1

1170 Words
-เส้นขนานหัวใจ- Tael Side เมื่อหลายปีก่อน "เทลลูก หนูเก็บของเสร็จแล้วยัง พลอยมาถึงแล้วนะลูก" เสียงของแม่ดังขึ้นเมื่อใกล้เวลาเดินทาง "เสร็จแล้วแม่" วันนี้ฉันต้องเดินทางไปกรุงเทพเพื่อศึกษาต่อ จบมอหกแล้วก็ต้องเรียนต่อปริญญา มันรู้สึกใจหายที่ต้องห่างจากบ้านและห่างจากอกของแม่ "ดูแลตัวเองดี ๆ นะเทล" "กอดหน่อยพ่อ" ฉันขออ้อนพ่อครั้งสุดท้าย แล้วกราบลาพวกท่านทั้งสอง "ถึงแล้วเทลจะรีบโทรหานะคะ" ฉันโบกมือลาพระในบ้านแล้วก้าวขาขึ้นไปนั่งในรถตู้โดยสาร ใช้เวลาประมาณสี่ชั่วโมงก็มาถึงจุดหมายปลายทาง "เอาไงต่อเนี่ย" ตอนนี้ฉันกับพลอยกำลังมองหาที่พัก ซึ่งนางพลอยมันน่าจะพามาผิดทางแน่ ๆ "กูพามึงเดินเลยมาสองซอยว่ะเทล" มันว่าพลางยิ้มเจื่อนส่งให้ ฉันกำหูกระเป๋าพร้อมออกแรงลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ตามหลังของเพื่อนไปติด ๆ "เหนื่อยชะมัด" พอได้เข้ามาในห้องพักเราทั้งสองก็ทิ้งร่างนอนบนเตียงใหญ่อย่างเหนื่อยอ่อน ฉันรีบกดเบอร์โทรหาพ่อกับแม่ ท่านจะได้หมดห่วงเรื่องนี้ "เทล" พลอยมันพลิกร่างนอนคว่ำมือท้าวคาง "หือ" ฉันหันไปมอง "คิดถึงบ้านว่ะ" เสียงของพลอยฟังแล้วสั่น ๆ ฉันรู้ว่าตอนนี้มันคงจะอยู่ในอารมณ์เศร้า คิดถึงคนทางไกล "สี่ปีแค่แป๊บ ๆ มึงมีกูนะพลอย" สิ่งเดียวที่ทำให้เพื่อนรู้สึกดีมากที่สุด นั่นคือกำลังใจ จากเพื่อนอย่างฉัน ฉันน่ะ ก็อยู่ในอารมณ์เศร้าคิดถึงบ้านคิดถึงพ่อคิดถึงแม่เหมือนกัน "กูลุกไปอาบน้ำดีกว่า เดี๋ยวต้องจัดข้าวจัดของอีก" พลอยก้าวขาลงจากเตียงเปิดกระเป๋าใบใหญ่ค้นหาผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าไปในห้องน้ำชำระร่างกาย ส่วนฉันใช้เวลาที่รออยู่ จัดของและนำเสื้อผ้าเข้าตู้ให้เรียบร้อย ฉันชื่อเทลตอนนี้อายุ21ปี ขอเล่าย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีที่แล้วที่ฉันได้เจอกับผู้ชายคนนึงที่ทำให้ฉันได้สัมผัสกับคำว่า”รัก” และ ”ความสุข” ของมันจริงๆ ฉันเป็นเด็กต่างจังหวัด บ้านฉันอยู่ทางภาคอีสาน แต่ฉันได้ทุนมาเรียนที่มหาลัยเอกชนในกรุงเทพฯกับพลอยเพื่อนสนิทตั้งแต่มัธยม ฉันกับพลอยเป็นลูกหลานชาวนา แม่ของฉันเปิดร้านขายของเล็ก ๆ อยู่แถวบ้าน ภาระทางบ้านค่อนข้างเยอะ ก่อนเปิดภาคเรียนฉันก็เลยไปสมัครทำงานในร้านกาแฟแถวมหา'ลัยกับพลอย เราสองคนทำตั้งแต่เป็นเด็กเสิร์ฟ คนอื่นอาจจะมองว่ามันทำง่ายนะแค่เสิร์ฟ ชง เอาจริง ๆ มันก็เหนื่อยนะ แต่ว่ามันเป็นการเหนื่อยที่ฉันเองมี 'ความสุข’ แต่ ’ความสุข’ ที่แท้จริงของฉันนั้นคือ ’ผู้ชาย’ ที่มานั่งดื่มกาแฟทุกวัน มาแต่ละวันคือเวลาเดิม 08.00 น. เลทสุดๆ 08.15 น. ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาคือใคร ทำงานอะไร ได้ยินแต่พี่ๆในร้านพูดถึงบ่อยๆ ว่ามาดื่มกาแฟทุกวัน เขาเป็นคนหน้าตาดีเลยแหละ ผิวค่อนข้างจะขาว จมูกโด่งเป็นสันเลย หน้าคมๆ รูปร่างสูงโปร่ง ถ้าเทียบกับฉันที่ตัวไม่สูงเอาซะเลย ผิวเข้ม หน้ากลม นมแบน ไม่มีอะไรที่น่าสนใจ ตอนนั้นพี่เขายังไม่ใช่ ’ความสุข’ ของฉันหรอก เป็น ‘ความสุข’ ของคนในร้านมากกว่า มาทุกวันพี่ ๆ สาว ๆ ในร้านยิ้มกันทุกวัน แต่ว่าพี่เขาเป็นคนนิ่ง ไม่ค่อยจะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นเท่าไรเลย คนทั่วไปอาจมองว่าพี่เขาหยิ่งนะ อย่างเช่นครั้งแรกที่ฉันได้คุยกับพี่เขาในฐานะที่พี่เขาเป็นลูกค้า “สวัสดีค่ะลูกค้า รับเครื่องดื่มอะไรดีคะ” เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นหน้าพี่เขาใกล้ ๆ และเป็นครั้งแรกที่ฉันได้พูดกับพี่เขา “อเมริกาโน่ร้อนหนึ่ง” และนี้คือคำพูดแรกที่พี่เขาพูดกับฉัน สั้นไหมก็ไม่เชิงแต่น้ำเสียงโคตรจะห้วนเลย “อเมริกาโน่ร้อนหนึ่งนะคะ ทั้งหมดหนึ่งร้อยบาทค่ะ” พี่เขายื่นเงินให้ฉัน ก่อนที่ฉันจะทอนเงินคืนให้ รอไม่นานกาแฟที่เขาสั่งก็ได้ ฉันก็เรียกให้พี่เขามารับ “อเมริกาโน่ร้อนได้แล้วค่าาา” พี่เขาเดินมารับกาแฟก่อนที่จะกลับไปนั่งที่โต๊ะมุมเดิม มุมเดิมทุกวัน "ชอบจังไอ้มุมเดิมเนี่ย" ฉันพึมพำตามประสาคนขี้สงสัย พอถึงเวลา 08.30 น. พี่เขาก็จะเดินออกจากร้านเป็นแบบนี้อยู่ทุกวัน "มึงชอบพี่เขาล่ะสิเทล" "เปล่า ไปทำงานต่อดีกว่า" ฉันไม่ได้สนใจพี่เขาจริง ๆ นะ ก็แค่จดจำรายละเอียดต่าง ๆ ได้ก็เท่านั้นเอง "เทลลูกค้าคนเมื่อกี้ลืมของว่ะ" พลอยพูดขึ้นพร้อมกับเดินมาหา โทรศัพท์มือถือเครื่องหรูพี่เขาลืมหยิบไปได้ยังไง "เดี๋ยวกูเอาไปคืนให้" "อืม รีบไปเลยเดี๋ยวไม่ทัน" เช่นนั้นแล้วฉันก็สปีดตัวเองเต็มที่ กระทั่งเห็นพี่เขาที่กำลังยืนสนทนากับหญิงสาวคนหนึ่ง ที่สวยสง่าเหลือเกิน ฉันชั่งใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะส่งเสียงออกไป "คุณลูกค้าลืมของค่ะ" ฉันพูดพลางส่งโทรศัพท์คืนเจ้าของ พี่เขาแค่มองหน้าแล้วพยักหน้าให้ แววตาฉายความหยิ่งชะมัด "ไม่เป็นไรค่ะ" พี่เขากำลังตอบแทนน้ำใจด้วยการยัดธนบัตรใบสีม่วงใส่มือของฉัน "........" พี่เขาเหมือนจะรำคาญในความเกรงใจของฉัน ถึงได้แสดงสีหน้าไม่โอเคใส่ แล้วฉันจำเป็นต้องรับเงินหรือไง "เทล เอ่อคือดิฉันไม่ต้องการรับเงินจำนวนนี้ค่ะ" "ลีลา" สิ้นคำพูดนั้นเขาก็ยัดเงินใส่กระเป๋าผ้ากันเปื้อนของทางร้าน แล้วจูงมือหญิงสาวคนสวยเดินหนีกันไปเลย แบบนี้ก็ได้เหรอ? "ดีออกได้ค่าขนมตั้งห้าร้อย" พลอยริบเงินห้าร้อยใส่กระเป๋า แต่ฉันก็แย่งกลับมาหยอดใส่ในกล่อง tip Box "ค่อยสบายใจหน่อย" เป็นการบริหารเงินจำนวนนั้นได้อย่างลงตัว เอามาหารให้ทุกคนในร้านก็จบเรื่อง "กูเสียดาย อีเทล" "เอาที่กูสบายใจพลอย" หลายวันถัดมา ตอนนั้นฉันทำเป็นแค่เด็กเสิร์ฟกับรับออเดอร์จากคุณลูกค้า ฉันมันคนเก่งขยันจดขยันจำเลยได้เลื่อนขึ้นมาเป็นคนชง เดี๋ยวนี้ฉันพูดกับพี่เขาทุกวัน แต่แค่ว่า "รับเครื่องดื่มอะไรดีคะ" "อเมริกาโน่ร้อนหนึ่ง" กับประโยคที่ว่า “ได้แล้วค่ะ” ถ้าวันไหนฉันขึ้นชงก็เนี่ยได้คุยกัน แต่ถ้าวันไหนที่เป็นพลอยขึ้นชง ก็คือไม่ได้คุยกัน เป็นอยู่แบบนี้เกือบเดือนกว่ากระทั่งมหา'ลัยเปิดเทอม...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD