“จะไม่ไปหาหมอจริง ๆ เหรอ”
สามภพถามย้ำเป็นรอบที่สามด้วยสีหน้ากังวล ชมจันทร์ส่ายหน้าขณะเดินเข้าร้านอาหาร ตอนนี้เธอลืมเรื่องปวดท้องไปแล้วเพราะมัวแต่ตื่นตระหนกกับการเจอแดนรบกะทันหัน เธอไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าทำไมตอนนั้นถึงรีบเดินหนีเขา จิตสำนึกมันไปก่อนสตินึกคิดเสมอ
“ไม่เป็นอะไรแน่เหรอ ชม…” มือหนารั้งแขนหญิงสาวไว้ ชมจันทร์หลุดจากภวังค์ความคิดเงยหน้าสบตากับสามภพ “มีอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าซีดขนาดนี้?”
“มะ ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่เพลีย ๆ นิดหน่อย” พอได้สติกลับมา ความรู้สึกจุกเสียดจากแรงกระแทกเริ่มกลับมาเล่นงานเธออีกครั้ง ชมจันทร์ทาบมือบนหน้าท้อง สีหน้าเหยเกเล็กน้อย
“ปวดท้องเหรอ?”
“นิดหน่อยค่ะ นอนพักน่าจะดีขึ้น”
“พี่ว่าไปหาหมอดีกว่านะ เมื่อกี้โดนกระแทกแรงหรือเปล่าก็ไม่รู้” เขากังวลจริง ๆ นะ สีหน้าชมจันทร์ดูไม่ดีเลย เขากลัวจะเกิดเรื่องร้ายแรงกับเธอและเด็ก
“ไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะ เอาไว้ถ้ารู้สึกไม่ไหวขึ้นมาจริง ๆ ฉันจะรีบโทรหาพี่เลยนะคะ”
สามภพมองหน้าเธอเงียบ ๆ ก่อนถอนหายใจ “เข้าใจแล้ว งั้นวันนี้หยุดพักเถอะ พรุ่งนี้ก็ด้วย”
“แค่วันนี้ก็พอค่ะ”
“ไม่ได้ หยุดพรุ่งนี้ด้วยอีกวัน ไว้มะรืนค่อยลงมาทำงาน นี่เป็นคำสั่ง” เป็นครั้งแรกที่สามภพใช้คำสั่งกับเธอ ชมจันทร์ก้มหน้ารับด้วยความรู้สึกเกรงใจ เธอรู้ว่าเขาหวังดีกับเธอจริง ๆ เพราะแบบนั้นเธอถึงยิ่งรู้สึกเกรงใจ
“เข้าใจแล้วค่ะ”
หลังจากชมจันทร์กลับขึ้นห้องไปพัก สามภพเรียกพนักงานในร้านทั้งหมดมาประชุมด่วน ซึ่งนาน ๆ ครั้งที่เขาจะเรียกประชุมด่วนแบบนี้ และหัวข้อของการประชุมครั้งนี้ก็คือเรื่องเกี่ยวกับชมจันทร์ และคำสั่งของเขาก็คือขอให้ทุกคนเก็บเรื่องของชมจันทร์ไว้เป็นความลับ ห้ามพูดเรื่องเธอกับคนนอกร้านเด็ดขาด
สามภพเป็นคนช่างสังเกต อาการผิดปกติของชมจันทร์วันนี้เขามองออกทั้งหมด เธอพยายามหนีจากใครบางคนซึ่งบังเอิญเจอที่ห้างแห่งนั้น เขาไม่ทันมองว่าเธอกำลังหนีใคร รู้เพียงว่าเธอตื่นตระหนกอย่างมาก เขาเลือกที่จะไม่ถามเพราะไม่อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของชมจันทร์ เขารู้ดีว่าชีวิตของเธอคงผ่านเรื่องยากลำบากมามากมาย จึงอยากให้เธออยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ หรือหวาดระแวงจากใคร
หากคนคนนั้นกำลังตามหาตัวเธออยู่จริง ๆ ทางนั้นจะต้องตามสืบมาจนถึงร้านอาหารของเขาแน่ และต้องส่งคนมาสอดแนมหรือสืบหาเบาะแสเธอจากคนในร้านแน่นอน เขาจึงเรียกประชุมด่วนเพื่อออกคำสั่งเตือนทุกคนไว้ก่อน
ในเมื่อชมจันทร์ไม่ต้องการจะพบคนคนนั้น เขาก็จะคอยช่วยเหลือและปกป้องเธอจากคนคนนั้นเอง
.
.
.
สองวันต่อมา
“อะไรนะ จะให้พี่หยุดต่ออีกสามวันเลยเหรอ?” ชมจันทร์ทำหน้าตกใจ วันนี้เธอตั้งใจจะลงมาทำงานตามปกติ แต่กลับถูกน้อยหน่ายืนขวางบันไดพร้อมกับคำสั่งให้หยุดงานเพิ่มอีกสามวัน
“คุณภพสั่งมาน่ะสิพี่ชม”
“ทำไมล่ะ พี่ไม่ได้เป็นอะไรแล้วสักหน่อย อาการแพ้ท้องก็ไม่ได้รุนแรงแล้วด้วย” เธอสังเกตสีหน้าของน้อยหน่าที่ดูอ้ำอึ้งแปลก ๆ หรือว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหยุดกันนะ “มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าน้อย? หรือว่าที่ร้านมีปัญหาอะไร?”
“มะ ไม่มีอะไรหรอกพี่ คุณภพก็แค่เป็นห่วงพี่เฉย ๆ แหละ เขาคงเห็นว่าช่วงนี้พี่ไม่ค่อยกินข้าวกินปลาแถมยังแพ้ท้องหนัก อ้อ เห็นเขาพูดว่าหมอสั่งให้พี่นอนพักสักหลาย ๆ วันหน่อยด้วย พี่ก็เชื่อฟังหมอเถอะนะ เพื่อลูกในท้องของพี่ไง” น้อยหน่าพยายามเกลี้ยกล่อมแถมยังจูงมือชมจันทร์เดินกลับเข้าห้องของเธอ ไม่ยอมปล่อยให้เธอลงไปชั้นล่าง
หลังจากสามภพเรียกประชุมด่วนเมื่อสองวันก่อน ทุกคนในร้านแม้จะยังสับสนงุนงงกับคำสั่งนั้น แต่ก็ไม่มีใครแย้งหรือถามอะไร ทนเก็บความสงสัยเอาไว้ กระทั่งตกเย็นวันนั้นปรากฏว่ามีคนมาถามถึงชมจันทร์จริง ๆ และเมื่อวานก็ยังมีลูกค้าท่าทางแปลก ๆ เข้ามาในร้านด้วย ทุกคนจึงลงความเห็นกันว่าคนพวกนั้นจะต้องเป็นพวกนักสืบที่มาตามหาชมจันทร์แน่ ๆ เมื่อสามภพรู้เรื่องนี้จึงสั่งให้ชมจันทร์หยุดเพิ่มอีกสามวัน น้อยหน่าเลยรับอาสาเป็นด่านหน้ามาคอยขวางเธออย่างที่เห็นนี่แหละ
น้อยหน่าก็ไม่รู้หรอกว่าคนพวกนั้นตามหาพี่สาวคนนี้ทำไม แต่ถ้าเจ้านายหนุ่มผู้แสนใจดีถึงขนาดลงมือกีดกันด้วยตนเองขนาดนี้ แสดงว่าคนพวกนั้นต้องเป็นคนไม่ดีแน่ ๆ แล้วเรื่องอะไรจะปล่อยให้พี่สาวคนนี้ของเธอถูกคนไม่ดีพวกนั้นตามตัวเจอได้กันเล่า
.
.
.
“หมายความว่ายังไง? ไม่มีวี่แววของเธอคนนั้นเลยงั้นเหรอ?”
กวินน์หลบสายตาซีอีโอหนุ่ม เขาเองก็รู้สึกจนใจเหมือนกัน นักสืบที่ถูกส่งไปร้านอาหารแห่งนั้นไม่ได้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นกลับมาเลย พวกเขาไม่เห็นเธอในร้าน ไม่มีใครให้ข้อมูลหรือพูดถึงเธอ ขนาดปลอมตัวเป็นแม่ค้าในตลาดหลอกถามพนักงานซื้อของสดก็ยังไม่ยอมปริปากพูดสักคำ ทุกคนต่างปฏิเสธว่าที่ร้านไม่มีผู้หญิงรูปร่างอ้วนอาศัยอยู่
“เป็นไปได้ไหมว่าเธออาจจะไม่ได้อยู่ที่นั่นจริง ๆ”
“แต่เธอขึ้นรถไปกับผู้ชายคนนั้นนะ ถ้าเธอไม่ได้อยู่ที่ร้านอาหารนั่น งั้นก็ต้องอยู่ที่อื่น”
“งั้นจะให้ฉัน…”
Rrr…
เสียงเรียกเข้าดังขัดบทสนทนาของคนทั้งคู่ กวินน์กดรับสาย ครู่ต่อมาสีหน้าเขาเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด แดนรบมองสบตากับเลขาหนุ่ม และคำพูดประโยคต่อมาของเขา ทำให้ชีวิตซีอีโอหนุ่มหลังจากนั้นไม่เหลือเวลาว่างอีกเลย
“ท่านประธานหมดสติเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน ตอนนี้อยู่ห้องไอซียู…”
.
.
.
หลายเดือนต่อมา
“เอาอีกแล้วนะพี่ชม ทำไมไม่นอนพักอยู่บนห้องล่ะ พี่ไม่ควรลงมาเดินเหินแบบนี้เลยนะ ถ้าคุณภพมาเห็นเข้าเดี๋ยวก็โดนดุอีกหรอก” น้อยหน่าเข้ามาประคองหญิงสาวท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที
ชมจันทร์พาร่างอุ้ยอ้ายลงจากบันไดด้วยความระมัดระวัง เธอยิ้มเจื่อนให้กับสายตาห่วงใยของทุกคนในร้าน ตอนนี้เธอตั้งครรภ์ได้สามสิบเก้าสัปดาห์แล้ว กำหนดคลอดใกล้จะถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เธอเริ่มเจ็บท้องหน่วง ๆ ทุกวัน หมอบอกว่ามันคือการเจ็บเตือน ช่วงนี้จึงต้องระวังเป็นพิเศษเพราะขนาดท้องของเธอค่อนข้างใหญ่มาก ในขณะที่ขนาดตัวกลับเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด
หญิงสาวที่เคยรูปร่างอวบอ้วนในอดีต เวลานี้เธอซูบผอมลงทั้งแขนและขาหรือแม้แต่ใบหน้าอวบอูมก็กลับเรียวเล็กลงอย่างมาก เนื่องมาจากชมจันทร์มีอาการแพ้ท้องอย่างหนักติดต่อกันหลายเดือน ทำให้ทานอะไรไม่ค่อยได้และอาเจียนบ่อยจนหมอต้องสั่งยาบำรุงให้มากกว่าปกติเพราะห่วงว่าเด็กในครรภ์จะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ไม่ใช่แค่หมอเท่านั้นที่กังวล ทุกคนในร้านต่างก็ช่วยกันดูแลเธออย่างดี และคนที่กังวลมากกว่าใครก็คือสามภพ เขาแทบไม่ยอมให้เธอทำงานเลยด้วยซ้ำ สัปดาห์หนึ่งให้เธอทำงานแค่สองสามวัน นอกนั้นสั่งให้เธอพักผ่อนบนห้องตลอด
“วันนี้พี่ภพเข้าร้านหรือเปล่าคะ”
“เดี๋ยวก็เข้ามาแล้วมั้ง เห็นว่าช่วงเช้าต้องไปรับคุณยูริที่สนามบิน”
“อ้อ คู่หมั้นคนนั้นของคุณภพใช่ไหมพี่แก้ว” น้อยหน่ายื่นหน้าข้ามเคาท์เตอร์มาถาม
กรองแก้วพยักหน้ารับก่อนมองชมจันทร์ “เอาจริง ๆ พี่แอบผิดคาดเหมือนกันนะ ตอนแรกพี่คิดว่าคุณภพชอบชมซะอีก ไป ๆ มา ๆ กลับมีคู่หมั้นโผล่มาซะได้”
“พี่แก้ว พูดอะไรของพี่คะเนี่ย พี่ภพจะมาชอบฉันได้ยังไง เดี๋ยวใครได้ยินเข้าจะพากันเข้าใจผิดหมดนะ” ชมจันทร์ทำหน้าลำบากใจหันมองซ้ายขวา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้ยินเรื่องแบบนี้ เพราะทุกคนในร้านต่างก็คิดเหมือนกับกรองแก้ว
“พี่พูดเรื่องจริงนะชม ใคร ๆ ก็ดูออกว่าคุณภพปฏิบัติกับชมดีแค่ไหน พี่ทำงานให้เขามาหลายปียังไม่เคยเห็นเขาใส่ใจใครเท่าชมมาก่อนเลย”
“มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ เขาก็แค่สงสารชมเพราะเห็นว่าชมท้องอยู่นั่นแหละ ชมมีลูกแล้วนะคะ พี่ภพเขาไม่คิดอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ”
“แต่น้อยก็คิดเหมือนพี่แก้วนะ คุณภพเป็นคนใจดีก็จริง แต่แววตาเวลาเขามองพี่ชมมันดูแบบ… เอิ่ม จะว่าไงดี เรียกว่าอบอุ่นไหมนะ มันแบบดูมีอะไรในแววตาตลอดเลยอ่ะ”
“พอเลย ๆ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ต่อไปก็อย่าพูดแบบนี้กันอีกนะคะ ฉันไม่อยากให้เรื่องของฉันกระทบต่อความสัมพันธ์ของพี่ภพกับคู่หมั้นเขา แล้วอีกอย่างตอนนี้ฉันก็ใกล้จะคลอด… อ๊ะ” คำพูดของชมจันทร์หยุดชะงักพร้อมกับแรงสั่นตรงท้อง ความอุ่นวาบไหลพรูลงมาเต็มหว่างขาของเธอกะทันหัน หญิงสาวยืนนิ่งงันด้วยความตื่นตระหนก
“ชม? เป็นอะไรหรือเปล่า…”
“พะ พี่ชม… นั่น… น้ำอะไรคะ?!”
“ตายแล้ว! น้ำคร่ำแตกแล้ว! ยัยชมจะคลอดแล้ว! น้อยรีบไปตามป้าเพ็ญมาเร็ว ๆ ไม่สิ! รีบโทรเรียกรถพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย!” กรองแก้วตั้งสติได้ก่อนใคร เธอประคองชมจันทร์นั่งลงบนเก้าอี้โดยไม่ลืมหันไปสั่งการน้อยหน่า หลังจากนั้นทั้งร้านอาหารวุ่นวายโกลาหลไปหมดจนแขกเหรื่อภายในร้านพลอยแตกตื่นไปด้วย
.
.
.
“เกิดอะไรขึ้น?”
ซีอีโอหนุ่มหันไปถามเลขาคนสนิทเมื่อได้ยินเสียงเอะอะด้านนอกห้องอาหารวีไอพี กวินน์หลบฉากออกมาดูสถานการณ์ด้านนอกก่อนกลับเข้ามารายงานเจ้านาย
“มีพนักงานเจ็บท้องจะคลอดลูกครับ”
“โอ้ว… ช่างเป็นวันมงคลจริง ๆ” คู่ค้าคนสำคัญเอ่ยยิ้ม ๆ ก่อนลุกขึ้นยืนเพื่อโค้งให้ “ถ้างั้นผมขอตัวกลับก่อนดีกว่าคุณแดนรบ ทางบริษัทของเรายินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับคุณนะครับ”
ร่างสูงลุกขึ้นยืนเพื่อโค้งกลับโดยไม่ลืมจับมือตามมารยาท “ขอบคุณคุณหว่องเช่นกันครับที่เชิญผมมาทานอาหารอร่อย ๆ ร้านนี้”
“โอ้ ยินดี ๆ ครับ ร้านนี้เป็นร้านโปรดของผม ดีใจที่คุณชอบ ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
หลังจากยืนส่งคู่ค้าคนสำคัญออกจากห้องวีไอพีไป ร่างสูงทั้งสองเดินตามหลังออกมา ความโกลาหลในร้านยังคงวุ่นวายไม่หยุด ขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินผ่านหน้าเคาท์เตอร์ เสียงร้องครางเบา ๆ เสียงหนึ่งดังมาจากบริเวณนั้น ดวงตาคมกริบหันมองอย่างไม่ใส่ใจนัก
“สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ นะชม รถพยาบาลใกล้มาถึงแล้ว”
“ฮึก… ปวดจังเลยพี่แก้ว… อึก”
“พี่แก้ว! น้อยว่าพี่ชมรอไม่ไหวแน่ ๆ เลย นี่มันช่วงเวลาเร่งด่วนด้วย รถหน้าร้านเราติดมาก กว่ารถพยาบาลจะมาถึงพี่ชมไม่แย่ก่อนเหรอคะ”
“แล้วจะทำยังไงกันดี พวกเราไม่มีใครขับรถเป็นเลย หรือว่าจะเรียกแท็กซี่ดีไหม?”
“นั่นสิ แม่พูดถูก เราเรียกแท็กซี่ดีไหมพี่แก้ว?”
“โอ๊ยย…”
“ชม! / พี่ชม!” ทั้งสามคนประสานเสียงเรียกชมจันทร์ด้วยความตกใจเมื่อจู่ ๆ เธอหมดสติไป ตรงหว่างขาที่เคยมีน้ำใส ๆ บัดนี้เต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉานไหลออกมาไม่หยุด
“ยะ แย่แล้ว… รอรถพยาบาลไม่ไหวแล้ว… ยัยชมตกเลือดแล้วป้าเพ็ญ!”
แดนรบยืนนิ่งมองคนทั้งสามหน้าซีดเผือกอยู่หลังเคาท์เตอร์ ความรู้สึกว้าวุ่นใจอย่างน่าประหลาดแล่นวาบเข้ามาจนคิ้วเข้มขมวดมุ่น ก่อนได้ยินเสียงตัวเองออกคำสั่งโดยไม่รู้ตัว
“พาเธอไปส่งโรงพยาบาล…”
“ว่าไงนะ?” กวินน์มองเจ้านายหนุ่มอย่างไม่เชื่อสายตา ปกติแดนรบไม่ชอบยุ่งเรื่องของใคร แล้วทำไมตอนนี้ถึง…
“เดี๋ยวนี้!”