โดนแกล้ง

1485 Words
ฝั่งขนมผิงที่นั่งอยู่ม้านั่งไม่ไกลจากหน้าห้องพักนักกีฬาเท่าไหร่นัก “ทำไมชอบไปอ่อยพี่ไรท์วิน” น้ำอิงเดินเข้ามาแล้วเปิดประเด็นทันที “ฉันเปล่านะคะ มันเป็นอุบัติเหตุ” ขนมผิง “อีผิง ถือว่าครั้งนี้กูแค่มาเตือน อย่าให้มันบังเอิญมากไปจนดูตั้งใจนะ อีอ้วนดำ จากคนที่ชื่อขนมผิงมันจะเหลือแค่ชื่อ” มายเสริมขึ้น “ฉัน ก็อยู่ของฉันดีๆ ไม่ได้อยากมีปัญหากับใคร” “งั้นมึงก็จงสำเนียกตัวมึงเอง ว่าควรอยู่ห่างๆพี่ไรท์วินไว้ ดูสภาพมึงแล้วพี่ไรท์วินคงนึกรังเกลียดอะ ยี๋ สกปรก” น้ำอิงยังเสริมต่อ “ฉะ” “อย่าสะเออะมาเถียงกู” น้ำอิงใช้มือกระชากหัวของขนมผิงขึ้นอย่างแรง “โอ๊ยย เจ็บ” ขนมผิงรองออกมาด้วยความเจ็บ “เจ็บก็ต้องรู้จักจำ อีเตาผิงครั้งนี้ กูจะไม่ทำอะไรมึงแต่ถ้ามีครั้งหน้ามึงยังกล้า เตรียมตัวรอรับผลกรรมที่จะตามมาได้เลย” น้ำอิงจับหัวของขนมผิงกดลงไปที่โต๊ะ ประจวบเหมาะกับกับมายที่ยกเท้าขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะพอดี “คนต่ำๆ พวกสถุน พวกคนจนแบบพวกมึง คิดสะเออะอยากมาเรียนที่ดีๆเพื่ออัพเกรดตัวเองขึ้น เสียใจด้วยนะในที่ดีๆแบบเนี่ยไม่สมควรมีคนบ้านนอกอย่างแกเข้ามาเรียน จนก็จน หน้าตาท่าทางก็บ้านนอก แถมขี้เหร่อีก ถามจริงเหอะที่บ้านแกเนี่ยมีคนรักแกบ้างป่าวว่ะ นี้ถ้าเป็นญาติพี่น้องฉัน ฉันไม่เอาไว้หรอกนะ สะอิดสะเอียน” มายพูดขึ้น ส่วนน้ำอิงก็นังกดหน้าของขนมผิงให้ไกล้เข้ามาที่เท้าของมายมากขึ้น “อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ ฮึกๆๆ” เสียงสั่นเครือของขนมผิงไม่ได้ช่วยให้ทั้งสองคนเบามือลงเลยแม้แต่นิดเดียว “มึงก็เลิกซะนะ นิสัยชอบอ่อยผู้ชายอ่ะ” น้ำอิงพูดจบก็ปล่อยมือออกจากหัวของขนมผิงแล้วเดินออกไปพร้อมกับมายทันที “ฮึกๆๆ ฉันทำอะไรผิดฉันก็คนเหมือนกันกับทุกคน ฉันไม่ได้ไปทำร้ายใครนิ ทำไมต้องมารังแกฉันด้วย ฮึกๆๆๆ” ขนมผิงร้องให้แล้วบ่นพึมพำออกมา “มานั่งร้องให้แล้วบ่นกับตัวเองแบบนี้แล้วมันจะช่วยอะไร” ไรท์วินเดินออกมาจากที่ซ่อนแล้วถามขึ้น “พี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” ขนมผิงถามขึ้นพรางเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจนเกือบหมด “ทำไมไม่สู้กลับบ้าง” ไรท์วินถามและนั่งลงตรงข้ามขนมผิง “ขนาดไม่สู้กลับยังโดนขนาดนี้ ถ้าคิดสู้กลับคงจองศาลาวัดได้เลยละคะ” ขนมผิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่พยายามฝืนยิ้ม “ไม่ตลกนะขนมผิง” ไรท์วินมองมาที่ขนมผิงด้วยสายตาดุ ราวกับดวงตาของเสือที่จ้องจะฉีกเนื้อของเหยือให้แหลกเป็นชิ่้นๆ “ก็ไม่ตลก แต่คุณนินิวเอาอะไรมาคิดคะ ว่าฉันจะอาจเเอื่อมไปชอบคุณไรท์วินและคุณไรท์วินจะมาชอบฉัน ดูสภาพฉันก่อน แถวบ้านเรียกอีอ้วน จะมาระแวงกันทำไม” ขนมผิงบรรยายความในใจออกมา “ทำไมฉันจะชอบเธอไม่ได้” ไรท์วินถามขึ้นด้วยสายตาเรียบนิ่ง สายตาที่สื่อมาหาขนมผิงเป็นสายตาที่เวทนา สงสาร เอ็นดู ทำไมผู้หญิงคนหนึ่งต้องมาเจออะไรแบบนี้ “เอาสั้นง่ายๆได้ใจความนะคะ 1.คุณหล่อรวย มีระดับ เกินกว่าจะมามองคนแบบฉัน 2.ฉันมันเด็กต่างจังหวัด อ้วน เตี้ย ดำ สันใหญ่ เหม็นกลิ่นโคลนสาบควาย แถมจน เหตุผลแค่สองข้อ มันก็มากพอที่คุณไม่ควรจะมาคุยกับฉัน” ขนมผิง “ตะ” “ฉันว่าฉันควรขอตัว อีกอย่างเราไม่ควรคุยกันไม่ว่าจะในฐานะไหน หรือที่ใดก็ตาม” ขนมผิงพูดจบก็เดินออกไปทันที ขนมผิง: ถีงความรู้สึกฉันจะชอบคุณมากแค่ไหน แต่ก็อย่างที่พวกคุณนินิวว่า คุณไรท์วินเราต่างกันเกินไปดูสภาพฉันสิ ฉันไม่มีอะไรเหมาะกับคุณเลย ฉันขอแอบมองคุณอยู่ไกลๆแบบนี้แล้วเราก็ไม่ควรเจอกันบ่อยๆ ยิ่งฉันเจอคุณมากเท่าไหร่ฉันยิ่งเจ็บตัวมากขึ้นเท่านั้น ไรท์วิน: สาวอ้วน ดำ บ้านจน เหม็นกลิ่นโคลนสาบควายเหรอว่ะ ไม่เห็นจะได้กลิ่นเลย หึ “ไอ้วิน ไอ้วิน” เสียงตงตงเดินมาหาไร์วิน “มีไร” ไรท์วินถามเพื่อนรักขึ้น “เพื่อนเขารอมึงอยู่ที่สนาม มานั่งทำห่าอะไรตรงนี้ คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกเอ็มวีไง สัส” ตงตงสบถออกมา “ไปๆๆไอ้สัส แค่นี้ก็ต้องมาตาม” ไรท์วินสบถออกมาและเดินเอามือไปคล้องคอเพื่อนรักแล้วเดินออกไปพร้อมกันทันที ฝั่งนินิว “ทำไมพี่ไรท์วินชอบไปคุยกัยมันนักว่ะ นิสัยก็ไม่ได้ดีมากมายอะไรนัก หน้าตาก็ไม่ผ่าน” นินิวพึมพำออกมา “ก็อย่างว่าอะไรที่มันง่าย ผู้ชายมักชอบ” นับดาวเสริมขึ้น “อย่างยัยนินิวเนี่ย ง่ายกว่าอิขนมแป้งปั้นนั้นตั้งเยอะ พี่วินยังไม่คิดจะมองเลย” มายที่นั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งสวนขึ้นทันที “นี้” เสียงนินิวกำลังจะด่าเพื่อนตัวเองที่ว่าตัวเองง่าย “พอๆๆ อย่ามากัดกันเอง ฉันว่าแกควรรีบไปทำคะแนนกับแม่ของพี่ไรท์วินดีกว่านะ อย่ามาเสียเวลากับเด็กบ้านนอกคนนี้เลย” น้ำอิงที่พยายามใจเย็นคิดวิเคราะห์แล้วพูดออกมาเพื่อเตือนสตินินิว “อะไรที่ไฮๆอะแกคิดได้ดีกว่าเพื่อนเสมอน่ะ” นับดาวหันมาแซะน้ำอิงทันที “ความคิดคงเหมาะสมกับเป็นนักธุรกิจพันล้านแระ” มายพูดเสริมและหันไปยิ้มให้น้ำอิงทันที “เอาละ อย่าทะเลาะกันเองฉันว่า วันเสาร์นี้จะชวนพวกแกไปเยี่ยมคุณน้าทั้งสองหน่อย พวกแกคิดว่าไง” นินิวพูดขึ้น “อันนี้ดี ชอบและเห็นด้วยดีเป็นอย่างมาก” น้ำอิงเสริมขึ้น วันต่อมา ณ บ้านของอานภา “หลานสาวตัวดีของคุณยังไม่ตื่นอีกเหรอ” แฟนหนุ่มของอานภาถามขึ้น “ขนมผิงเกี่ยวอะไรด้วย” “ไม่เกี่ยวแค่ไม่ชอบเป็นผู้หญิงนอนตื่นสายขนาดนี้จะไปทำมาหากินอะไร” แฟนหนุ่มของอานภาเดินเข้ามาและบ่นออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย ปรกติอานภาจะไปพักที่บ้านนู้นประจำ ตั้งแต่ขนมผิงย้ายมาอยู่ด้วย อานพเลยต้องเหนื่อยที่จะต้องขับรถมาที่นี้ทุกวัน “ขนมผิงยังเด็กแถมต้องไปหางานทำข้างนอกอีก คุณจะอะไรกับหลานนักหนา” นภาบ่นออกมาทันทีที่แฟนหนุ่มตนเองทำท่าทางไม่พอใจ “คุณเลือกหลานของคุณเหรอ สปอยกันเข้าไป” “ใช่ฉันเลือกหลานของฉัน ถ้าคุณไม่พอใจเราก็เลิกกันเถอะ ต่างตนต่างไป” นภาพูดจบก็เดินออกมาจากห้องครัวทันที “ได้ งั้นเราจบกัน ต่อไปนี้ คุณกับผมเราจะกลายเป็นคนไม่รู้จักกันทันที” นพ ชายหนุ่มที่อยู่ในห้วงของอารมโกรธพูดจบก็ขับรถออกไปทันที “อาคะ” ขนมผิงที่ได้ยินทุกคำเรียกชื่ออาของตนเองออกมาเบาๆ “ไม่เป็นไรหรอกขนมผิง อาโอเค จริงๆเลิกไปก็ดีเป็นแบบนี้หลายรอบมากแล้วมีปัญหาทุกเรื่อง” นภาหันมาบอกหลานสาวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่และโอบกอดหลานสาวเอาไว้ “อาคะ หนูน่ารังเกลียดมากขนาดนั้นเลยเหรอคะ” ขนมผิงที่ใสซื่อโตมากับสังคมที่ไม่ค่อยได้รับรู้เรื่องโลกภายนอกเท่าไหร่ถามผู้เป็นอาขึ้น “เกิดอะไรขึ้น ไหนบอกอามาสิ” “เปล่าคะหนูแค่ถามคะ อยากรู้เฉยๆ” ขนมผิงตอบและยิ้มให้ผู้เป็นอา “จริงๆบ้านหลังนี้ก็เป็นของผิงครึ่งหนึ่งนะ บ้านหลังนี้เป็นมรดกของคุณปู่ทวดไม่ต้องคิดมากหนูอยู่ที่นี้ได้ตามสบายเลย” อานภาพูดพร้อมกับโอบกอกหลานสาวเอาไว้ในอ้อมกอด “ขอบคุณนะคะอา” หลังจากนั่งคุยกับอาจนจบแล้ว ขนมผิงต้องรีบออากบ้านมาที่มหาลัยโดยนั่งรถโดยสารเพราะมหาลัยกับที่ทำงานของอานภาอยู่คนละทางกัน อีกอย่างตัวของขนมผิงเองไม่อยากเป็นภาระของใครทั้งนั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD