เคนและโคจิโร่สืบข้อมูลของบริษัท Dry Angies จนรู้ว่าบริษัทมีโกดังเก็บของอยู่มากมายทั่วเมืองอาซาฮินะ ในจังหวัดคานางาวะ
เคนจึงเริ่มไปสืบตั้งแต่หน้าบริษัท Kei ที่รุมิมาสัมภาษณ์ลงนิตยสาร Women of Today โดยจากการคาดเดาของเขา คาดว่าพวกที่จับตัวรุมิไปคงไม่มีทางไปไกลจากบริษัท Kei ได้ จากนั้นก็ดูข้อมูลของโกดังที่อยู่แถบนั้นซึ่งมีทั้งหมดห้าโกดัง แล้วพวกเขาก็ขับรถตระเวนไปทีละโกดัง
ด้านอากิระนั้นเป็นห่วงรุมิจนแทบไม่ได้นอนเลย เขานั่งนับชั่วโมงที่เธอหายตัวไปเพื่อจะแจ้งตำรวจตามที่เคนบอก
เรโกะเดินมาแตะบ่าคนรักเบาๆ เมื่อเห็นว่าเขายังคงนั่งนิ่งอยู่ที่โซฟาและมองแต่นาฬิกาเพียงอย่างเดียว
“อากิระคะ ทานข้าวหรืออะไรรองท้องซักหน่อยนะคะ คุณไม่ได้นอนแถมข้าวก็ไม่กิน เดี๋ยวสุขภาพจะแย่ไปเปล่าๆ” เธอเตือนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
อากิระยังคงนั่งนิ่งเงียบไม่มีเสียงตอบรับใดๆ เรโกะจ้องมองเขาแล้วได้แต่ถอนหายใจ เธอหันหลังเดินออกไป แต่แล้ว…
“รุมิจะปลอดภัยมั้ย รุมิคงไม่เป็นอะไรหรอกนะ ใช่มั้ย เรโกะ” อากิระดึงมือเรโกะเอาไว้และถามด้วยน้ำเสียงท้อแท้ สีหน้าเป็นทุกข์
เธอจ้องมองเขาด้วยสายตาเห็นใจ รู้ดีว่าเขารักรุมิมากแค่ไหน เพราะรุมิเป็นลูกสาวคนเดียวที่เขาเลี้ยงดูมากับมือตลอดเวลา
“รุมิต้องไม่เป็นอะไรค่ะ เคนต้องพาตัวรุมิกลับมาได้แน่”
เรโกะปลอบและนั่งลงสบตากับอากิระอย่างมั่นใจ ก่อนจะตบหลังมือเขาเบาๆ เป็นการปลอบใจ
อากิระมองสบตากับเธอ แล้วก็พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย
กริ๊ง~~ กริ๊ง~~~
เสียงโทรศัพท์ทำให้ทั้งสองคนชะงักและหันไปมองอย่างแปลกใจปนสงสัย
กริ๊ง~~ กริ๊ง~~ กริ๊ง~~ กริ๊ง~~
เรโกะมองหน้าอากิระก่อนจะลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ แต่เขาดึงมือเธอไว้และบอกว่าจะไปรับเอง อากิระเดินไปรับโทรศัพท์ด้วยอาการใจเต้น เขาได้แต่ภาวนาว่าให้เป็นเคนโทรมาบอกว่าเจอรุมิแล้ว
“ฮัลโหล!” อากิระระงับอารมณ์กรอกเสียงลงไปให้เป็นปกติ
“สวัสดีครับ คุณโคบายาชิ” เสียงปลายสายที่ตอบกลับมามีน้ำเสียงเย็นชาแฝงอยู่
“นั่นใครน่ะ” อากิระขมวดคิ้วและถามออกมาด้วยความแปลกใจ
“หึๆ!คุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอกครับว่าผมเป็นใคร เอาเป็นว่า คุณรู้แค่ว่าตอนนี้ลูกสาวของคุณอยู่กับผมก็เพียงพอแล้วล่ะ”
เสียงลึกลับปลายสายหัวเราะเยาะเย้ยอย่างเป็นต่อ
“ว่าไงนะ!!!!!!!!” อากิระตะโกนลงไปในโทรศัพท์
เรโกะสะดุ้งหันไปมอง ก็เห็นเขามีสีหน้าตกใจ จึงรีบเดินเข้าไปหาทันที
“แกเป็นใคร!!!แล้วลูกฉันอยู่ไหน!!!บอกมาเดี๋ยวนี้นะ!!”
“หึๆ!ใจเย็นๆ สิครับ ลูกสาวคุณน่ะอยู่กับผมอย่างปลอดภัย ไม่ต้องกลัว ผมยังไม่ทำอะไรเธอตอนนี้หรอกครับ” เสียงปลายสายยังคงหัวเราะราวกับขบขันกับสิ่งที่อากิระถาม
“แกต้องการอะไร เงินงั้นเหรอ ต้องการเท่าไหร่บอกมา!!!”
เขาแค่นเสียงถามพลางระงับความโกรธเอาไว้
“หึๆ เงินน่ะมันเรื่องเล็กสำหรับผม สิ่งที่ผมต้องการน่ะมันไม่ใช่เรื่องนี้หรอกครับ” เสียงปลายสายหัวเราะเยาะเย้ย
“งั้นแกต้องการอะไร!”
“ผมไม่ต้องการอะไรมากหรอก เพียงแต่บริษัทของคุณต้องถอนตัวออกจากการประกวดบริษัทที่มีผลประกอบการดีเยี่ยมของปีนี้ เท่านั้นก็เพียงพอสำหรับผมแล้วล่ะครับ”
“ว่าไงนะ!” เขาอุทานออกมาอย่างตกใจ สิ่งที่คนปลายสายบอก มันตรงกับสิ่งที่เคนคาดเดาเอาไว้ไม่ผิด
“ว่าไงครับ ทำได้รึเปล่า หากคุณถอนตัว ผมจะปล่อยคุณหนูโคบายาชิกลับไปหาคุณอย่างปลอดภัย”
“ขอฉันคิดดูก่อน”
อากิระตัดสินใจยื้อเวลาเอาไว้ ตามที่เคนเคยบอกเขาก่อนออกไปหารุมิ ว่าหากมีคนโทรมาแบบนี้ให้ถ่วงเวลาไว้ก่อน
“ก็ได้ครับ แต่อย่านานนักล่ะ ผมให้เวลาคุณสองวัน อ๊ะๆ!!อย่าคิดแม้แต่จะแจ้งตำรวจเด็ดขาดนะครับ มิฉะนั้น คุณจะไม่ได้เจอลูกสาวของคุณอีกเลย คุณโคบายาชิ” เสียงปลายสายข่มขู่ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงอย่างเป็นต่อ
“แก!!!แกขู่อะไรพ่อฉัน!!!!!!!!!”
รุมิตะคอกใส่จีนด้วยความโกรธ หลังจากที่จีนสั่งให้พวกลูกน้องเอาผ้าที่ปิดปากรุมิออก ขณะที่เขาโทรคุยกับอากิระ เธออยู่ในเหตุการณ์ด้วย เพียงแต่เธอไม่สามารถส่งเสียงได้เท่านั้นเอง
“ก็ไม่มีอะไรนี่”
จีนมองรุมิที่โดนจับแขนเอาไว้ด้านหลังด้วยสายตาเฉยเมย ลูกน้องเขาสองคนเข้ามาขนาบข้างรุมิเพื่อป้องกันเธอหนีอีก
“ฉันไม่เชื่อ!!!!!” รุมิตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด
ในระยะนี้ พ่อของเธอสุขภาพไม่ค่อยดีนัก หากเครียดหรือวิตกอะไรมากๆ โรคหัวใจอาจกำเริบได้ จีนมองอาการโกรธเกรี้ยวของรุมิอย่างเงียบเฉย เขาพยักหน้าให้กับลูกน้องเป็นเชิงไล่ พวกนั้นจึงปล่อยตัวรุมิก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่ลืมล็อค
“อย่าเข้ามานะ!!”
รุมิร้องห้ามจีนเมื่อเห็นเขาขยับตัวเข้ามาใกล้เธอ ดวงตาสีฟ้าอมเขียวจ้องมองเธออย่างแรงกล้า จนรุมิต้องถอยไปจนตัวติดกับกำแพงด้านหลัง
“หึ!เธอน่ะอย่าทำเป็นเก่งหน่อยเลย เป็นแค่คุณหนูก็ควรทำตัวให้มันเรียบร้อยหน่อย” จีนเดินไปประชันหน้ากับรุมิในระยะใกล้ ทำให้หน้าของพวกเขาทั้งคู่อยู่ใกล้ชิดกัน