เคนกับโคจิโร่ตระเวนหาแทบทุกโกดังจนกระทั่งถึงโกดังสุดท้ายในย่านนั้น ก็เป็นเวลาพลบค่ำพอดี โกดังแห่งนี้ตั้งอยู่ในซอยลึกและค่อนข้างเปลี่ยว มีแม่น้ำไหลเอื่อยๆ ติดอยู่ด้านข้าง ที่ด้านหน้าของโกดังมีชายชุดดำยืนเฝ้าอยู่สองถึงสามคนและมีรถจอดอยู่หนึ่งคัน
“เฮ้ย!เคน นายว่าจะใช่ที่นี่รึเปล่าวะ” โคจิโร่กระซิบถามเคนที่กำลังแอบมองลอดรั้วของโกดังเข้าไปเพื่อสังเกตการณ์
“ไม่รู้สิ แต่ฉันว่าน่าจะใช่นะ” เคนบอกโคจิโร่แต่ก็ยังไม่ละสายตาจากภายในรั้วนั้น
“มีคนเฝ้าอยู่ด้านหน้าโกดังสองสามคน ประตูโกดังถูกล็อคแน่นหนา อือม์...น่าจะเป็นที่นี่แน่ๆ” เคนหันมาบอกโคจิโร่
“แล้วเราจะทำยังไงต่อล่ะ”
โคจิโร่ถามเคน เพราะถ้าหากรุมิอยู่ภายในโกดังแห่งนี้และมีคนเฝ้าเยอะขนาดนี้ เขากับเคนจะทำอย่างไร
“อืม...เอางี้ นายน่ะไปโทรบอกคุณโคบายาชิ ว่าเราพบโกดังที่พวกมันจับตัวรุมิเอาไว้แล้ว ส่วนฉันจะลอบเข้าไปในโกดัง” เคนนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกให้โคจิโร่ไปโทรบอกอากิระ
“เฮ้ย!!มันเสี่ยงเกินไปรึเปล่า นายเข้าไปคนเดียวได้ไง ไม่ได้ๆ ฆ โคจิโร่ร้องออกมาอย่างไม่เห็นด้วยกับแผนการของเคน
“นายฟังนะ พวกมันยังไม่รู้ว่าเรามาเจอแล้ว ถ้าหากว่ามันจับได้ว่าฉันเข้าไปช่วยรุมิ อย่างน้อยก็ยังเหลือนายอีกคนที่รู้ว่าพวกเราอยู่ที่ไหน จะเข้าไปโดนจับทั้งคู่ทำไมเล่า คิดมั่งสิ!!”
เคนบอกโคจิโร่อย่างอ่อนใจที่ไม่เข้าใจแผนการของเขา เพราะหากเขาพลาดถูกจับได้ พวกมันคงนึกว่าเขามาคนเดียว และโคจิโร่ยังสามารถไปพาตำรวจมาช่วยพวกเขาได้
“เออ จริงแฮะ” โคจิโร่เพิ่งนึกได้ เคนได้แต่ส่ายหัวมองชายหนุ่มที่ส่งยิ้มแหยๆ ให้เขา
“ระวังตัวด้วยนะเพื่อน”
โคจิโร่บอกเคนอย่างเป็นห่วง ก่อนจะถอยตัวออกจากกำแพงอย่างเงียบๆ เพื่อไปหาโทรศัพท์แจ้งอากิระ
เคนด้อมๆ มองๆ ลอดเข้าไปในรั้วของโกดังหลังจากที่โคจิโร่ไปแล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ชัดมากนัก ดังนั้นเขาจึงค่อยๆ ปีนข้ามรั้วไป และเดินหลบชายชุดดำที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้า ก่อนจะค่อยๆ เดินเลียบกำแพงไปยังประตูด้านหลังของโกดังเพื่อหาทางเข้าไปข้างในให้ได้
ดูเหมือนประตูด้านหลังของโกดังก็โดนล็อคเช่นกัน เคนมองดูประตูอย่างหัวเสีย ก่อนจะเหลือบไปเห็นหน้าต่างกระจกบานหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากประตูมากนัก
ชายหนุ่มค่อยๆ เดินไปและแอบมองที่หน้าต่างช้าๆ เมื่อเขาเห็นว่าไม่มีใครเฝ้าประตูด้านหลังเอาไว้ เขาจึงหันไปสำรวจรอบตัว ก็เห็นกองไม้ก่อสร้างวางทิ้งไว้อยู่ และมีผ้าคลุมผืนใหญ่คลุมเอาไว้ไม่ไกลจากที่เขายืนมากนัก
เคนเอาผ้าพันรอบไม้อันหนึ่งที่เขาหยิบมาลองถือดูแล้วถนัดมือ จากนั้นก็เอาไม้ตีเข้าไปที่กระจกอย่างแรง ทำให้กระจกแตกออกแต่ไม่ค่อยมีเสียงดังมากนัก เนื่องจากผ้าที่พันรอบไม้เอาไว้ช่วยทำให้เสียงไม่ดัง
เคนเอาไม้ปาดไปรอบๆ กรอบหน้าต่างกระจกเพื่อให้เศษกระจกที่เป็นปากฉลามแตกออกให้หมด จากนั้นเขาจึงค่อยๆ ปีนเข้าไปในโกดังอย่างเงียบๆ
เมื่อเคนเข้ามาข้างใน ก็พบว่าบริเวณด้านหลังของโกดังเต็มไปด้วยลังไม้ใหญ่ๆ ตั้งเรียงกันสูงขึ้นไปจนเกือบถึงเพดาน
เคนค่อยๆ เคลื่อนตัวหลบตามมุมมืดของลังไม้เหล่านั้น และมองรอบๆ ตัวอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งเกือบถึงบันไดที่สามารถขึ้นไปยังห้องที่ดูเหมือนออฟฟิศด้านบน แต่ชายหนุ่มต้องแอบหลบทันทีเมื่อเห็นเงาของคนเดินมา
“เฮ้ย!แกเอาข้าวไปให้ยัยคุณหนูนั่นกินยังวะ”
ชายชุดดำร่างใหญ่คนหนึ่งเดินผ่านทางเดินด้านบนหัวของเคนพอดี และตะโกนถามชายชุดดำที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกห้องออฟฟิศ
“ยังครับ” ชายชุดดำด้านนอกห้องตอบชายร่างใหญ่ที่ดูเหมือนมีอำนาจมากกว่า
“แล้วมัวรออะไรอยู่!!ไม่ไปหามาให้หล่อนกินเล่า!!!”
ชายร่างใหญ่ตวาดเสียงดังทำให้ชายชุดดำลนลาน รีบเดินออกไปจากด้านหน้าห้องเพื่อทำตามคำสั่ง
“ไอ้พวกนี้ เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ” ชายร่างใหญ่บ่นพึมพำ ก่อนจะมองลอดเข้าไปทางหน้าต่างของห้อง
“แต่ยัยคุณหนูนี่ดูๆ ไปก็สวยไม่ใช่เล่นแฮะ ทำไมนายท่านถึงต้องเก็บหล่อนเอาไว้ด้วยนะ” ชายร่างใหญ่บ่นพึมพำอยู่คนเดียว โดยไม่ทันสังเกตเห็นว่าเคนนั้นค่อยๆ เดินย่องมาทางด้านหลังของมัน
“แหม...ถ้าเป็นเรา คงไม่ปล่อยยัยนี่เอาไว้แบบนี้หรอก หึๆ” ชายร่างใหญ่ที่ยังแอบมองอยู่ได้แต่พึมพำอย่างเสียดาย เคนที่ถือไม้มาทางด้านหลังเงื้อไม้ขึ้นและฟาดไปที่ศีรษะของเขาอย่างแรง
เปรี้ยง!!!!!!!
“โอ๊ย!!”
ชายคนนั้นร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ทำให้รุมิที่อยู่ด้านในห้องและกำลังนอนหลับอยู่สะดุ้งตื่นอย่างตกใจ
“เคน!!!”
รุมิวิ่งมาดูทางหน้าต่างเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น เธอร้องออกมาอย่างดีใจเมื่อเห็นว่าเคนกำลังต่อสู้กับชายชุดดำร่างใหญ่อยู่ด้านหน้าห้องที่ขังเธอเอาไว้
เคนพยายามสู้กับชายร่างใหญ่ เพราะแม้เขาจะฟาดไม้ใส่ไปแล้ว แต่มันก็ยังคงไม่ล้มลงง่ายๆ เพียงแต่มึนงง และเมื่อหันมาเห็นเขาก็พุ่งเข้าใส่ด้วยความโกรธ
เคนนั้นเคยเรียนคาราเต้มาก่อนและเคยได้แชมป์สมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัย จึงไม่ใช่เรื่องยากมากนักที่จะต่อสู้กับชายร่างใหญ่ที่ฝึกมาอย่างดีเช่นกัน