เช้าวันต่อมา
“หาววววว”
ฉันตื่นนอนในตอนเจ็ดโมงครึ่ง นั่งบิดขี้เกียจยืดเส้นยืดสายให้ตัวเองตื่นเต็มตาอยู่บนเตียงประมาณห้านาที ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัว
ปกติฉันจะตื่นประมาณแปดโมงตรง เพราะอาบน้ำแต่งตัวแป๊บเดียวและขับรถไปเองยังไงก็ทัน แต่วันนี้ฉันต้องแหกขี้ตาตื่นมาก่อนเวลาปกติตั้งสามสิบนาทีเพราะต้องเผื่อเวลาเดินไปขึ้นวินมอเตอร์ไซต์ตรงหน้าปากซอย แล้วก็กะว่าจะไปหาข้าวเช้ากินประทังชีวิตที่โรงอาหารคณะด้วย
ฉันใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวประมาณสามสิบนาทีก็เสร็จ ฉันไม่ได้แต่งหน้าเยอะด้วยแหละก็เลยถือว่าเสร็จไว
แกร๊ก!
“เฮ้ย!”
ฉันที่กำลังเปิดประตูออกมาจากห้องก็ต้องตกใจอย่างแรง เพราะพอเปิดประตูออกมาก็เจอเข้ากับร่างหนาของพี่เอ็กซ์คิวที่ยืนกอดอกพิงประตูห้องของเขาและมองมาที่ฉันด้วยสายตาเรียบนิ่ง
“พี่มายืนทำอะไรเนี่ย!?” ฉันถามออกไปด้วยหัวใจที่กำลังเต้นโครมคราม เหตุจากตกใจและดีใจที่ได้เจอพี่เอ็กซ์คิวในตอนเช้าแบบนี้โดยที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ
“ฉันจะไปคณะ” พี่เอ็กซ์คิวพูดออกมาเบา ๆ
แล้วไงต่ออ่ะ?
“หืม?” ฉันทำหน้างงเป็นเครื่องหมายคำถามส่งไปให้พี่เอ็กซ์คิว พูดก็พูดไม่จบ คนฟังก็ลุ้นน่ะสิ
“จะไปพร้อมไหม?”
พี่เอ็กซ์คิวก็ยังเป็นพี่เอ็กซ์คิวอยู่วันยังค่ำ ขนาดชวนฉันยังทำหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกอะไรทั้งนั้น แต่ก็รู้สึกว้าวนะ เพราะเขาออกปากชวนฉันด้วยแหละ อ๊ายยยยย
“ไปสิ” ฉันตอบเขาไปด้วยน้ำเสียงระริกระรี้พร้อมกับรอยยิ้มร่าแห่งความตื่นเต้นความดีใจที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้า
“จะไปก็ไป” พี่เอ็กซ์คิวพูดแล้วเดินนำฉันไปที่หน้าลิฟต์อย่างเฉยเมย โดยไม่สนใจรอยยิ้มที่ฉันส่งให้เลยสักนิดเดียว
“พี่ไปทำอะไรที่คณะแต่เช้าอ่ะ?” หลังจากที่เราขึ้นรถมาได้สักพักหนึ่งแล้ว ฉันก็เอ่ยถามพี่เอ็กซ์คิวขึ้นขณะที่เขากำลังตั้งใจขับรถอยู่
“ธุระ” พี่เอ็กซ์คิวตอบเสียงเรียบคล้ายปัด ๆ ให้มันผ่านเลยไป แต่ฉันไม่จบเพราะความอยากรู้อยากเห็นมันเกาะกินหัวใจ
“ธุระอะไรอ่ะ?”
“......” พี่เอ็กซ์คิวหันหน้ามามองฉันแวบหนึ่งด้วยสายตาที่สื่อว่ารำคาญและไม่อยากตอบ ก่อนจะหันกลับไปตั้งใจขับรถต่อ
ไม่บอกก็ไม่ต้องบอก ชิ!
ฉันบ่นในใจแล้วหันหน้ามองออกไปนอกกระจกรถ มองการจราจรที่แสนจะติดขัดและวุ่นวายเล็กน้อย ขนาดคอนโดอยู่ใกล้มหาลัยขนาดนี้ แต่กว่าจะไปถึงคณะฉันว่าคงจะเก้าโมงพอดีอ่ะ
กว่าฉันจะมาถึงคณะมนุษยศาสตร์ก็ปาไปแปดโมงสี่สิบห้านาที นี่ฉันอยู่คอนโดใกล้มหาลัยจริงไหมเนี่ย!? ใช้เวลาเดินทางตั้งเกือบครึ่งชั่วโมง
เหลือเวลาอีกสิบห้านาทีก็จะถึงเวลาเรียนแล้ว ฉันคิดว่าคงกินข้าวไม่ทันแล้วแน่ ๆ แต่ไม่เป็นไรเรียนเสร็จค่อยไปกินทีเดียวก็ได้ ฮืออออ
ขณะที่เรากำลังจะเดินออกมาจากโรงจอดรถของคณะ ฉันก็แอบเหลือบสายตาไปมองรถยนต์ของฉันที่กำลังจอดแห้งเหี่ยวอยู่ที่นี่มาหนึ่งคืนเต็ม ๆ
แงงงง แม่ขอโทษนะลูกรัก แม่ผิดไปแล้วที่เห็นผู้ชายดีกว่าลูก แต่ถ้าให้เลือกอีกรอบแม่ก็ยังจะเลือกผู้ชายอยู่ดี ฉันดูเป็นแม่ทรพีไหม ฮ่า ๆๆ
“มือหายเจ็บหรือยัง?” พี่เอ็กซ์คิวเอ่ยถามขึ้นในขณะที่ฉันกำลังเปรยตามองรถของตัวเองแบบตาละห้อยอยู่ ทำให้ฉันต้องละสายตาจากรถลูกรักหันไปมองหน้าเขาแล้วตอบไป
“หายแล้ว แต่ยังเขียว ๆ ซ้ำ ๆ อยู่อ่ะ” พูดพลางชูมือที่เจ็บให้พี่เอ็กซ์คิวดู ก่อนหัวใจจะกระตุกวูบเมื่อรู้สึกว่าสายตาของเขาดูเป็นห่วงให้ฉัน ถ้าฉันไม่ได้คิดไปเองนะ
“......” พี่เอ็กซ์คิวไม่พูดอะไรต่อ มองมือของฉันแบบนิ่ง ๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินนำฉันเข้าไปในตึกคณะก่อน ฉันจึงรีบเดินตามไป
“กินนี่สิ” อยู่ ๆ พี่เอ็กซ์คิวก็ยื่นขนมปังหมูหย็องแบบที่ฉันให้เขาป้อนให้กินเมื่อคืนส่งมาให้ ฉันเลยรับมาแบบงง ๆ
“พี่ให้พิ้งค์เหรอ?” ฉันรู้สึกระแวงและแปลกประหลาดใจไม่น้อย ปกติพี่เอ็กซ์คิวไม่ได้ใจดีขนาดนี้นี่นา แปลกจัง
“อืม” พี่เอ็กซ์คิวครางตอบเบา ๆ แล้วเบนสายตาไปทางอื่น
“ขอบคุณมาก ๆ เลยน้าา ใจดีจังเลย~” ฉันพูดขอบคุณไปด้วยน้ำเสียงสดใสร่าเริงปนขี้เล่นส่งให้พี่เอ็กซ์คิวไป อยากหยอกเขาเล่นอ่า ฮ่า ๆๆ
“เอ็กซ์คิว”
“เอ็กซ์คิว” ผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่งเอ่ยเรียกพี่เอ็กซ์คิวขึ้นด้วยน้ำเสียงหวานใส ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาเราสองคน แต่สายตาผู้หญิงคนนั้นกลับมองมาที่พี่เอ็กซ์คิวคนเดียว ท่าทางของสองคนนี้ดูสนิทสนมกันดีจัง
“ว่าไงฟ้า” พี่เอ็กซ์คิวขานรับเธอเสียงเรียบ แต่เป็นเรียบที่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนและละมุนละไมอย่างที่ฉันไม่เคยได้รับมาก่อน
“มาเช้าจัง ประชุมสิบโมงตรงไม่ใช่เหรอ?” เธอถามพี่เอ็กซ์คิวด้วยใบหน้าสงสัยปนแปลกใจ
ว่าแต่ประชุมงั้นเหรอ?
“อืม ว่าจะมารอก่อนเวลา แล้วฟ้าล่ะทำไมมาเร็ว?”
ทำไมพี่เอ็กซ์คิวถึงคุยกับถามผู้หญิงคนนี้ด้วยท่าทางสนิทสนมนักนะ ทีกับฉันดูไม่เห็นอยากจะพูดคุยหรือเสวนาเลยสักนิด น่าน้อยใจจัง!
“เรามีเรียนตอนเก้าโมงอ่ะ พอดีลงเรียนวิชาจิตวิทยาไว้” พี่ผู้หญิงที่น่าจะชื่อ ‘ฟ้า’ เพราะฉันได้ยินพี่เอ็กซ์คิวเรียก ตอบด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มหวานที่ดูยังไงก็โคตรหวานหยาดเยิ้มเลย ช่างน่าหมั่นไส้จริงแท้
“อ้อ” พี่เอ็กซ์คิวครางตอบเสียงเบาแล้วหันมามองหน้าฉัน ทำให้พี่ผู้หญิงที่ชื่อฟ้าเพิ่งรู้ตัวว่าฉันก็ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ด้วย จึงหันมองตามแล้วเลิกคิ้วทำหน้าสงสัย
“เธอไม่ไปเรียน?” พี่เอ็กซ์คิวถามฉัน
เฮ้ย!! ใช่สิ จะสายแล้วอีพิ้งค์!
ตาย ๆๆๆ
“ไป ๆๆ ไปแล้วนะ!” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก โบกมือลาให้พี่เอ็กซ์คิวเสร็จก็รีบวิ่งหน้าตั้งมาที่ห้องเรียนทันที แต่วิ่งมาได้ไม่ไกลเท่าไหร่ฉันก็นึกขึ้นได้ จึงหยุดชะงักฝีเท้าแบบกะทันหัน
ว่าแต่ห้อง H123 มันอยู่ตรงไหนอ่ะ?
มัวแต่กลัวว่าจะไปเข้าเรียนสายจนลนลานและรีบร้อนไปหมด จนลืมไปเลยว่าตัวเองไม่รู้ว่าห้องเรียนอยู่ที่ไหน
ฉันรีบคว้านหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายข้างของตัวเอง กะว่าจะโทรไปหาแหวน แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ แงงงงง ลืมเอามาด้วยเหรอเนี่ย บื้อจริง ๆ เลยอีพิ้งค์! ฮือออออ!!
ฉันลนลานและเริ่มอยู่ไม่สุข เพราะไม่รู้จะเอายังไงต่อดี แงงงง ตาย ๆ มาเรียนวันแรกก็หาห้องเรียนไม่เจอเลย ฉันจะเข้าเรียนสายไม่ได้นะ!
หมับ!
ขณะกำลังอยู่ไม่สุข จู่ ๆ ก็มีมือของใครบางคนเอื้อมมาจับที่แขนและรั้งให้ฉันหันไปเผชิญหน้ากับเขา
“พี่เอ็กซ์คิว!” ฉันร้องเรียกคนตรงหน้าด้วยความตื่นตระหนกตกใจ
“เรียนห้องไหน?” พี่เอ็กซ์คิวเลิกคิ้วถาม อาจจะเห็นท่าทางแตกตื่นของฉันเมื่อกี้นี้ก็เลยเดินตามมาเพราะคิดว่าฉันคงไม่รู้จักห้องเรียนแน่ ๆ ซึ่งมันคือความจริง
“หะ..ห้อง H123” ฉันตอบไปแบบยังเลิ่กลั่กอยู่
“มานี่” พอได้ยินที่ฉันตอบไป พี่เอ็กซ์คิวก็จูงมือฉันให้เดินตามเขามา ซึ่งฉันก็ไม่ขัดข้องใจ ยอมให้เขาจูงมือได้ตามสบายและไม่ถือสา
พี่เอ็กซ์คิวจูงมือฉันให้เดินตามมาแบบเร็ว ๆ เดินมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงหน้าห้องเรียนห้องหนึ่งก็ปล่อยมือออกจากข้อมือของฉัน
“ห้องนี้” พูดบอกฉันแล้วทำท่าจะเดินกลับไปทางเดิมที่เดินมา ฉันจึงรีบคว้าแขนพี่เอ็กซ์คิวเอาไว้ แล้วส่งยิ้มหวานที่คิดว่าหวานกว่าพี่คนชื่อฟ้าส่งให้เขาไป
“ขอบคุณน้า จุ๊บ ๆ” ฉันพูดและทำเสียงจุ๊บแบบทะเล้นส่งให้พี่เอ็กซ์คิวไป ก่อนจะรีบวิ่งหนีเข้าห้องมาอย่างรวดเร็วด้วยความเขินอาย ไม่ได้รอดูปฏิกิริยาตอบสนองของเขาเลย ฉันคิดว่าเขาก็คงอึ้งอ่ะ เพราะฉันก็อึ้งกับตัวเองเหมือนกันที่กล้าทำอะไรแบบนั้นออกไป งื้อ
พอปรายตามองรอบห้องแล้ว ฉันก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเพราะอาจารย์ยังไม่มา