บทที่7

2005 Words
เดินแบกหมูใส่ตะกร้าเร่งกลับบ้าน พอใกล้ถึงกลับได้ยินเสียงด่าทอ จึงเปิดประตูเข้าไป เห็นเจ้าใหญ่ร้องไห้ มีเจ้ารองยืนถกแขนเสื้อท่าทางดุร้าย กำลังวิวาทปะทะวาจากับนางหลี และยังเห็นชายตัวโตที่แบกเครื่องมือช่างอีกสามคนที่คอยยืนสังเกตการณ์ เส้นขมับนางเต้นตุบๆ ดูเอาเถอะ ออกไปนอกบ้านก็เกิดเรื่องแล้ว “มีอะไรกัน ทำไมพวกเจ้าเข้ามาบ้านข้าได้ คำพูดของหัวหน้ากลายเป็นลมปากที่ไร้ความหมายไปแล้ว” “เลอะเทอะเปรอะเปื้อน! ข้าไม่ได้เข้ามาเอง แต่เป็นเด็กบ้านเจ้าพาเข้ามา” “ข้าเชิญท่านเมื่อใดกัน! เป็นท่านที่ปีนรั้วแล้วตกลงมาใส่กองดิน ยังมีหน้ามาเรียกร้องขู่เอาค่าตกใจอีก ท่านแม่ ป้าคนนี้ยังขว้างหินใส่หัวพี่ใหญ่” เจ้ารองกระทืบเท้าตาแดงปานกระต่าย บ่งบอกว่าเจ้าหนูโกรธมากปานใด “ว่าไงนะ” ชุนเยว่มองหน้าลูกสาวคนโต เห็นว่าขอบไรผมมีเลือดไหลซึมออกมา ในใจจึงโกรธ สีหน้านางดูไม่ได้อย่างยิ่ง กล้ามาก! ถึงขั้นมารังแกคนในที่ของนาง “ใครขว้าง! ข้าก็แค่ปัดดิน ในนี้มีผู้ใดเห็นบ้าง” นางหลีมั่นใจว่าไม่มีพยานที่เห็นกับตา จึงยื่นหน้าลอยยั่วฝ่ามือ ชุนเยว่ที่โกรธจัดอยากสั่งสอนให้รู้สำนึก แต่นางใจเย็นพอจะไม่ลงมือทันที มิเช่นนั้นหากใช้อาคมคนจะสงสัย อีกเดี๋ยวเจ้าต้องร้องขอโทษ “ในเมื่อเจ้าไม่ได้ทำก็ไม่ว่าอะไร แต่เรื่องที่เจ้ารุกล้ำเข้ามาบ้านข้าเป็นอีกข้อหาหนึ่ง เจ้าสามเจ้าจงไปตามหัวหน้า บอกเขาว่ามีคนดูแคลนคำสั่งเขา แอบปีนสังเกตการณ์จนตกลงมาแล้วมายังเรียกเงิน” “ขอรับ” “เดี๋ยว! ไม่ต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ก็แค่ออกไปไม่ใช่หรือ ข้าไปก็ได้” นางหลีเกรงว่าแบบนั้นจะยิ่งถูกตำหนิ แอบขัดใจเล็กน้อยที่ชุนเหนียงไม่ด่าทอโวยวายแทนลูกเลี้ยง ทั้งที่ตนจงใจยั่วยุกลับสงบนิ่ง จึงเดินกระแทกเท้าจ้ำอ้าวออกไป “ท่านแม่! เห็นชัดว่าป้าทำร้ายพี่ใหญ่ ทำไมท่านถึง!” “แล้วเจ้าเห็นกับตาหรือไม่ มีใครเห็นบ้าง” น้ำเสียงที่เรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์ กวาดมองลูกเลี้ยงอย่างเชื่องช้า “การจะกล่าวหาคนต้องมีหลักฐาน ไม่ใช่แค่พูดว่าอาจใช่ แต่มันต้องใช่” “เอาเถอะ ในตู้มียาสมานแผลยาแก้ปวด จงพาพี่สาวเจ้าไปทำแผลเสีย” “แล้วเอาของพวกนี้ไปเก็บด้วย อย่าลืมทำเป็นมื้อกลางวัน ข้าจะคุยธุระกับช่างเสียหน่อย” “ขอรับ” กลิ่นเนื้อหอมโชยเตะจมูก เจ้ารองอารมณ์เปลี่ยนทันทียิ้มตาหยีดีใจ ลืมความโกรธเมื่อครู่ไปหมดแล้ว เจ้าใหญ่ก็ตื่นเต้นเช่นกัน ที่แท้มารดาออกจากบ้านเพื่อไปซื้อเนื้อกลับมา เหลือเพียงน้องเล็กที่นั่งจุมปุ๊กเขี่ยกองดินเล่นคนเดียว “ท่านคิดว่าสามารถทำมันออกมาในระยะเวลาเท่าใด” “หากเอาอย่างดีเลย ก็น่าจะราวสิบห้าวัน การวางอิฐหินให้สูงกางตาข่ายลวดเทปูนฉาบเรียบมันทำให้เร็วไม่ได้ อาจมีผลต่อการใช้งานในระยะยาว” “สิบห้าวันก็ไม่แย่ แต่ข้าอยากเสริมไม้แหลมเข้าไปอีกหน่อย เผื่อว่าจะมีตัวหนอนขี้เกียจไต่ไปมา” ระหว่างนี้มีคนมาทำรั้ว นางหลีคงไม่กล้ามาวุ่นวายตรงๆ พอรั้วเสร็จก็ปีนข้ามไม่ได้แล้ว หรือต่อให้ทำได้ก็จะไม่โชคดีแน่ “ตกลง ข้าจะหาหนามแหลมคมมาวางเพิ่ม ส่วนเรื่องราคา...” พวกช่างหัวเราะออกมา เขารู้ว่านางหมายถึงนางหลี ซึ่งก็ได้เห็นแล้วว่าทางนั้นยังราวีไม่จบง่ายๆ “ข้าจ่ายไหวและจะไม่ต่อรอง เมื่อวานเป็นท่านที่ช่วยเจ้าตัวเล็กขึ้นมา ถือว่างานนี้คือคำขอบคุณ เอาเช่นนี้ ต่อไปข้าจะให้เจ้าใหญ่ทำข้าวมื้อกลางวันเผื่อ ทุกคนไม่ต้องห่อมามันให้ยุ่งยาก” “ตกลง! เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจ” พวกช่างย่อมยินดีนัก เขาเห็นนางซื้อขาหมูมาขาใหญ่ ได้ยินว่าเมื่อวานนางเอาของไปขายในเมือง คงได้เงินเยอะ ถึงมีเนื้อกินและจ้างทำรั้ว อย่างไรช่วงนี้ว่างไร้งาน นับว่าสบโอกาสดีมาก “ถ้างั้นก็เริ่มเลย ข้าจะจ่ายให้งวดแรกหลังจากเห็นเสาที่ต่อขึ้นไป” “ได้! พวกเราลุย” ชุนเยว่ยิ้มก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นเรียบเฉย ยามที่พวกเขาหันหลังเริ่มลงมือทำงาน เนื่องจากเตรียมอุปกรณ์ช่างเครื่องมือมาพร้อมจึงสามารถดำเนินการ สายตาของนางมองข้ามไปยังบ้านของนางหลี นางมีความคิดจะมอบบทเรียนให้หญิงคนนั้น ตอบแทนที่กล้าตีคนของนาง ก่อนจะเดินไปข้างบ้าน หยิบแมลงปีกแข็งขึ้นมาหนึ่งตัว ร่ายอาคมบางอย่างใส่มัน จากนั้นเจ้าแมลงก็บินไปยังบ้านนางหลี และไม่ใช่แค่มันตัวเดียว ดูเหมือนมันจะเรียกพรรคพวกมามากมายเชียว “กรี๊ดดดด!!!!!” เสียงร้องดังมาจากบ้านหลังข้างๆ เต็มไปด้วยความสับสนปนหวาดกลัว ชุนเยว่ไม่สนใจเพียงหยิบตะกร้าไปหยุดรอที่หน้าบ้าน “ท่านแม่! นั่นเสียงป้าหลีใช่หรือไม่” เจ้ารองกระโดดพรวดมายืนเงี่ยหูข้างรั้ว ความอยากรู้อยากเห็นของเขาทำเอานางกลอกตา ปลายนิ้วจึงจิ้มลงที่หน้าผากเขายังเคาะไปหนึ่งที “เจ้านะ ใส่ใจเรื่องคนอื่นให้น้อยลงหน่อย ไปเอามีดกับตะกร้ามาเราต้องเข้าป่าหาสมุนไพร วันนี้จ่ายเงินไปมากยังต้องหามาเพิ่ม” “แม่ข้าไปด้วย!” น้องเล็กที่รอคอยท่านแม่เข้าป่ากระตือรือร้นอย่างยิ่ง นางอยากไปสนุกด้วยคน พี่รองบอกว่าท่านแม่ในตอนนี้ไม่ขี้โมโหเท่าไร อยู่ใกล้ได้ไม่กัด “ด้วยขาที่สั่นพั่บๆ นะหรือ ไว้เจ้าวิ่งตามพี่ชายเจ้าทันค่อยไป วันนี้อยู่บ้าน เชื่อฟังห้ามซน” “ขาข้าไม่ได้แย่ขนาดนั้น” เด็กหญิงคอตก เดินหมุนตัวกลับไปนั่งเล่นที่เดิม วาจาท่านแม่คือเด็ดขาด ได้คือได้ ไม่ได้คือไม่ได้ ห้ามต่อรอง “ท่านแม่ แล้วข้าเล่า” “เจ้าอยู่บ้านเป็นเพื่อนพี่สาวเถอะ ในบ้านต้องมีผู้ชายเหลือไว้ และหัดเข้มแข็งให้สมที่เกิดเป็นผู้ชาย อย่าอ่อนปวกเปียกให้มาก รู้จักปกป้องคน ไม่ใช่ให้คนอื่นมาปกป้อง” “ขอรับ” ถูกมารดาตำหนิเจ้าสามหดคอลง เขารู้ว่าตัวเองขี้ขลาด ต่างจากพี่ชายที่ถึงตัวเล็กแต่ก็รู้จักสู้ ทำไงได้เล่า แค่ได้ยินเสียงตวาดก็ตกใจแล้ว ชุนเยว่รู้ว่าแค่คำพูดประโยคเดียว ไม่สามารถดัดนิสัยคนอ่อนแอ ให้แข็งแกร่ง แต่จะทำให้ได้แน่ นางไม่ต้องการคนที่เป็นภาระแต่ต้องการคนที่ใช้งานได้ “ท่านแม่ วันนี้เราจะไปทางไหนดี” “ไปทางเดิมของเมื่อวาน ข้ามีบางอย่างที่ต้องไปทำ” ก่อนอื่นต้องจัดการกับชุนเหนียง ไม่ให้นางแผลงฤทธิ์อาละวาดออกมาหลอกคน อุตส่าห์ใจดีไม่กดลงจมดิน ในเมื่อสบายไปเช่นนั้นก็อยู่ให้ลึกๆ เถอะ อย่าโผล่หน้าขึ้นมา อย่างน้อยให้ผ่านไปสักหลายร้อยปีก่อน ถึงเวลานั้นก็แล้วแต่โชคชะตาทว่าไม่ใช่ตอนนี้ นางไล่ให้เจ้ารองวิ่งไปดูรอบๆ ก่อนจะกรีดนิ้วหยดเลือดสร้างคาถาพรางตาล่องหนกำกับไว้สองชั้น มีเสียงร้องโวยวายของน้องสาวตะโกนด่า สลับกับอ้อนวอน ซึ่งดูเหมือนนางจะเริ่มจำอดีตชาติที่ทำไว้กับพี่สาวอย่างตนได้แล้ว “สำนึกได้เมื่อสาย คำขอโทษที่มาหลังจากการทุกข์ทรมานมันไร้ค่า จากนี้เจ้าจงแบกรับสิ่งที่ตัวเจ้าได้สร้างไว้เอง” สั่งลาเป็นครั้งสุดท้ายจึงเดินออกมา ไม่มีความจำเป็นที่ต้องพบกันอีกตลอดไป หลังจากเดินลัดเลาะออกมาเป็นเวลานาน ก็แทบไม่มีอะไรน่าสนใจ ปลายจมูกของชุนเยว่ยังคงตามหาสิ่งที่พอจะมีประโยชน์ นางไม่ได้หวังแค่สมุนไพรเท่านั้น แต่หากมีสิ่งที่สามารถนำไปเป็นอาหารจะเก็บติดมือไปด้วย “ทำไมถึงโล่งขนาดนี้นะ” “ป่าแห่งนี้ถูกหาจนเตียน มันยากหากจะเจอของดีแบบเมื่อวาน ที่มันยังเหลือเพราะพวกเขาไม่รู้จักเท่านั้น” เจ้ารองพูดถูก หากคนรู้ว่าล้ำค่าไหนเลยจะมีให้เก็บ คงขุดไปหมดยันราก “ท่านแม่” “มีอะไรก็พูดมา ไม่ต้องบีบเสียงอ่อนเช่นนี้” “เรื่องที่ให้ไปถามเกี่ยวกับท่านพ่อ ยังไม่มีข่าวคราวเลย” “ไม่มี หรือเขาไม่บอกเจ้า” “แม่ขอรับ คำคนมักพูดไปเรื่อย ข้าไม่เชื่อว่าท่านพ่อจะทำแบบนั้น” “เจ้าเป็นลูกเขา ต้องมองเขาดีเสมอ ที่ใดไม่มีไฟยากจะมีควัน เพียงเขาเงียบและไม่มีคนยอมปริปากเช่นนี้ ก็อธิบายสถานการณ์ได้ชัดเจน” “เจ้ารองข้าถามเจ้า หากพ่อเจ้ากลับมาพร้อมภรรยาใหม่ เจ้าจะทำอย่างไร” “ข้า ข้าไม่รู้ คำถามนี้มันช่างยาก” “ไยเจ้าจึงลังเล เจ้าควรจะยินดีกับพ่อ อยู่กับเขาและแม่คนใหม่สิ” “ข้า... ไม่ค่อยรู้จักท่านพ่อนัก ข้าแทบจำไม่ได้แล้วว่าท่านพ่อเป็นคนยังไง เวลาที่กลับมาก็ไม่เคยอยู่บ้านดีๆ มักจะออกไปหาสหายข้างนอก” เจ้ารองเหลือบตามองแม่เลี้ยงอย่างระมัดระวัง ถึงมารดาจะดุร้าย แต่คุ้นเคยมากกว่าพ่อที่ให้กำเนิด มันจะแปลกๆ หากต้องไปอยู่ด้วย และเขาก็ไม่รู้ว่าภรรยาใหม่จะมีนิสัยเช่นไร เกิดน่ากลัวดุร้ายกว่าด่าเก่งไม่ยิ่งแย่หรือ “แต่ข้าบอกได้เดี๋ยวนี้ ถ้าพ่อเจ้ากล้าทำเช่นนั้นข้าจะหย่าเขาแน่ บ้านหลังนี้คือสินสอดที่ขอแต่งงาน มันคือของข้า ดังนั้นถ้าเจ้าเลือกพ่อเจ้าก็ต้องย้ายออกไปและห้ามกลับมาอีก” เพราะเขาเป็นม่ายที่ยากจนมีลูกติดหลายคน สตรีใดไม่ยินดีแต่งให้ จึงใช้บ้านเป็นสินสอดสู่ขอ ด้วยเหตุผลนี้เองเด็กถึงหวาดกลัวชุนเหนียง เกรงว่านางจะไล่ออกจากบ้าน เจ้ารองปาดเหงื่อ เขารู้สึกนิสัยมารดาตอนนี้เด็ดขาดมาก น่ากลัวกว่าเดิมหลายเท่าแต่ก็มีเหตุผล จึงต้องทบทวนผลได้ผลเสียดีๆ ข่าวลือเรื่องบิดาแต่งงานใหม่มีมาสักพัก แต่ไม่มีใครออกมายืนยันจึงยังคลุมเครือ หากใช่! ไม่เท่ากับว่าบิดาเขาเป็นฝ่ายผิดหรือ และมารดาไม่มีทางยินดีกับการแต่งงานครั้งนี้ ลำพังเลี้ยงดูพวกเขาก็บ่นแล้วด่าอีก “เจ้ารอง ตรงนั้นมีของดีแล้ว” “ตรงไหนขอรับ” “ดูโน่น! บนหน้าผา” “หา!” เจ้ารองเหงื่อแตกพลั่กๆ เมื่อวานปีนต้นไม้ มาวันนี้ให้ปีนหน้าผา โอ้มารดาข้าไยท่านจึงตาดีมองหาแต่ของที่อยู่สูงเล่า ไม่ห่วงใยสวัสดิภาพลูกชายบ้าง “ทะ! ท่านแม่ แต่มันสูงมาก..! ท่านจะให้ข้าปีนขึ้นไปเก็บลงมาหรือ” “เช่นนั้นต้องเป็นข้ารึไง มือเจ้ายังกับกาวเหนียว ไม่มีทางตกลงมาง่ายๆ หรอก เร็วเข้าไปเอาฉั่งฉิกลงมา” ฉั่งฉิกคือสมุนไพรห้ามเลือด แต่ไม่ทำให้เลือดแข็งตัวนิ่ง ออกฤทธิ์ทั้งห้ามเลือดและสลายเลือดคั่ง หากใช้เป็นยาเดี่ยวสำหรับรักษาแผลสดหรือรักษาแผลเปิดที่มีหนอง หลักการใช้คือบดเป็นผงโรยบริเวณแผลเลือดจะหยุดไหลทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD