“ข้าจะตั้งใจเรียนรู้ จะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
“ไว้สักพักเราค่อยไปบ้านอาจารย์คนนั้น ตอนนี้เที่ยงวันไม่แน่ว่าพวกเขากำลังกินข้าว แบบนั้นจะเป็นการรบกวน”
เจ้าใหญ่ตื่นเต้นดีใจ เสื้อที่เย็บโดยหัวจักรจะเรียบฝีเข็มละเอียดตะเข็บสวยกว่าใช้มือ ยังย่นเวลาในการเย็บลงหลายเท่าตัว แต่ก็มีเรื่องการร้อยเข็มด้ายการดูแลอุปกรณ์ นางอยากทำเป็น แม่เลี้ยงบอกจะเปิดร้านให้ แบบนั้นนางไม่ใช่ช่างอายุน้อยที่สุดที่มีร้านของตัวเองหรือ
ปกติแล้วเสื้อตัวหนึ่งอาจใช้เวลาหลายวัน แต่ถ้ามีหัวจักรถีบ เพียงตัดผ้าไว้รอพร้อม วันเดียวอาจทำเสร็จ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความชำนาญ
“พี่ใหญ่ หากท่านเย็บผ้าแล้ว ช่วยทำตุ๊กตาให้ข้าสักตัวได้ไหม”
“ตุ๊กตาหรือ?”
“คงเป็นวันก่อนตอนเข้าตลาด มีคุณหนูบ้านหนึ่งอุ้มตุ๊กตาของคนตาสีฟ้า เขาบอกว่าคือตุ๊กตาหมีเจ้าค่ะ”
“มันสวยขนาดนั้น เจ้าถึงอยากได้บ้าง”
น้องเล็กพยักหน้าหงึก ตุ๊กตาหมีตัวอ้วนแก้มกลมตาดำ มีหูกลมมนเล็กๆ เห็นแล้วน่ากอดสีน้ำตาล เขายังอวดนางว่ามันนุ่มมาก ไม่แข็งเหมือนตุ๊กตาผ้าทั่วไป ที่สำคัญคือตัวใหญ่และเบาอุ้มกอดได้เหมือนอุ้มทารก
“เจ้าใหญ่ในบ้านเรามีฝ้ายหรือไม่ ไปทำให้นางเถิด”
“ท่านแม่ หากให้ทำแบบที่เขาเอามาขายคงยากเจ้าค่ะ ตุ๊กตาหมีช่างเป็นเอกลักษณ์ ไม่เพียงแต่รูปแบบที่น่าเอ็นดูแต่ขนฟูนุ่มเหมือนขนแมว วัสดุที่ยอดเยี่ยมในเมืองเราไม่มีขายแน่”
“เอาเถอะ เช่นนั้นพรุ่งนี้เข้าเมือง หลังเลิกเรียนข้าจะลองหามาให้”
“ท่านแม่ตัวหนึ่งมันแพงมาก! ข้าไม่เอาแบบนั้นแล้วก็ได้ ให้พี่ใหญ่เย็บเลียนแบบก็พอ”
ชุนเยว่ค่อนข้างพอใจกับนิสัยเด็กบ้านนี้ พวกเขารู้ว่าสิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควรทำเกินตัว
“เช่นนั้นเราไปดูในตู้กัน ถ้ามีฝ้ายมากพี่สาวคนนี้จะได้ทำตุ๊กตาตัวใหญ่ให้เจ้านอนกอด” เจ้าใหญ่ยื่นมือมาจับแขนน้องสาวให้ไปด้วยกัน น้องเล็กยิ้มตาหยี
“คิกๆ เจ้าค่ะ”
ชุนเยว่มองตามในใจยังคิดว่า เด็กหนอ แค่นี้ก็ดีใจจนหัวเราะเสียแล้ว แต่ก็ดี เข้าใจและไม่สร้างปัญหาถึงน่าเลี้ยงดู
“เจ้าสามข้างนอกเสียงดังอะไรกัน เจ้าไปดูซิ” ขณะที่กำลังเก็บกระจาดมาเตรียมเก็บสมุนไพรแห้งใส่ถุง จู่ๆ ก็มีเสียงโหวกเหวกดังเข้ามา
“ท่านแม่เป็นป้าหลีอาละวาดอีกแล้ว วันนี้ถึงกลับชกเบ้าตาลุงจนเขียว บอกว่ามีแมงมุมยักษ์จะกินลูกตาเขา”
เพราะมารดาไม่ได้ไร้เหตุผล ยังพร่ำสอนแต่สิ่งที่ควรสอน ทำให้เจ้าสามไม่เก็บตัวเงียบขรึมอีก เขากล้าสื่อสารมากขึ้น ไม่เอาแต่หดตัวหลบหลังพี่น้องอีก ไปๆ มาๆ จะพูดเก่งไม่แพ้พี่ชาย แค่ไม่สู่รู้เท่า
“ถึงขั้นลงมือลงไม้เชียว”
“ไม่ใช่แค่นั้นนะขอรับ ลุงเขาโกรธมาก บอกว่าภรรยาถูกผีร้ายเข้าสิง กลางคืนไม่ยอมหลับยอมนอนดีๆ ร้องละเมอเสียงดัง มาวันนี้ตีคนแล้วจึงไปเรียกหัวหน้ามาที่บ้าน เพื่อจะขอหย่าขาด”
“แล้วเขาหย่ากันรึยัง”
“ป้าหลีไม่ยอมหย่า บอกว่าแก่แล้วแต่งงานใหม่กับใครไม่ได้อีก จะอยู่จะตายก็ห้ามไปไหน พวกเขากำลังทะเลาะกัน แว่วว่าลุงเขาจะขายบ้านหนีเพื่อตัดปัญหา”
เข้าทางนางแล้ว คราวนี้ก็อยู่ที่ว่าผู้เป็นสามีจะใช้ไม้เด็ดยังไง รอให้เขาเถียงกันอีกหน่อยนางค่อยโผล่หน้าเข้าไป ต่อให้เขาอยากขายแต่ใครจะกล้าซื้อ ยิ่งกับคนที่ดื้อรั้นไม่เป็นการสร้างความยุ่งยากแก่ตัวเองหรือ นอกจากนางที่มีวิธีรับมือ จึงไม่ต้องกลัวว่าบ้านหลังข้างๆ จะถูกคนอื่นแย่งไป
“ท่านแม่ท่านมาแล้ว” เจ้าใหญ่ที่เกาะข้างรั้วบ้านนางหลีชมสถานการณ์ยิ้มตาหยี ชุนเยว่เห็นแล้วส่ายหน้า นับวันเขาจะยิ่งวิ่งไปรอบๆ คอยสอดแนมความเป็นไป ขนาดเป็นผู้ชายยังยุ่งเรื่องคนอื่น น่าส่งไปเป็นสายข่าวนัก ได้ยินว่าเริ่มมีการก่อตั้งสำนักข่าว และเริ่มมีการพิมพ์กระดาษ ที่เรียกว่าหนังสือพิมพ์ และยังมีสิ่งที่เรียกว่ากล้องถ่ายภาพ ที่มักจะมีคู่กันเสมอ
สงสัยเจ้ารองจะเหมาะกับอาชีพนี้...?
นางเหล่ตามองเขาแล้วเห็นด้วยกับความคิดนั้น ยิ่งเขาเรียนภาษาต่างแดนด้วยแล้ว เรื่องหาข้อมูลไม่ยิ่งสะดวกหรือ ให้ฝึกไว้แต่เล็กจึงดี ยังไงก็มาแนวนี้แก้ไม่หาย
“เจ้ารอง เจ้าตัวเล็ก จงไปสืบมาว่าพวกเขามีคนใดที่อยากจะซื้อบ้านข้างเรา ดูด้วยว่าพวกเขาตั้งราคาเท่าใด แล้วให้นำมาบอกข้า”
“เข้าใจแล้ว ท่านแม่ ท่านวางใจเถอะอย่างไรก็ไม่มีใครมาแย่งไปได้”
นั่นอย่างไร ดูเหมือนเขาจะเข้าใจความคิดนาง รู้ว่าต้องไม่ให้คนอื่นได้ไป
“ท่านแม่ เขาขายบ้านแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรา” ขณะที่เจ้าสามยังคงเกาหัวมึนงง
“เจ้าอยากรู้”
“อื้อ”
“รอดูต่อไป”
“หือ...” จากที่ไม่อยากสงสัยก็เริ่มอึดอัดชอบกล ชักอยากได้คำตอบไวๆ นี่รึเปล่าที่พี่รองบอก หากไม่รู้จะนอนไม่หลับ
เห็นสีหน้าของเจ้าสาม ชุนเยว่ขบขัน รึนิสัยจะเหมือนโรคติดต่อ คนน้องเริ่มมีอาการสู่รู้บ้าง
“ข้าบอกว่าไม่ให้ขายแล้วข้าจะไม่หย่าด้วย!”
“ใครจะไปอยากอยู่กับคนบ้าเช่นเจ้า! ข้าทนเจ้าไม่ไหวอีกต่อไป วันๆ เอาแต่บอกว่าผีสี่ขาวิ่งไล่ แม้ฟ้าสว่างแจ้งแดดแรงเจ้ายังบอกเห็นผี แบบนี้มันสติดีที่ไหน”
“ก็ข้าเห็นจริงๆ ทำไมถึงไม่เชื่อกันบ้าง!”
“พอเถอะสองคน อยู่ใกล้แค่นี้จะเสียงดังไปทำไมกัน!”
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่รู้จักดีชั่วนึกรังเกียจภรรยา แต่ว่านางเหมือนคนบ้าเข้าไปทุกวัน หลายครั้งที่บอกว่ามีผีเกาะหลังข้าเอาไม้ไล่ตี และยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้วันหน้านางจะหยิบมีดพร้ามาแทงข้าตอนนอนไหม”
“ข้าทำเพื่อปกป้องเจ้านะ เหตุใดถึงใส่ร้ายข้าเยี่ยงนี้”
“ปกป้องข้า? แต่ทำข้าตกใจเกือบตายได้ทุกวัน แบบนั้นไม่ต้อง!”
“เจ้าๆ ข้าคือเมียเจ้า จะอย่างไรเราต้องนอนหลุมเดียวกัน”
“ข้าไม่ยินดี ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะใช่ น่ากลัวว่าตอนนี้จะเป็นเจ้าที่ลากข้าลงหลุม”
หัวหน้าหมู่บ้านปวดหัวยิ่งนัก สองคนไม่มีใครยอมกัน คนหนึ่งก็น่าเห็นใจ สภาพเขาดูได้ที่ไหน ตาเขียวไปข้างว่าแย่แล้ว ยังถูกเอาไม้ไล่ตีเมื่อครู่ หลายคนช่วยกันห้ามยังพลอยถูกลูกหลงไปด้วย นางหลีเริ่มเข้าขั้นวิกลจริตเห็นภาพหลอน แม้แต่เขายังกลัว
“อะแฮ่ม! ป้าหลี ท่านบอกว่าเจอผีสี่ขาหรือ แต่ผีจะมีสี่ขาได้อย่างไร มีแต่สัตว์เท่านั้นที่มีสี่เท้า” เจ้ารองที่นึกถึงเหตุการณ์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาได้เอ่ยถามคล้ายไม่ตั้งใจแต่หวังผล
“ใช่แล้ว! ข้าเห็นหนูผีตาแดงตัวใหญ่ มันบอกจะเอาชีวิตข้าด้วย”
“เอ๋? ทำไมมันต้องเอาชีวิตท่านล่ะ ท่านแค่ไล่ตีมันตอนบุกเข้าบ้านไม่ใช่หรือ ท่านไม่ได้ฆ่ามันสักหน่อย”
“ข้า! ข้าไม่ได้ตั้งใจ”
“โอ้ที่แท้วันนั้นท่านก็ฆ่ามัน จำได้ว่าพี่สาวข้าได้บอกท่านว่ามันท้องกลม บางทีมันอาจมีลูกหลายตัว แต่ท่านไม่เพียงไล่มันยังเอาชีวิต เฮ้อน่าสงสาร!”
“เฮ้อ! สุนัขที่มีลูกอ่อนยังหวงลูกมาก หนูตัวนั้นคงเจ็บแค้นใจน่าดูที่ถูกท่านฆ่าตาย ใช่ตรงนั้นหรือไม่ ที่ท่านตีมัน”
“ไม่นะ! ข้าแค่โยนมีดใส่ ไม่ได้ตั้งใจจะสับคอมัน”
“อะไรนะ! ที่แท้ก็ถูกผีหนูตามหลอกหลอนหรือ ทั้งยังตายตรงนั้น”
“ไม่ดีแล้ว ตอนแรกข้ายังสนใจจะซื้อบ้านหลังนี้ อัปมงคลสิ้นดี!” เห็นสภาพนางหลีแล้วจึงหวั่นใจ ไม่คิดว่าฆ่าหนูตัวเดียวจะเป็นเอามาก พวกเขาเข้าป่าล่าสัตว์ยังไม่เคยเจอวิญญาณร้ายตามล่า ต้องทารุณมันขนาดไหนกันถึงอาฆาตนาง
“เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป! บ้านข้าไม่ได้มีปัญหาแต่เป็นนางที่มี”
“อย่างไรก็มีเสนียด ไม่เห็นหรือว่านางฟั่นเฟือนแล้ว อีกอย่าง หากเป็นผีร้ายจริงมันจะยอมปล่อยผ่านไปผุดไปเกิดดีๆ ไหม มีสิ่งชั่วร้ายวนเวียนข้าไม่สบายใจที่จะมาอยู่”
“ข้าก็คิดว่าไม่เหมาะสม เดิมยังจะซื้อไปเป็นเรือนหอให้ลูกชาย หากบ้านฝ่ายหญิงรู้เข้าการแต่งงานคงไม่เกิดขึ้น”
หลายคนโบกมือลาไม่เอาบ้านราคาถูก สามีนางหลีแทบคลั่ง เขาเองก็ไม่อยากอยู่ที่นี่ คิดจะไปพึ่งพาอาศัยญาติที่ต่างเมือง พวกเขาพอมีฐานะไปของานทำจากนั้นค่อยหาสร้างเอาใหม่ เขาไม่รู้สึกเสียดายมันเท่าไร เพราะแถวนี้หากินลำบาก
นางหลีที่เป็นตายก็ไม่ย้ายไม่ยอมหย่าชักกลัว ใจนางรู้ดีว่าไม่ได้มีหนูแค่ตัวเดียวที่ถูกนางฆ่า ก็มันมากัดแทะข้าวของนางรำคาญเลยจับมันเชือดทุกตัวทุกครั้งที่เจอ และยังมีหมาแมวที่หลงเข้ามาล้วนถูกนางจัดการสิ้น ตอนทำสะใจไม่สงสาร มาตอนนี้นึกเสียใจเหลือเกิน นางไม่ควรทำมันเลย
“สามีข้ายอมแล้ว! เราขายบ้านแล้วย้ายไปอยู่ที่อื่นเถอะ บ้านหลังนี้มีแต่สิ่งไม่ดี”
“มาพูดตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด! คนที่สนใจเขากลับไปหมด ใครจะอยากได้บ้านอาถรรพ์กัน”
หัวหน้าหมู่บ้านถูกพวกเขามองอย่างคาดหวัง จึงเคาะไม้เท้ากระแทกดินดังตึง! กล่าวด้วยเสียงตวาดแข็งกร้าว
“ไม่ต้องมามองข้า! ข้ามาเพื่อช่วยไกล่เกลี่ยเรื่องหย่าของเจ้าผัวเมีย หากไม่หย่าก็ดี แต่ถ้าจะให้ซื้อบ้านเจ้าข้าไม่เอา ลูกหลานข้าแต่งงานมีครอบครัวกันทุกคน ข้าไม่จำเป็นต้องหาเพิ่ม” ใครจะอยากได้บ้านที่มีผีร้ายเล่า
“แต่พวกข้าอยู่ไม่ไหวแล้ว! กลางคืนมือเท้าข้าเหมือนถูกฟันแทะ มันเจ็บราวเนื้อจะหลุดออกมา แต่พอข้าลืมตากลับไม่พบอะไร”
“ไหนท่านบอกว่าไม่เคยเจอผี”
“ข้าไม่เคยเห็นไม่ใช่ไม่เคยเจอ! ตอนแรกคิดว่าเป็นเจ้าที่ทำ”
“ไอ้หย๋า! แบบนี้มันน่ากลัวเกินไป ไว้พวกเจ้าหาคนซื้อได้ค่อยไปบอกข้า”
“เดี๋ยวก่อนท่านหัวหน้า ท่านอย่าเพิ่งไป ท่านต้องช่วยพวกเราแก้ปัญหาก่อน”
“จะให้ข้าช่วยยังไง เรื่องนี้ของบ้านเจ้าไม่นานจะเป็นไฟลามทุ่ง คนพวกนั้นกลับไปแล้วเขาย่อมพูดบอกต่อๆ กันแน่ ทางที่ดีเจ้ารีบไปหานายหน้าเพื่อขายบ้านออกไปเถอะ ก่อนที่จะไม่มีใครเอา”