“บ้าแล้ว! สภาพสกปรกเช่นนี้ทำเตียงข้าเลอะหมด” เกือบลืมว่าเขาอยู่ในชุดนักโทษ มีทั้งคราบเลือดเกรอะกรังที่ยังไม่ได้รับการทำความสะอาด เด็กๆ ตกใจจนลืมนึกถึงว่าต้องเปลี่ยนเสื้อเช็ดตัว
“ดีนัก กลับกลายเป็นข้าไล่พวกเขาไปหมด หน้าที่นี้จึงตกใส่หัวตัวเอง” ปากบ่นมือตบหน้าผาก หางตายังชำเลืองมองแผ่นอกเปลือยที่พ้นเสื้อ ใบหน้าขึ้นสีเห่อร้อน นางยังไม่เคยใกล้ชิดชายใดกับต้องเข้าร่างสตรีที่แต่งงาน ถึงจะมีแผลหลายแห่งแต่สิ่งที่ต้องเห็นก็ได้เห็น จึงถอดเสื้อเขาออกด้วยมือที่สั่น
“ถึงจะผอมไปหน่อย แต่ตรงนั้นไม่น้อยเลย” ว่าแล้วอายแสนอายแต่เลี่ยงไม่แตะต้อง เพราะเฉียดไปโดนมันพองขึ้นนิดหน่อย ยังแอบๆ ชี้หน้านาง ไม่รู้หรอกว่าของชายอื่นใหญ่เท่าเขาไหม แต่ของคนตรงหน้ามันพอๆ กับแขนตัวเล็ก
พอคิดว่าสิ่งนั้นมันใช้อย่างไรชุนเยว่ยิ่งเขิน มือที่เช็ดตัวบนร่างเปลือยเปล่าจึงลูบนานเป็นพิเศษ กระทั่งเห็นขนตามตัวลุกชันจึงพอ ไปหยิบยาในตู้มาโยนใส่แผล และยังหาเอาไม้มาดามจุดที่หักบริเวณแขนขา ก่อนจะสวมเสื้อเก่าของเขามาสวมให้ นำยาลูกกลอนละลายน้ำป้อนเขา ยังดีที่มันไม่หกหมดพอจะลงคอไปบ้าง
“เอาล่ะ ข้าทำถึงขนาดนี้แล้ว หากรอดก็รอด หากเจ้าตายอย่างมาแค้นเคืองข้าในเมื่อเจ้าทำตัวเอง” นางไม่รู้หรอกว่าเขาได้ยินไหม แต่อยากจะบอกให้รู้ไว้
และดูเหมือนเขาจะดวงแข็งมากหรือเพราะยาที่นางให้มันสรรพคุณดี เขาไม่ได้ขาดใจตายตามที่คิด แต่ก็ไม่ได้ดีขึ้นเท่าใด ถึงอย่างนั้นชุนเยว่ก็ถอนหายใจ เพราะนางไม่ต้องปวดหัวกับเสียงร้องไห้ของลูกๆ จนเวลาเดินผ่านไปหลายปี
“แม่คะ วันนี้ที่โบสถ์มีการสวดแม่จะไปไหมคะ” เจ้าใหญ่เดินเข้ามาวางกระเป๋าลงแล้วนั่งข้างๆ หลังจากกลับจากโรงเรียน ทั้งสี่พี่น้องได้รับการสนับสนุนจากแม่เลี้ยงให้รับการศึกษาอย่างเหมาะสม แม้ว่ามันจะใช้เงินจำนวนมาก นั่นทำให้พวกเขารู้สึกขอบคุณอย่างยิ่ง
“ดูสิ ไม่ทันไรก็รู้จักตามสมัยแล้ว” ตอนนี้เด็กๆ ไม่เรียกท่านแม่ แต่เรียกแม่เช่นเดียวกับนักเรียนที่โรงเรียนของรัฐ ครูได้สอนหลักสูตรใหม่ตามที่ได้รับนโยบายมาจากกระทรวง คำว่าเจ้าคะเจ้าค่ะก็เปลี่ยนไปคะค่ะสั้นๆ ลูกชายก็ปรับเปลี่ยนคำพูดเช่นกัน พวกเขาให้เหตุผลว่าต้องฝึกให้ชิน
“พวกลูกไปเถอะ แม่ขี้เกียจฟังซิสเตอร์โน้มน้าวให้เข้าศาสนา”
“พวกเขาต้องการเผยแพร่คำสอนของพระเจ้า นั่นคือเหตุผลที่พวกเขามาค่ะ” เจ้าใหญ่ปีนี้อายุสิบเจ็ด กำลังโตเป็นสาวสะพรั่ง ยิ่งสวมใส่ชุดกระโปรงผูกผมด้วยโบว์ยิ่งน่ารักจนชุนเยว่เป็นห่วง
หลายครั้งที่เห็นนักเรียนทหารตามมาส่งถึงบ้าน พวกเขาอ้างเรื่องความปลอดภัย ซึ่งพวกเด็กๆ เข้าใจความกังวลของแม้เลี้ยงจึงปฏิเสธความช่วยเหลือ แต่ข้ออ้างที่บอกว่าแม่ดุมาก! มันทำให้มารดาแยกเขี้ยว
“แม่คะ แม่ยังโกรธเรื่องนั้นอยู่”
“เฮ้อ! แค่ไม่อยากให้ยุ่งเกี่ยวกับทหาร อย่างที่รู้ว่าตอนนี้มันยังมีการแบ่งเป็นสองฝ่าย เราไม่สามารถล่วงรู้ว่าสถานการณ์ไม่นิ่ง วันนี้ฝ่ายนี้ได้บริหาร วันหน้าเล่าจะยังเป็นแบบนั้นไหม”
“แม่คิดไปไกล ฉันไม่ได้ชอบพวกเขาเลย”
“เกลียดหรือไม่ชอบตอนนี้ ใช่ว่าจะเป็นตลอดไป หากวันหนึ่งเธอเลือกแบบนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเคารพการตัดสินใจ”
“แม่คะ แม่วางใจเถอะฉันจะไม่สร้างปัญหาแน่”
“ดูพ่อเธอสิ เขาก็เคยบอกเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็กลายเป็นผัก หากพวกเธอพี่น้องก่อเรื่องชวนปวดหัวจริง ฉันคงไม่ขอเป็นแม่ใคร อยู่คนเดียวสบายกว่ามาก”
“โธ่แม่! หากแม่ไปแล้วใครจะหาเลี้ยงพวกเรา”
ดีดโป๊ก!
“โอ๊ย! เจ็บนะคะ”
“เห็นฉันเป็นบ่อเงินรึ ไปๆ ไปทำกับข้าว”
“ค่ะแม่ ฟอด!”
“เอ๊ะ! เด็กคนนี้” ชุนเยว่ตกใจที่ลูกหอมแก้ม นับวันเด็กๆ จะชอบแสดงความรัก พวกเขารับวัฒนธรรมตะวันตกมาจึงมีความกล้าความมั่นใจ ไม่เขิน ดูเอาเถอะถลึงตาใส่ยังทำหน้าทะเล้น
“คิกๆ ไม่รู้ไม่ชี้”
ถึงจะดุไปแบบนั้นแต่ไม่ได้โกรธจริงจัง อย่างไรก็เจตนาดี เพียงนั่งครุ่นคิดเกี่ยวกับอนาคต ตอนนี้หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปมาก มีข่าวตามหนังสือพิมพ์ออกมาเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของแต่ละฝ่าย มีทั้งจริงและเขียนลวง ถึงราคาต่อฉบับมันจะแพงมากแต่ก็ให้ลูกซื้อติดบ้านประจำ เพื่อหาทางรับมือ
“แม่ครับ ปู่หัวหน้ามาหาครับ” เจ้าสามเดินมาตามหลังเช็ดตัวให้พ่อ พอเอาผ้าไปตากจึงเดินไปยืดเส้นยืดสายได้พบแขกที่มา ชุนเยว่มองประเมินตอนนี้เขาตัวสูงมาก เขากลายเป็นชายหนุ่มไม่ใช่เด็กขี้กลัว จะว่าไปต้าโก่วพ่อของเขาก็ตัวสูง ลูกจึงได้ส่วนนี้มาทุกคน
“ได้บอกไหมว่ามาทำไม”
“มาขอเจรจาเรื่องซื้อยาครับ เห็นว่ามีคนต้องการจำนวนมาก”
“คิดว่าเขามาเป็นนายหน้าให้ใคร”
“ผมคิดว่า... คงเป็นเศรษฐีคู่แข่งเถ้าแก่คู่ค้าเรา พวกเขาติดต่อเราไม่ได้ จึงอาศัยความสัมพันธ์จากหัวหน้าแทนทำแบบนี้เพื่อกดดัน”
“ในความเห็นของเธอ คิดว่าเราควรทำอย่างไร”
“ผมคิดว่าเราควรดูท่าที หากครั้งนี้ปฏิเสธเขาก็ต้องมาอีก”
เรื่องที่ชุนเยว่ปลูกสมุนไพรหายากถูกค้นพบแล้ว เพราะมีคนมาหาถึงบ้านเพื่อขอทำสัญญาซื้อขาย แต่ก็ถูกปฏิเสธไป ด้วยมีสัญญาใจกับเถ้าแก่ชราแล้วแต่เขายังไม่หยุดคงมาเรื่อยๆ สร้างความสงสัยแก่ชาวบ้าน พอคนรู้ว่านางทำเช่นนี้จึงรวย แน่นอนว่ามีคนอยากทำบ้าง
แต่การปลูกสมุนไพรไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้ หลายคนลงทุนสูงหวังเก็บทำกำไรแต่เพราะขาดความเข้าใจจึงล้มเหลว สุดท้ายไม่เพียงขาดทุนอย่างหนักแต่มีหนี้สิน จึงตระหนักได้ว่าเรื่องนี้ไม่ง่าย คนต่างมองนางทำเงินอย่างอิจฉา และตัวเอกอย่างหญ้าน้ำค้างกับกล้วยไม้หายากถึงขั้นหาไม่ได้ มีแค่ชุนเยว่ที่ครอบครอง
พวกที่เคยว่าร้ายเรื่องนางหาเงินด้วยหน้าตาจึงจมน้ำลายตัวเอง เฝ้ามองบ้านหลังเล็กที่อุดมสมบูรณ์สามารถซื้อที่นาปล่อยเช่า ยังมีความคิดว่าจะเปิดโรงสีให้เจ้ารองเจ้าสามดูแล รอให้เขาโตกว่านี้อีกหน่อย
“ไปเถอะ ไปดูว่าหัวหน้ารับเงินมาเท่าไหร่” มารดาเดินนำหน้าบุตรชายตามหลัง ในตอนนี้ชุนเยว่เป็นคนที่มีอำนาจที่สุดในบ้าน ขอเพียงเอ่ยปากลูกๆ ยินดีเชื่อฟัง
“สวัสดีท่านหัวหน้า ให้ท่านรอนานแล้ว”
“ไม่เป็นไร วันนี้อากาศสดชื่นแต่ไร้ลมมันจึงค่อนข้างร้อน ข้าเสียมารยาทดื่มน้ำบ้านเจ้าเยอะนิดหน่อย” ดูเหมือนผู้อาวุโสจะทำตัวไม่ถูกที่โดนมองแบบทะลุปรุโปร่ง เขารู้แจ้งอยู่แก่ใจดีว่าชุนเยว่เตรียมพร้อมจะโต้กลับและต่อต้าน หากว่าเขาเล่นแง่มีเล่ห์เหลี่ยมแม้เล็กน้อย
“ที่มารออย่างใจเย็น คงมีเหตุผลที่ไม่อาจรีบร้อนใช่รึไม่”
“อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ข้ารับปากเขามาเพื่อหาทางออก ที่จริงเขารบเร้าข้าหลายครั้งแล้ว จนใจหากไม่รับปากเขาก็ตื๊อไม่หยุด” ในเมื่อถูกจับได้อยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเกริ่นนำให้ยืดเยื้อ เพราะยิ่งพูดมันยิ่งทำให้ทุกคนอึดอัด
“อย่างที่เคยประกาศไว้ว่าฉันมีสัญญากับคู่ค้า หากเขาไม่เห็นชอบแล้วแบ่งขายให้คนอื่นเท่ากับทุบหม้อข้าวตัวเอง ภายหน้าจะทำการค้าที่น่าเชื่อถือได้หรือ เช่นเดียวกับที่ท่านเป็นคนที่ใครๆ ต่างเคารพด้วยใจ แต่ถ้าวันไหนก็ตามที่ทำให้เห็นว่าท่านไม่ยุติธรรม เมื่อนั้นคนอาจเคารพท่านเพราะต้องทำ ทีนี้ท่านคิดว่าฉันควรทำอย่างไร”
“เจ้าทำแบบนี้ข้าจะตอบแทนได้รึ หึ! เล่นดักทางพูดเสียข้าแทบสำลัก หากตอบใช่ก็เท่ากับข้าคนนี้ไร้คุณธรรม หากบอกไม่ก็จะถูกหาว่าเป็นพวกไม้บรรทัด ไม่รู้จักมองการณ์ไกล หันไปทางไหนหนีไม่พ้นคำครหา”
“ตัวตรงไยต้องกลัวเงาเอียง พวกเขาร่ำรวยมีกิจการร้านยาหลายแห่ง กลับเอาแต่ไล่บี้พ่อค้าเฒ่าราวมดขึ้นบ้านไม่เหลือทางรอดให้เขา ถามว่าคนดีที่ไหนจะทำแบบนั้น”
“มันก็ใช่ แต่เขามีเส้นสายรู้จักทหารมีอำนาจ ชาวบ้านอย่างเราสู้ไม่ง่าย”
“ท่านกลัวเขาหรือ?”
“แล้วเจ้าคิดว่าไม้ใกล้ฝั่งเช่นข้าต้องพุ่งหน้าเข้าชนเขารึ แบบนั้นไม่ใช่แค่ข้า แต่ยังมีคนทั้งครอบครัวที่ต้องเดือดร้อน เฮ้ยเจ้าน่าจะรู้มาบ้างว่าลูกสาวข้าคบหากับนายทหารคนหนึ่ง การแต่งงานนี้จะเกิดขึ้นได้มั้ย นั่นก็ขึ้นอยู่กับเรื่องนี้”
“ท่านจะเอาปัญหาตัวเองมากดดันคนอื่นที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง หากมันหนักหนานัก ไยไม่ให้คนที่สู้ไหวมาทำหน้าที่แทน”
“เจ้า! พูดแรงเกินไปแล้ว”
“ฉันก็พูดตามเนื้อผ้า ในยุคสมัยนี้ไม่ว่าใครต่างออกความเห็นเพื่อสิทธิของตัวเอง”
“สำบัดสำนวน! ไม่ต้องมาใช้คำทันสมัยกับตาแก่อย่างข้า แปลกแล้วมันแปลกแปร่ง”
“แหม.... ทีพูดกับลูกกับหลานไม่บอกแบบนี้บ้าง! พวกเขาล้วนเปลี่ยนการสนทนาหมดแล้วคุณท่าน”
“ขอล่ะ ช่วยพูดกับข้าเหมือนเดิมเถอะ มันรื่นหูกว่ามาก”
“ที่บอกไปเมื่อกี้คือพูดจริงไม่ใช่หาเรื่อง ได้ยินว่าท่านมีหลานตาที่ได้ลงเรือไปแดนไกล เขายังเรียนรู้อารยธรรมใหม่ มีแนวคิดการดำรงชีวิตศรีวิไล หากผลักดันเขาขึ้นมาแทน ไม่เพียงยังส่งเสริมลูกหลานแต่ยังช่วยให้ท่านไม่ต้องรับหน้าคนพวกนั้น ทนน้ำท่วมปากคายไม่ได้กลืนก็ไม่ได้”
หัวหน้าหมู่บ้านลูบเคราครุ่นคิด ความจริงเขาเองก็คิดอยากวางมือ แต่ไม่เห็นว่าใครจะเหมาะสมจึงรั้งเวลาอยู่มาเนิ่นนาน พอได้คำชี้แนะจากชุนเยว่จึงตกตะกอนมองความจริง ในยุคสมัยที่หมุนเร็วจนเขาตามไม่ทัน มันคงถึงเวลาแล้วที่ต้องส่งต่อหน้าที่ อีกทั้งยังได้รับความเคารพอย่างสูงแม้จะไม่ได้ดำรงตำแหน่ง เพราะคนที่มารับช่วงคือหลานชายเขาเอง
“เป็นอย่างไร ท่านคิดว่าจะหอบเอาหนังหน้าเหี่ยวๆ นี้วิ่งไปวิ่งมาได้อีกกี่วัน ระวังเถอะ แข้งขามันจะปวด”
“บ๊ะ! ปากเจ้านี่นะ หัดพูดจาชวนฟังหน่อย ไม่เหมือนลูกเจ้าพวกเขานะพูดจาไพเราะ”
“ถ้าปากข้าไม่เผ็ดร้อนพอ ป่านนี้บ้านฟางคงเหลือแต่กระดูกแล้ว บางคนถูกด่าเปิงยังไร้หัวคิดกลับมาให้ด่าซ้ำๆ”
“ไม่พูดกับเจ้า ข้าเหนื่อยยิ่งกว่าเดินเข้าเมือง”
“อ้าวนั่นท่านจะกลับแล้ว”
“จะอยู่ฟังเสียงแหลมเจ้ารึ เท่านี้ข้าต้องเก็บเอาไปฝันร้าย” หัวหน้าหมู่บ้านโบกมือหลังจากทบทวนอย่างละเอียด เจ้าสามที่รออยู่ด้านนอกขันอาสาประคองไปส่ง ไม่ต้องรอให้ชุนเยว่บอกแต่อย่างใด ซึ่งนั่นทำให้เห็นว่าเขายังคงได้รับความเคารพจากครอบครัวนี้ แม้ผู้เป็นมารดาจะชอบพูดจาชวนทะเลาะก็เถอะ แต่นั่นก็ทำให้สนิทสนมจนสามารถพูดความในใจอย่างเปิดเผย
“แม่คะ”
“ว่าอย่างไรตัวเล็ก”
“ป้อนน้ำแกงพ่อแล้วค่ะ แต่จับพลิกนวดไม่ไหว แต่พี่รองเขายังไม่กลับมาเลย” เด็กหญิงที่เริ่มโตเป็นสาวซุกหน้ากอดเอวแม่อย่างที่ชอบทำ บางครั้งชุนเยว่ก็ละเหี่ยใจ เพราะแม้อากาศร้อนนางหนูก็ไม่เว้น ต้องคลอเคลียเสียยิ่งกว่าแมว
อืม...คิดถึงแมวน่าจะหามาให้ตัวเล็กเลี้ยง บางทีเด็กอาจอยากมีเพื่อนขนฟูน่ารักไว้กอดอุ้มเล่นสลับกับตุ๊กตาท่าจะดี