4|ไม่ยอมรับ

925 Words
“ณมนหายตัวไป” เจ้าของความสูงร้อยเก้าสิบสอดมือล้วงกระเป๋ากางเกงมองทอดไปยังวิวด้านนอกของโรงพยาบาลหลังจากพยายามตามหาคนของตัวเองมาทั้งคืนหลังเกิดเรื่อง “ผมขอโทษครับนาย เป็นเพราะผมไม่รอบคอบ” อาการของนัทค่อนข้างหนักต้องใช้เวลาพักฟื้นอีกหลายวันกว่าจะได้ออกจากโรงพยาบาล “พอๆ อย่าเพิ่งโทษตัวเอง รักษาตัวให้หายก่อนค่อยว่ากัน “ “คนของคุณท่านหรือเปล่าครับ” “คนของพ่อไม่ทำงานเนี้ยบขนาดนี้หรอก กูจะให้อีกทีมตามสืบล่วงหน้าไปก่อน หายดีแล้วมึงค่อยเข้ามาซับอีกแรง” “นายโอเคหรือเปล่าครับ กับคุณท่าน” “อะไรก็ขวางกูไม่ได้” ความกังวลและความสับสนอัดแน่นอยู่ในใจ เขาพยายามให้คนออกตามหา ณมน ทุกที่ตรวจสอบทุกโรงพยาบาลอย่างละเอียดหวังว่าณมนจะถูกส่งตัวไปรักษาที่นั่น เหตุการณ์เมื่อวาน “แกกำลังทำให้ทุกอย่างมันยุ่งยาก จะช่วยมันออกไปใช่มั้ย ชีวิตของมันสองแม่ลูกเป็นของเศรษฐศิริ” “แต่พ่อไม่มีสิทธิ์ นั่นชีวิตของเค้า พ่อจะกักขังณมนไปตลอดชีวิตไม่ได้” “แกรักมัน เลิกทำตัวงี่เง่าเอาแต่ใจแล้วถอยไปซะ” ประโยคนั้นของผู้เป็นพ่อทำให้เขาโกรธจัดขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามณมนควรได้รับอิสระ “ผมไม่ถอย พ่อนั่นแหละที่ต้องถอย” “ถือว่าแกเลือกแล้วนะ” “ใครก็ห้ามแตะณมน” โรงพยาบาลติวารัตน์ ความรู้สึกแรกที่ได้รับหลังลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียงคนไข้ เหมือนฝันไป ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองยังได้รับโอกาสให้มีชีวิตอยู่ต่อ “ฟื้นแล้วสินะ เจ็บมั้ย โทษทีที่ผมไปช้า” ณมนเหมือนเคยได้ยินเสียงนี้ก่อนที่เธอจะหมดสติไป “คุณเป็นใคร” เขามีความสูงเกือบเท่ากับจินต์ธร หน้าตาดี ผิวขาวจัดสว่างออร่าจนทำให้เธอแสบตาต้องกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่ฝ้าที่กำลังกัดกินดวงตาออกไป “จำไม่ได้จริงดิ” “แค่ลืมตาขึ้นมาเนี่ยก็ถือว่าเก่งแล้วนะ” “แนะนำตัวอย่างเป็นทางการเลยก็แล้วกัน ผมชื่อณดล เป็นน้องชายพี่ เป็นบอดี้การ์ดให้พ่อแล้วก็กำลังจะขึ้นเป็นประธานบริหารบริษัท” เหมือนขิงมากกว่า “ฉันไม่มีน้องชายแล้วก็ไม่มีพ่อด้วย” “มีแล้วนี่ไง” “ฉันต้องการมือถือ” “จะโทรบอกไอ้จินต์ธรให้มารับเหรอ” “ป่านนี้เขาคงกำลังตามหาตัวฉัน” จินต์ธรรับปากเธอเอาไว้แล้ว ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุเสียก่อนคงได้เจอกัน “ตามยังไงก็ไม่เจอหรอก” “เลิกสร้างเรื่องพี่น้องบ้าๆ นี่สักที ตอบมาว่านายเป็นคนของคุณท่านใช่มั้ย” คิดว่าเธอเชื่อเรื่องพวกนี้หรือไง ยังไงก็เป็นไปไม่ได้ที่อยู่ๆ เธอจะมีพ่อและน้องชายเพราะแม่ไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้เธอได้ยินเลยสักครั้ง “ก็พูดไปหมดแล้วไง เราคือพี่น้องคนละแม่ที่มีพ่อคนเดียวกัน” “ฉันไม่มีพ่อ” “เฮ้อ โคตรดื้อเลย ผมว่าผมดื้อแล้วนะ” “งั้นก็เอามือถือมาสิ” “ไม่ให้” “นี่นาย” ผู้ชายที่อ้างตัวว่าเป็นน้องชายต่างแม่กำลังทำให้เธอโมโหจนอยากจะกรี๊ด นอกจากจะสร้างเรื่องครอบครัวขึ้นมาแล้วยังยึดมือถือของเธอไปอีกด้วยแล้วแบบนี้เธอจะติดต่อจินต์ธรได้ยังไง “ผมใช้เวลาวางแผนนานมากเลยรู้มั้ย ประชุมทีมไม่ได้หลับไม่ได้นอนกว่างานจะสำเร็จ รอพ่อมาก่อนเถอะ พี่จะต้องถูกปรับทัศนคติจนลืมไอ้จินต์ธรนั่นหมดหัว” “ไม่มีวัน ยังไงฉันก็จะไม่ลืมเค้า” “ตระกูลมันทำอะไรกับพี่ไว้บ้าง ถ้าให้อภัยเพราะรักมันล่ะก็ คิดถึงสิ่งที่แม่พี่โดนกระทำสิ” “หุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ แล้วก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพี่ด้วย” มีน้องชายแบบนี้เส้นเลือดในสมองคงแตกตายเข้าสักวัน นี่ยังไม่ทันข้ามวันก็ทนแทบไม่ไหวแล้ว “ผมจะบ้า ไอ้นั่นมันมีอะไรดีวะ” “มีทุกอย่างที่นายไม่มี” “ผมรวยนะ พ่อก็รวย พี่ไม่ต้องกลัวลำบากหรอก” ณมนไม่ได้สนเรื่องนั้นไม่เคยสนใจเลยต่างหาก ตอนนี้เธออยากพาตัวเองออกจากที่นี่ ไม่อยากรับรู้เรื่องครอบครัวบ้าบออะไรทั้งนั้นด้วย “บอกให้หุบปากไง” “เอาใจยากจังวะ” “พูดมากไปแล้วดล” น้ำเสียงของผู้มาใหม่ทำให้คนในห้องหันไปมอง โดยเฉพาะคนเจ็บที่นอนรักษาตัวอยู่บนเตียง ชายสูงวัยอายุราวๆ หกสิบคนนี้หรือเปล่าที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด “พ่อ เคลียร์เอานะ ผมปวดหัว” “พ่อจัดการเอง แกไปพักเถอะ” หัวเรือใหญ่แห่งติวารัตน์ยกมือเป็นเชิงอนุญาตให้ลูกชายคนเล็กไปพักผ่อนหลังจากลุยงานหนักมาหลายวัน “คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม” “ยากที่จะเชื่อหน่อย แต่ฉันขอสาบานตรงนี้เลยว่าเรื่องทั้งหมดคือความจริง” “แล้วทำไมฉันจะต้องเชื่อในเมื่อแม่ไม่เคยพูดถึงพ่อเลย ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตแม่ก็ยังไม่เคยพูดถึงพ่อเลยสักคำ” “แม่คงเกลียดพ่อมากจริงๆ” “ไม่ใช่แค่แม่ที่เกลียด ฉันก็เกลียดพ่อตัวเองมากด้วยเหมือนกัน” ----
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD