บทนำ
มิ้นกวาดสายตามองทุกอย่างในนั้น เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วถาม
" อะไร อยู่ดี ๆ ก็ขอให้คุณหมอตรวจเยื่อพรหมจรรย์ ทั้งที่ไม่เคยมีอะไรกับอิตาอรรณพเลยสักครั้งเนี่ยนะ "
พูดจบก็หัวเราะขำแต่เพื่อนสาวไม่ขำด้วย กลับแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมาแทน มิ้นจึงขำแห้งในตอนท้ายเพราะดูเหมือนทิวาจะจริงจังกับอะไรบางอย่างอยู่ แล้วเจ้าตัวคงคิดไม่ตกอยู่แน่ ๆ
" ฉันไม่เคยมีอะไรกับพี่ณพ " กล่าวเสียงเบาหวิว มองซ้ายมองขวา เห็นว่าคนอื่นอยู่ไกลพอสมควรจึงเพิ่มไปอีกประโยค " แต่เมื่อคืน.. "
แคก ๆ
มิ้นถึงกับสำลักตาเหลือก วางแก้วในมือเสียงดังจนคนอื่นหันมามองเป็นระยะ " กับใคร บอกมานะใครที่เปิดซิงเพื่อนฉันแล้วชิ่งแบบนี้ "
ทิวายื่นทิชชูให้เพื่อนที่ยังสำลักไม่หยุด แต่ก็พยายามพูด " เธอใจเย็น ๆ ก่อน เขาไม่ได้ชิ่งนะ "
" นี่ขนาดฉันไม่รู้จักเธอยังแก้ตัวแทนขนาดนี้ "
ทิวายกมือขึ้นมาค้ำใบหน้าไว้กับโต๊ะ นัยน์ตาเผยแววสับสนจนคนที่กำลังจะโวววายอย่างมิ้น ต้องพยายามตั้งสติเพื่อฟังสิ่งที่เพื่อนสาวจะพูด
" เมื่อคืนฉันกับเขาทำกันหลายครั้ง แต่พอตื่นขึ้นมาร่างกายกลับปรกติไม่ได้อ่อนเพลียหรือเป็นอะไรเลย เธอคิดดูสิเมื่อคืนฉันคิดว่าตัวเองตกเป็นของเขาแน่ ๆ แต่พอตื่นมากลับไม่มีอะไร ฮึก.. "
อธิบายจบก็ปล่อยโฮ..
มิ้นถึงกับจับต้นชนปลายไม่ถูก ตกลงที่กลุ้มใจอยู่เพราะมันเป็นเรื่องฝันเหรอ ? หรือที่กลุ้มใจจนร้องไห้เพราะอยากตกเป็นของคนอื่นจริง ๆ ว่างั้น..
มองกระดาษที่อยู่ในมืออีกข้าง ก็ถึงกับถอนใจโล่งอก.. อย่างน้อยเพื่อนสาวยังไม่ได้มอบกายให้ใครอย่างที่เข้าใจไปตอนแรก อีกทั้งผลตรวจภายในก็ยังปรกติทุกอย่าง
" ผู้ชายคนนั้นเป็นคนยังไง "
" เขาหล่อเข้ม หุ่นดีเหมือนนายแบบเลย "
..นี่อวดหรืออะไร
" ทิวา เขาเป็นคนยังไงถึงทำให้เธอเก็บเอาไปฝันได้ขนาดนี้ " ต้องขยายคำถามให้ชัดเจน อย่างน้อยก็เพราะอยากรู้ว่าคนคนนั้นเขาเป็นแบบไหน ที่ทำให้เพื่อนของเธอสนใจจนสามารถเก็บเอาไปฝันได้เป็นเรื่องเป็นราว
..ดูจากสายตา เหมือนเสียดายที่ฝันเมื่อคืนไม่ใช่เรื่องจริงด้วยนะนั่น !
" เขาเป็นดูจริงใจทุกครั้งที่พูด ไม่ได้แสดงเอาไว้เพื่อจุดประสงค์อื่น "
" แตกต่างจากคนเก่าว่างั้น "
" ใช่ "
หญิงสาวพยักหน้ารับ แล้วจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมาซับน้ำตา
เห็นท่าทางจริงจังของเพื่อนสาว ตนที่ไม่เคยเห็นทิวาแสดงความต้องการต่อใครสักคนได้มากขนาดนี้ จึงอดอยากรู้ไม่ได้จริง ๆ
" ฉันรู้จักเขาไหม ? "
ทิวามองสบสายตาคาดคั้นของมิ้นอย่างจนใจ ไม่รู้จะแนะนำคุณโจวว่ายังไงดี จึงได้บอกเท่าที่บอกได้ " ไม่รู้จักแต่เคยเจอ "
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บทที่ 1
ไม่ได้ตั้งใจโดดเดี่ยว
เมืองหลวงอันเต็มไปด้วยสถานที่ใหญ่โตงดงาม ทั้งพระราชวังและเรือนของขุนนาง แต่เรือนใหญ่เป็นที่กล่าวขานมากที่สุดกลับเป็นเรือนของท่านแม่ทัพโจว แม้ว่าชายหนุ่มผู้นี้จะเป็นรองเพียงแม่ทัพใหญ่ จะอย่างไรก็ยังคงเป็นผู้มีความสามารถผู้หนึ่ง
ถึงอย่างนั้นแม้จะมีความสามารถ และอำนาจมากเพียงใด ก็ยังไม่อาจรอดพ้นจากคำนินทาต่าง ๆ นานาในเมืองหลวงนี้ไปได้
ด้วยคำนินทาเหล่านี้นั่นเอง จึงทำให้ชื่อเสียงของท่านแม่ทัพโจวอู่ซางย่ำแย่เป็นอย่างยิ่ง
นั่นเพราะข่าวลือเหล่านั้นมีเรื่องเล่าว่า เรือนสกุลโจวคงไร้แม้กระทั่งสาวใช้อุ่นเตียง เพราะไม่มีผู้ใดสามารถรองรับความใหญ่โตของท่านแม่ทัพได้ นี่คือเรื่องที่ผู้คนกล่าวพร้อมกับแสดงท่าทีขบขันเป็นอันมาก
หญิงสาวผู้ใดได้ฟังต่างก็กลัวตาย..
เพราะนั่นหมายความว่าสกุลอันใหญ่โตนี้ อาจมีปัญหาร้ายแรงถึงขั้นขาดผู้สืบสกุลก็เป็นได้
กายสูงใหญ่ในชุดนักรบเกราะหนัก กระโดดลงจากหลังม้าด้วยท่าทีไม่สนใจผู้ใด
ด้วยใบหน้าเรียบเฉยอันเป็นเอกลักษณ์ แววตาปรากฏความเย็นชาสายหนึ่ง ไม่ได้คิดเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้คนกำลังกล่าวขานมาเนิ่นนานแล้ว กายสูงส่งมาให้กับบ่าวรับใช้แล้วจึงเดินเข้าเขตเรือนไป
พ่อบ้านเดินออกมารับนายท่านด้วยตนเอง อีกทั้งผู้ที่ยืนรออยู่เป็นใครไปไม่ได้ ก็คือมารดาของท่านแม่ทัพนั่นเอง จะกล่าวโทษบุตรชายก็ไม่ได้ เป็นเพราะสามีของนางที่ด่วนมาจากเร็วเกินไปทำให้มีเพียงบุตรชายเพียงคนเดียวเท่านั้น อีกทั้งบุตรชายยังมีปัญหาเรื่องการหาหญิงสาวมารองรับร่างกายอันพิเศษนี้อีก แม้เห็นใจเท่าใดแต่ภายในอกก็ยังคงกัดกลุ้มไม่ต่างกัน
โจวอู่ซางเผยรอยยิ้มอบอุ่นให้กับผู้เป็นมารดา กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มใส่ใจ " ท่านแม่ ไม่เห็นท่านจะต้องลำบากมารับข้า เพียงท่านรออยู่ในห้องโถงข้าก็เดินไปหาท่านแล้ว "
มารดากล่าวเย้าบุตรชายไปว่า
" เจ้าไม่ได้กลับบ้านมาหลายปี ให้แม่ได้เห็นหน้าเจ้าไว ๆสักหน่อยจะเป็นไร เช่นนั้นก็ไปอาบน้ำอาบท่าแล้วมารับมื้อเย็นด้วยกันเถิด แม่ทำแต่ของกินที่เจ้าชอบทั้งนั้น "
" เช่นนั้นข้าจะไปอาบน้ำแล้วไปพบท่านที่เรือนนะขอรับ"
มารดาตบหลังมือของเขาเบา ๆ แล้วกล่าว
" เจ้ารีบไปเถิด "
เมื่อชายหนุ่มจัดการอาบน้ำ เปลี่ยนชุดตนเองมาอยู่ในชุดเรียบง่ายแล้ว จึงได้เดินทางไปรับมื้อเย็นที่เรือนของมารดา อย่างไรก็เหลือกันเพียงสองแม่ลูกเท่านั้น การอยู่ร่วมกันคราวนี้เป็นเขาเองที่คิดถึงท่านแม่เช่นเดียวกัน
มารดาเห็นบุตรชายมีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงก็อบอุ่นใจ แม้ว่าตลอดมาที่เขาดำรงตำแหน่งรักษาการอยู่ชายแดนต้องพบเจอกับความยากลำบากเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเห็นว่าร่างกายของเขาสูงใหญ่ ใบหน้าคล้ายบิดาอยู่หลายส่วน จึงได้ไว้วางใจและวางความเป็นห่วงทุกอย่างลงได้ทั้งหมด
นั่นเพราะบัดนี้บุตรชายเป็นผู้ใหญ่ จนสามารถเป็นผู้นำตระกูลแล้ว เพียงเห็นสายตาคล้ายกับพบเจอโลกมากมายในนั้น มารดาเช่นนางก็อบอุ่นหัวใจเป็นอย่างยิ่ง
" กลับเมืองหลวงมาครานี้ คงมีสะใภ้มาฝากแม่สักคน "
ชายหนุ่มนำตะเกียบคีบอาหารให้กับมารดาก่อน กล่าวด้วยรอยยิ้ม " ท่านแม่กล่าวล้อข้าเล่นแล้ว มีหญิงสาวที่ใดอยากมาร่วมเรียงเคียงหมอนกับข้า ร่างกายสูงใหญ่ก็เท่านั้น แม้กระทั่งนางโลมยังไม่ต้อนรับเลยสักนิด "
" แม่อยากอุ้มหลานเร็ว ๆ "
" ข้ายังไม่สนใจผู้ใดตอนนี้ขอรับ เกรงว่าคนที่อยู่ไม่เป็นที่เช่นข้า คงไม่มีผู้ใดอยากมาเป็นฮูหยิน "
มารดาส่ายหน้าให้กับบุตรชายอย่างจนใจ แต่ในเมื่อเจ้าตัวกล่าวมาเช่นนั้น แปลว่าคงมีคำสั่งให้เขาออกไปทำงานห่างบ้านห่างเมืองอีกเป็นแน่ จึงได้หยุดกล่าวเรื่องการสร้างครอบครัวแล้วตั้งใจกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยในรอบหลายปี
..หลังจากกินข้าวเสร็จเรียบร้อย ส่งมารดาเข้านอนแล้ว ชายหนุ่มจึงได้เดินกลับเรือนของตนเอง
คิดถึงสิ่งที่มารดากล่าวก็อดคิดอยู่ในใจไม่ได้ จะอย่างไรเขาก็เป็นชายหนุ่มผู้หนึ่ง การร่วมหลับนอนกับหญิงสาวล้วนเป็นเรื่องธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง
แต่เพราะในอดีตเมื่อครั้งที่เขาคิดอยากจะเปิดประสบการณ์ครั้งแรก กลับเจอหญิงสาวพูดจาไม่ดีเท่าใด นอกจากทำให้เสียความมั่นใจแล้ว ความสนใจต่อหญิงสาวทุกคนก็ลดทอนลงไปมาก อีกทั้งด้วยตำแหน่งแม่ทัพที่เป็นรองเพียงแม่ทัพใหญ่ กระทำการทุกอย่างล้วนแล้วแต่ต้องระมัดระวัง
จะอย่างไรเขาก็มีตำแหน่งสูง การแสดงออกทุกอย่างล้วนแล้วต้องนึกถึงหน้าตาของผู้เป็นนาย เมื่อคิดตบแต่งคุณหนูในห้องหอสักคนก็ต้องเลือกมากอยู่สักหน่อย
..เพราะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับอำนาจมากเกินไป
เพียงแต่การจะหาหญิงสาวที่มีพื้นเพธรรมดา มาแต่งงาน ในเวลานี้เป็นสิ่งที่ยากเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ละเว้นเอาไว้ก่อน..
ชายหนุ่มมีภารกิจจะต้องไปทำ แต่ในเมื่อนี่คือเวลาพักที่ฮ่องเต้ประทานให้ จึงอยากพักผ่อนอย่างแท้จริงโดยไม่ต้องมีเรื่องให้ปวดหัวอันใด
ดังนั้นเมื่อจิตใจผ่อนคลายอยู่ในเรือนของตนเอง จึงหลับลงไปอย่างวางใจในรอบหลายปี