18 ผมจะรับลูกไปอยู่ด้วย

1473 Words
18 ผมจะรับลูกไปอยู่ด้วย “คุณมาร์ติน!!” เอมิกาเบิกตาโพลงก่อนจะถูกมาร์ตินดึงไปหลบอยู่ข้างหลัง ชายหนุ่มมาดร้ายเดินเข้าไปหานางศศิตาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทางด้านแม่เลี้ยงเมื่อเห็นชายหนุ่มดูมีภูมิฐานก็เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ เกิดเป็นเอมิกานี่ดวงดีจังเลยนะ มีแต่ผู้ชายดีๆ เข้าหา! “มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องใช้ความรุนแรงด้วย!” “นี่มันเรื่องของคนในครอบครัวค่ะ คนนอกไม่เกี่ยว” นางศศิตาตอบเสียงสั่น ไม่กล้าสบตากับชายหน้าหล่อคนนี้ เจ้าพระคุณรุนช่องเอ้ย! หล่ออย่างกะดารา “ทำไมจะไม่เกี่ยว” มาร์ตินก้มลงเก็บใบเสร็จค่ารักษาขึ้นมา และก็พอจะเดาออกว่ามันเกิดอะไรขึ้น “เพราะผมเป็นจ่ายค่ารักษาให้เด็กคนนี้เอง” “ห้ะ! วะ...ว่าไงนะ คุณเป็นคนจ่ายค่ารักษาให้ไอ้...เอ่อ....เด็กคนนี้หรอ” “ครับ ถ้าคุณข้องใจอะไร...คุยกับผมได้” เอมิกาเงยหน้าขึ้นมองแผ่นหลังแกร่ง ผู้ชายคนนี้เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? เธอไม่อยากให้เขามาปรากฏตัวที่นี่เพราะผู้ชายทุกคนที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเธอ แม่เลี้ยงมักจะปอกลอกโดยใช้เธอบังหน้า ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่กล้าคุยกับใคร เพราะแม่เลี้ยงเป็นคนเห็นแก่เงิน หายใจเข้าก็เป็นเงิน หายใจออกก็เป็นเงิน ทั้งชีวิตและลมหายใจมีแค่เงินกับลูกสาวเท่านั้น “ไม่ได้ข้องใจอะไรหรอกค่ะ อิฉันแค่อยากรู้ว่าใครเป็นคนจ่ายค่ารักษาให้ อยากไปขอบคุณเขาน่ะค่ะ” “แต่ก็ไม่เห็นต้องลงไม้ลงมือเลยนิครับ” “ก็อิฉันถามหลายครั้งแล้วแต่ลูกสาวไม่ยอมบอก ฉันแค่อยากขอบคุณคนที่ช่วยหลานตัวน้อยๆ ไว้” หล่อนฉีกยิ้มหวานเจี๊ยบแล้วผายมือเชิญชายหนุ่มเข้าบ้าน เพราะจะได้แนะนำลูกสาวให้รู้จัก “งั้นเชิญเข้าบ้านไปดื่มน้ำเย็นๆ ก่อนนะคะ บ้านอาจจะหลังเล็กหน่อย แต่หนูนิทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วค่ะ” เอมิกาเอียงคอมองอย่างไม่พอใจ บ้านทั้งหลังเธอเป็นคนปัดกวาดเช็ดถูทุกซอกทุกมุม ส่วนนิโลบลไม่ทำอะไรนอกจากนอนคุยโทรศัพท์ อยู่ดีๆ มายกความดีความชอบให้ลูกสาวของตัวเองได้ยังไง “ยืนคุยกันข้างนอกนี่แหละครับ ผมไม่อยากละลาบละล้วงบ้านคนอื่น” “แต่ตรงนี้มันร้อนนะคะ ไปนั่งตากพัดลมข้างในดีกว่า เดี๋ยวอิฉันให้หนูนิยกน้ำเย็นๆ มาเสิร์ฟ” มาร์ตินนิ่งไป ดวงตาคมปรายตามองไปยังภายในบ้านขนาดเล็กเท่ารูหนู มีโซฟาหนังเก่าๆ วางอยู่กลางบ้าน พื้นปูด้วยเสื่อน้ำมัน สภาพไม่ต่างอะไรจากบ้านผีสิง “ขอบคุณสำหรับความหวังดีครับ แต่ผมไม่ต้องการ” เสียงชายหนุ่มตอบกลับทำให้อีกฝ่ายสะอึกเพราะหน้าแตก แต่ก็ยังปั้นหน้ายิ้มต่อ “เอางั้นก็ได้ค่ะ ว่าแต่คุณ...ชื่ออะไรคะ อิฉันอยากแนะนำหนูนิให้รู้จัก” เอมิกาเม้มปากเข้าหากันแน่น รอฟังคำตอบจากอีกฝ่าย ในใจลึกๆ ไม่อยากให้เขาเจอนิโลบลเลยไม่รู้ทำไม รู้สึกหวงอย่างไม่มีเหตุผล “ผมไม่อยากรู้จักใครทั้งนั้น ที่ผมลงมาจากรถเพราะเห็นว่าคุณกำลังทำร้ายลูกสาวอยู่ การใช้ความรุนแรงไม่ใช่ทางออกเสมอไป” “ฉันไม่ตีมันให้ตายก็บุญหัวเท่าไหร่แล้ว มันแอบไปเอากับใครมาก็ไม่รู้จนท้องไม่มีพ่อ ถ้าคุณไม่ช่วยลูกมันเอาไว้ ป่านนี้เด็กนั่นคงตายไปแล้ว!” มาร์ตินกัดฟันกร๊อด! หล่อนจะรู้หรือเปล่าว่าเด็กที่พูดถึงก็คือลูกของเขาเอง แสดงว่าบ้านหลังนี้ไม่มีใครรักลูกของเขาสักคนยกเว้นแม่ของลูก “แล้วเด็กนั่น...ไม่ใช่หลานของคุณหรอครับ” “จะเป็นหลานของฉันได้ยังไง ในเมื่อแม่นี่ไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของฉัน แค่ท้องไม่มีพ่ออิฉันก็อับอายขายขี้หน้ามากพอแล้ว แต่ถ้าคุณอยากรู้จักลูกสาวแท้ๆ ของฉัน เดี๋ยวแนะนำให้นะคะ” มาร์ตินสะอึก หันกลับไปมองหญิงสาวที่เอาแต่ยืนก้มหน้าอยู่ข้างหลัง เพิ่งรู้ว่าเธอไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของบ้านนี้ แล้วตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอกับลูกอยู่กันยังไง เมื่อเห็นแบบนี้แล้วก็อดสงสารลูกของตัวเองไม่ได้ ห้าปีที่ผ่านมาเขาต้องเจอกับอะไรบ้าง มีเรื่องอะไรอีกบ้างที่เขายังไม่รู้ จากตอนแรกที่คิดจะมาตกลงเรื่องค่าเลี้ยงดูของลูก ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว ถ้ายังให้ลูกอยู่ในสภาพแววล้อมแบบนี้ มีหวังเขาต้องเติบโตไปเป็นเด็กไม่ดีแน่ๆ หรืออาจจะเป็นกุ้ยข้างถนนก็ได้ ลำพังแค่แม่คนเดียวคงไม่มีปัญญาหาเงินส่งลูกเรียนที่ดีๆ “ตากผ้าเสร็จยังนังอ้อม! ฉันหิวข้าวแล้ว ไปทำกับข้าวให้ฉันกินสิ!” หญิงสาวรายหนึ่งซึ่งอยู่ในชุดเสื้อกล้ามรัดรูป กางเกงขาสั้นจนแทบเห็นแก้มก้น หล่อนเดินออกมาหน้าบ้านเพื่อจะตามเอมิกาไปทำกับข้าว แต่พอเห็นหน้าเขาหล่อนก็เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ “คะ...คุณมาร์ติน! นี่คุณมาร์ตินใช่ไหมคะ!!” “หนูนิรู้จักคุณผู้ชายท่านนี้ด้วยหรอ” “ระ...รู้จักสิคะ เขาคือดารา เขาเป็นดาราค่ะคุณแม่ กรี๊ดดด!! เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!” หล่อนดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ รีบวางสายจากกิ๊กหนุ่มแล้วยัดมือถือไว้ในถุงกางเกง “คะ...คุณมาร์ตินมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหมคะ!” นางศศิตาพลักลูกสาวออกไปข้างหน้า ทันทีที่รู้ว่ามาร์ตินเป็นดาราก็แทบจะประเคนลูกสาวให้ หล่อนไม่รู้ว่ามาร์ตินเป็นดาราเพราะไม่ค่อยสนใจดารารุ่นใหม่ ในใจนึกอิจฉาเอมิกาขึ้นมาอีกแล้ว มันไปรู้จักกับดาราได้ยังไง หรือมันแอบไปขายบริการให้ดารามา! มาร์ตินไม่ตอบ เขาปรายตามองสองแม่ลูกด้วยสายตาเย็นชา มุมปากร้ายแสยะยิ้มอย่างดูแคลน แค่ตากผ้า ทำกับข้าวเฉยๆ ยังใช้คนอื่นทำให้ จิกหัวใช้เหมือนทาส ผู้หญิงประเภทนี้ไม่ควรเอาไปทำพันธุ์อย่างยิ่ง ขนาดอลิสสาที่เป็นถึงลูกผู้รากมากดียังทำอาหารกินเองได้ จากตอนแรกที่คิดว่าจะพาแค่ลูกไป แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจพาไปทั้งแม่ทั้งลูก! “เธอไม่ได้ฝันไปหรอก” มาร์ตินคลี่ยิ้ม ทำเอาสาวเจ้าแทบเก็บอาการไม่อยู่ ยืนกรี๊ด ย้ำเท้าอยู่กับที่ “ฉัน...มาร์ติน ออสก้า ลี ตัวจริงเสียงจริง” “คะ...คุณมาร์ตินมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ แล้วคุณรู้จักกับอี...อะ....เอ่อ....อ้อมได้ยังไง!” “ผมเป็นคนจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เด็กเองครับ และวันนี้ผมกะจะมารับเด็กไปอยู่ด้วย” “ดีเลยค่ะ เอามันไปเลย เอามันไปสถานสงเคราะห์หรือบ้านเด็กกำพร้าก็ได้ค่ะ” กร๊อดด! มือใหญ่กำหมัดแน่น! กล้าพูดถึงลูกเขาแบบนี้ได้ยังไง “เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกกำพร้าครับ เพราะผมจะรับเขาไปอยู่ด้วยในฐานะ...ลูกชาย” “คุณมาร์ตินจะรับเลี้ยงลูกคนอื่นหรอคะ แม่ของเด็กมั่วจนหาพ่อไม่ได้ คุณมาร์ตินอย่าเอาประวัติดีๆ มาทำให้ตัวเองด่างพล้อยเถอะค่ะ ในเมื่อมันมั่วจนหาพ่อของลูกไม่ได้...ก็เอาลูกมันไปไว้บ้านเด็กกำพร้าเถอะ” ในที่สุดความอดทนของมาร์ตินก็หมดลง แม่นี่ปากคอเราะร้ายเกินเหตุ เห็นทีคงปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว “เอางั้นเลยหรอครับ” “ค่ะ เอามันไปเลย เพราะบ้านนี้ไม่มีใครต้อนรับมันค่ะ ไม่มีใครอยากให้มันอยู่ด้วย” “ก็ได้ครับ ว่าแต่....เธอตากเสื้อผ้าเสร็จแล้วใช่ไหม” ชายหนุ่มหันกลับไปถามหญิงสาวตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างหลัง เธอส่ายหน้าปฏิเสธ “งั้นไปเอาตะกร้าเสื้อผ้ามานี่” “คุณมาร์ตินจะทำอะไรหรอคะ” นิโลบลเอ่ยถามด้วยความสงสัย เอมิกาเดินไปหยิบตะกร้าเสื้อผ้ามาวางไว้ข้างๆ ร่างสูง มาร์ตินก้มหยิบขึ้นมา มุมปากร้ายแสยะยิ้ม พรึ่บ! แต่ทันใดนั้นเขาก็เทตะกร้าเสื้อผ้าใส่นิโลบลตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำให้หล่อนกรีดร้องลั่นบ้านด้วยความตกใจ “กรี๊ดดด!! คะ...คุณมาร์ตินทำอะไรคะ!” “แค่ปัญญาตากผ้าเองก็ยังไม่มี อย่าริมาปากเก่งกับคนอื่นเด็ดขาด!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD