บทที่ 2 เด็กจบใหม่ไม่ต้องการ

2511 Words
บทที่ 2 เด็กจบใหม่ไม่ต้องการ มือเรียวเล็กจับแขนเสื้อพับขึ้นมาเกือบถึงศอกก่อนจะขยับสายนาฬิกาที่ข้อมือให้แน่นขึ้นพอดีกับข้อมือดวงตากลมโตมองสำรวจร่างกายตัวเองที่กระจกภายในห้องน้ำหญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกความมั่นใจ ริมฝีปากสวยได้รูปยิ้มให้กับตัวเองเล็กน้อยเป็นการสร้างกำลังใจรอยยิ้มที่จะบอกกับเธอว่าวันนี้จะเป็นวันที่ดีของเธอวันที่เธอจะได้ทำงานเป็นวันแรก “ทำได้สิวะไอ้ลำนำ บริษัทใหญ่กว่านี้แกยังเคยไปฝึกงานเลย” หญิงสาวบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะจัดความเรียบร้อยของเสื้อผ้าและเดินออกจากห้องน้ำเธอยังคงรักษาความมั่นใจของเธอเอาไว้ได้เสมอแม้เป็นการเริ่มงานในวันแรก “น้องที่มาเริ่มงานใหม่ใช่ไหมคะ” เจ้าหน้าที่ประจำเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เอ่ยถามพร้อมกับส่งรอยยิ้มแสนเป็นมิตรให้กับลำนำ “ใช่ค่ะ” เธอก็ยิ้มตอบกลับไปอย่างเป็นมิตรเช่นกัน “พี่ชื่อนีนะ เป็นประชาสัมพันธ์มีอะไรก็มาถามพี่ได้ แต่ตอนนี้น้องนั่งรอพี่ชลไปก่อนเนอะ เดี๋ยวเขาจะพาไปห้องแผนก” “หนูชื่อลำนำนะคะเห็นเขาว่าจะให้ไปอยู่แผนกส่งออก” เธอกล่าวแนะนำตัวเองบ้างแนะนำแล้วก็ไม่วายที่จะเอ่ยถามถึงที่หมายที่เธอจะได้ไปทำงาน “อื้อหือ...ส่งออก” เสียงที่ตอบกลับมาดูจะสร้างความหวาดหวั่นเล็กน้อยแผนกนี้มันเป็นยังไงกันทำไมถึงมีสีหน้าแบบนี้เธอคงไม่ได้ถูกส่งไปฆ่าทิ้งใช่ไหม “ทำไมคะ มีอะไรหรือเปล่า” ลำนำเอ่ยถามเมื่อเห็นปฏิกิริยาของรุ่นพี่พนักงานความรู้สึกคาดหวังว่าเธอจะได้รับข้อมูลอะไรกลับมาบ้าง “ถ้าพี่เล่าเนี่ยอย่าไปบอกใครนะว่าพี่บอก” นีบอกก่อนจะทำท่าหันซ้ายหันขวาดูผู้คนรอบ ๆเรื่องมันคงเป็นความลับมากเลยใช่ไหม! “ค่ะ ไม่บอกเหยียบมิดค่ะ!” พนักงานใหม่อย่างชลาชลตอบรับพร้อมกับจ้องหน้ารอคนเล่าอย่างตั้งใจ “แผนกนั้นน่ะ ไม่เก่งจริงอยู่ไม่ไหวหรอก คนในแผนกก็มีแต่พวกอสรพิษใครอย่าได้เผลอแอบฉกแอบกัด แล้วยิ่งถ้าใครพลาดนะซ้ำกันแบบกะเอาให้ตายขยี้จนอยู่ไม่ได้เลยแหละมนุษย์ป้าก็คบไม่ได้ปากร้ายช่างติ มนุษย์เลียก็ประจบประแจงทำงานไม่มีแรงเรื่องยุแยงไม่เคยขาดมนุษย์ขี้ฟ้องนะพลาดนิดพลาดหน่อยคาบข่าววิ่งสี่คูณร้อยตรงไปบอกเจ้านายละ ส่วนบอส....” นีเว้นวรรคก่อนจะหันซ้ายหันขวามองดูคนรอบ ๆ อีกครั้ง “......” ยิ่งทิ้งท้ายและทำท่าทางแบบนี้ยิ่งทำให้คนฟังอยากรู้เป็นสองเท้าคนที่เป็นบอสคงเป็นตัวพีคเลยสินะ “ดุอย่างกับหมาคำพูดคำจาไม่เคยถนอมน้ำใจใครหล่อเสียเปล่าพูดจาไม่น่ามีใครเอาไปทำผัว” ลำนำมองคนเล่าก่อนจะคิดในใจว่า ‘เจ้นี่ก็ไม่เบาเหมือนกันรู้อะไรไม่ได้ เป็นประชาสัมพันธ์ที่พ่วงตำแหน่งนักข่าวใต้ดินด้วยสินะ’ “มาแต่เช้าเลยนะหนู” เสียงของชายคนหนึ่งดังแทรกขึ้นมาระหว่างที่ลำนำกำลังยืนคุยอยู่กับแม่ประชาสัมพันธ์ขี้เล่าเล่าละเอียดยิบพร้อมใส่ไข่เติมน้ำปลาให้น่ากินไปกว่าเดิม “อ๋อตื่นเต้นน่ะค่ะ” พนักงานใหม่ยิ้มก่อนจะตอบคำถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลที่เธอเจอเมื่อวาน “อยู่กับนีแบบนี้คงรู้จักบริษัทดีหมดทุกซอกทุกมุมแล้วมั้ง” สายชลเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลแกล้งแซวคนถูกพูดถึงทำหน้าขึงขังก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระดาษขึ้นมาขยำแล้วปาใส่คนพูด “นี่!! พี่สายชลบ้า นีไม่ได้เล่าอะไรให้น้องฟังเลยนะ แค่แนะนำข้อมูลเบื้องต้นของบริษัทให้น้องเท่านั้นเอง” คนถูกกล่าวหาพูดแสดงความบริสุทธิ์ แต่สิ่งที่พนักงานประชาสัมพันธ์พูดออกมาทำให้ชลาชลอยากจะพูดอะไรออกไปบ้างอย่าง ‘จ้า ข้อมูลเบื้องต้น’ ลำนำคิดในใจก่อนจะปั้นหน้ายิ้มไปกับเพื่อนร่วมบริษัททั้งสองคน “งั้นน้อง...” “ลำนำค่ะ” “โอเคน้องลำนำมากับพี่นะเดี๋ยวพี่พาไปห้องทำงาน” สายชลกล่าวพร้อมทั้งเดินนำพนักงานใหม่ไปยังแผนกส่งออกแผนกที่หลายคนกลัวเกรงนี่เป็นการทำงานหรือเป็นการขึ้นเขียงกันแน่นะ “มาใหม่ก็อาจจะยังไม่ชินนะ ไม่เข้าใจตรงไหนโทรหาพี่ได้นะโต๊ะพี่ 120 บอกขอสายพี่ชล” สายชลเอ่ยพูดด้วยท่าทีเจ้าชู้ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใบหน้าจิ้มลิ้มน่าหลงใหลรอยยิ้มหน้ามองของเด็กใหม่อย่างลำนำจะไปเชิญชวนพวกเจ้าชู้ชีกอให้มาทำลุ่มล่ามผ่านคำพูดทีเล่นทีจริงแต่มันก็คงเป็นเพียงแค่คำพูดที่ชลาชลไม่สนใจ ลำนำไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับไปทั้งสิ้นเธอคิดว่าการรับมือกับคนประเภทนี้ด้วยวิธีการนิ่งเฉยน่าจะให้ผลลัพธ์ได้ดีที่สุดซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นเมื่อเห็นว่าเด็กสาวไม่มีอาการโต้ตอบใดใดเขาก็เงียบไปเอง “สวัสดีครับทุกคน” สายชลส่งเสียงดังเพื่อเรียกความสนใจจากพนักงานภายในแผนก ลำนำกวาดตามองเพื่อนร่วมงานทั้งหมดเพื่อวิเคราะห์ว่าคำพูดของนีนั้นเชื่อได้มากน้อยแค่ไหนคำพูดที่ออกจะรู้สึกว่าเกินจริง “นี่น้องลำนำ เป็นพนักงานใหม่ ไม่ทราบว่าใครจะได้หน้าที่ดูแลน้องครับ” สายชลพูดเมื่อทุกคู่สายตาหันมาสนใจ “บอกบอสหรือยัง!” หญิงมีอายุคนหนึ่งร้องตอบเธอแต่งตัวด้วยชุดสุภาพเรียบร้อยมองครั้งเดียวก็รู้ว่าเธอนั้นเจ้าระเบียบแค่ไหน “คุณคิมหันต์น่าจะรู้แล้วนะเพราะเมื่อวันศุกร์ผมเอาเอกสารของน้องวางไว้บนโต๊ะเขาแล้วเมื่อวันเสาร์น้องก็มาอบรมแล้วด้วย” คนเป็นฝ่ายบุคคลอธิบาย “ไม่รู้ด้วยนะ ยังไงก็มานั่งตรงนี้แทนที่โบไปก่อนก็แล้วกัน” ผู้หญิงอีกคนที่ดูเด็กกว่าพูดพร้อมกับชี้นิ้วมือไปที่โต๊ะทำงานตัวที่ดูจะยังไม่มีเจ้าของความจริงก็คือเจ้าของคนเก่าได้ออกจากงานไปแล้ว “โอเคงั้นหนูนั่งรอคุณคิมหันต์ก่อนนะเพราะต้องดูว่าเขาจะให้หนูทำอะไรเอ่อ...ถ้าเขาเสียงดังไปเสียหน่อยก็ไม่ต้องตกใจนะเขาเป็นแบบนั้นแหละ” ประโยคหลังสายชลขยับเข้าไปกระซิบบอกกับเด็กใหม่ด้วยเสียงที่เบาจนเกือบไม่ได้ยิน “ค่ะ” ยิ่งฟังสรรพคุณของเจ้านายใหม่ป้ายแดงก็ยิ่งอยากรู้ว่าคนอย่างเขาจะสักแค่ไหนกันเชียว ใครต่อใครถึงได้ขยาดกันเมื่อเอ่ยถึงเขาและเธอก็อยากรู้ว่าตัวเองจะรับไหวไหมไฟของเธอจะแรงพอที่จะรับไหม “คุณประไพร!! KPIคุณส่งหรือยังพี่อรบอกผมหลายรอบแล้วนะว่าคุณช้าตลอดเลย” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นทำให้บรรยากาศของห้องทำงานกลายเป็นห้องดับจิตได้อย่างน่าอัศจรรย์เสียงสนทนาที่เคยดังอึกทึกจอแจ ณ ตอนนี้มันเงียบราวกับไม่มีผู้คนอยู่ในห้องแม้แต่คนเดียว “กะ..กำลังสรุปค่ะ” เสียงตอบกลับเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน “รีบนิดนึงนะครับ เพราะผมเองก็เขียนใบขอคนรอไว้แล้วเหมือนกันถ้าถึงกำหนดแล้วKPI แผนกเรายังไม่ถึงมือพี่อรเกรงว่าผมคงต้องเซ็นเอกสารขอคนมาทำหน้าที่นี้แทนคุณ” คำขู่ที่พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นนี้มันฟังดูน่าขนลุกเสียยิ่งกว่าคำโวยวายอาละวาดที่พูดด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดเป็นไหน ๆ “ค่ะ” คนถูกขู่ตอบกลับเพียงสั้น ๆ “เอ่อ...คุณคิมหันต์คะนั่นน้องพนักงานมาใหม่พอดีคุณสายชลเพิ่งพามาส่งเลยให้นั่งที่โบไปก่อน” “พนักงาน...ใหม่?” หัวหน้าแผนกเลิกคิ้วก่อนจะหันไปหาคนที่ถูกกล่าวถึงสิ่งที่พบคือหญิงสาวคนหนึ่งที่ไม่อยู่ในสายตาไม่มีแม้ความพิเศษเมื่อมองเห็นจากการแต่งตัวและบุคลิกโดยรวม “สวัสดีค่ะ” ชลาชลพยายามทำใจดีสู้เสือก่อนจะตั้งสติแล้วยกมือไหว้ทักทายหัวหน้างานเป็นพนักงานใหม่ก็ต้องแสดงความนอบน้อมเอาไว้ก่อนมันต้องสร้างความเอ็นดูไม่มากก็น้อยสิ “ทำไมผมไม่รู้เรื่องนี้!!” ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงที่ดังขึ้นคิ้วหนาของเขาขมวดเข้าหากันจนแทบจะติดเป็นเส้นเดียวมันบ่งบอกว่าเขาไม่พอใจกับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นพนักงานที่เขายังไม่ได้ยินยอมให้เข้ามาทำงาน “คุณสายชลบอกว่าเอาเอกสารวางไว้บนโต๊ะคุณคิมหันต์แล้ว” “เอกสารบนโต๊ะผมเยอะขนาดไหน!คุณก็น่าจะรู้!ทำไมไม่แจ้งให้มันเป็นเรื่องเป็นราวแค่เดินจาก HR มาบอกผมที่ส่งออกห่างกันแค่กี่เมตร” เสียงคำรามลั่นของคิมหันต์ทำให้ลำนำเห็นแล้วว่าไอ้ที่เขาร่ำลือกันนั้นเป็นยังไง แต่นี่ก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อยเพราะของแบบนี้เธอผ่านมาแล้วทั้งนั้นเจอมายิ่งกว่านี้ก็ยังเคยแค่นี้ถือว่าสบายมาก “คุณ...” เขาหันไปที่พนักงานใหม่ก่อนจะกวักมือเรียกเธอให้เข้ามาหาเขา “เดี๋ยวตามผมเข้าไปในห้องด้วย” หลังจากออกคำสั่งเรียบร้อย ร่างสูงก็เดินเข้าห้องทำงานไปด้วยอารมณ์ที่กำลังร้อนระอุ “ไม่ต้องกลัวนะน้องเขาก็เสียงดังไปแบบนั้นแหละไม่มีอะไรหรอก” ผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ใกล้กับชลาชลบอกพร้อมกับยิ้มให้กำลังใจพนักงานใหม่เธอพยักหน้ารับก่อนจะยิ้มตอบรีบเดินตามคิมหันต์ไปอย่างว่องไว ‘ใจเย็นไว้ไอ้ชลาชล สติเท่านั้นที่จะทำให้แกแคล้วคลาดปลอดภัยฟรองเซ่ดุกว่านี้แกยังผ่านมาแล้วมั่น ๆ เข้าไว้ทำให้เขาเห็นว่าเราน่ะมีดีแค่ไหน’ แม้ตอนนี้จะรู้สึกกลัวจนตัวสั่น แต่ชลาชลก็พยายามประคองสติให้ตัวเองหาข้อดีไปสู้กับคิมหันต์เธอคิดว่าเขาต้องไม่พอใจแน่เมื่อรู้ว่าเธอนั้นเป็นเพียงเด็กจบใหม่จากมหาลัยที่ใคร ๆ ก็มองข้ามแม้จะจบด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งก็ตาม มือเรียวเอื้อมไปเปิดประตูห้องทำงานด้วยอาการสั่นจากความหวาดกลัวก้อนเนื้อที่อกซ้ายเต้นรัวจนเธอรู้สึกได้ “มึงทำได้ไอ้ลำนำ” เธอบ่นกับตัวเองก่อนจะเปิดประตูเข้าไป บรรยากาศภายในห้องเย็นจนน่าขนลุกเท้าเล็ก ๆ บนรองเท้าคัทชูส้นต่ำค่อย ๆ ก้าวเข้าไปกระทั่งถึงโต๊ะทำงานด้านในห้องที่เก้าอี้ทำงานตัวใหญ่มีร่างของชายในชุดสูทดีไซน์ทันสมัยนั่งมองเธอด้วยสายตาไม่สบอารมณ์นัก เขากวาดตามองแม่พนักงานคนใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า ในใจไม่นึกพอใจอะไรเสียอย่างบนตัวเธอการจับนั่นผสมนี่มันทำให้เขาดูแล้วรู้สึกหงุดหงิดไปหมดแม่รูปร่างหน้าตาจะพอดูได้แต่รสนิยมของเธอมันช่างไม่เอาไหนเสียเลยขนาดเรื่องการแต่งตัวยังขนาดนี้แล้วการทำงานของเธอจะขนาดไหนเพียงแค่คิดก็รู้สึกว่าหัวจะระเบิด “เชิญนั่ง!” เสียงทุ้มดังขึ้นก่อนที่เขาจะขยับตัวปรับท่านั่งใหม่ “.......” ร่างบางค่อย ๆ ขยับเข้าไปนั่งที่เก้าอี้มือเล็กเย็นเฉียบหาที่มาไม่ได้ว่ามาจากเครื่องปรับอากาศที่อุณหภูมิเย็นเกินไปหรือเพราะเธอกำลังกลัวคนตรงหน้ากันแน่ “จบอะไรมา” เขาตั้งคำถามโดยที่ไม่ได้เกริ่นอะไรแม้แต่น้อยและมันก็ทำให้ชลาชลที่กำลังหวาดวิตกไม่ทันได้ตั้งตัวรับมือกับสิ่งที่เขาจะถาม “อักษรศาสตร์ภาษาฝรั่งเศสค่ะ” “CECR* ระดับไหน” เขาถามต่ออย่างทันที “B2 ค่ะ” ชลาชลตอบ  “แค่นั้นเองเหรอ แล้วภาษาอังกฤษล่ะเคยสอบไหม” “เคยค่ะ” “กี่คะแนน” คิมหันต์ถามต่อด้วยเสียงราบเรียบไม่รู้สึกว่าสิ่งที่คนตรงหน้าพยายามบอกว่าทำได้ดูพิเศษตรงไหน!!  “โทอิค 524 คะแนน” “ทำงานที่ไหนมาแล้วบ้าง แล้วทำกี่เดือน” คิมหันต์ยังคงตั้งคำถามอย่างต่อเนื่องและทุกคำถามก็สร้างความลำบากใจให้กับชลาชลมากขึ้นทุกที  “ยังไม่เคยทำงานที่ไหนค่ะ พอดีว่าเพิ่งจบมา แต่....” “พอ!ไม่ต้องพูดแล้ว!” ชายหนุ่มเสียงดังแทรกขึ้นมาในขณะที่ชลาชลกำลังจะอธิบายว่าตัวเองนั้นเพิ่งเรียนจบมา จึงทำให้ยังไม่มีประสบการณ์ทำงานที่ไหน “อะไรทำให้ฝ่ายบุคคลรับเข้ามาวะเนี่ย” คิมหันต์สบถพึมพำอย่างหัวเสีย “.......” คนที่นั่งตรงหน้าอย่างชลาชลรู้สึกหน้าชาราวกับถูกตบหน้าเด็กจบใหม่อย่างเธอมันเป็นยังไงมันแย่มากอย่างนั้นเหรอ “ลุกขึ้นแล้วตามผมมา!!” คิมหันต์ออกคำสั่งก่อนจะลุกจากเก้าอี้ทำงานเขาจ้ำเท้าเดินนำพนักงานใหม่ออกจากห้องทำงานโดยมีจุดหมายเป็นแผนกฝ่ายบุคคล ระหว่างทางเขาไม่สนใจที่จะพูดจากับคนที่เดินตามหลังเขาอยากจะระเบิดอารมณ์ออกมาตอนนี้ไม่มีใครทำงานให้ได้อย่างใจเขาสักคนทุกคนคือคนไม่สมบูรณ์แบบสำหรับเขา “อ้าวคุณคิมหันต์สวัสดีครับ....” ทันทีที่หัวหน้าแผนกส่งออกปรากฏตัว พนักงานที่กำลังจับกลุ่มคุยกันก็รีบแตกวงกันชุลมุนสายชลที่ดูจะมีสติมากที่สุดรีบหันไปทักทายทายาทเจ้าของบริษัทด้วยสีหน้าท่าทางที่เหมือนกับว่าก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น “ใครรับพนักงานใหม่เข้ามา!!” คิมหันต์เอ่ยถามเสียงดังลั่น “เอ่อ...คือว่า” สายชลเริ่มคิดหาคำพูดไม่ออก “ผมถามว่าใครรับพนักงานใหม่เข้ามา!!” ชายที่รอฟังคำตอบต้องถามอีกครั้งด้วยเสียงเยือกเย็นแต่ดังกังวาน “ผะ...ผมครับตะ...แต่ว่าผมรับมาเพราะผลคะแนนรวมของน้องเขามันถึงเกณฑ์ที่ทางบริษัทกำหนดไว้นะครับ” “แล้วทำไมผมไม่เคยเห็นโปรไฟล์ของเขาเลย” คิมหันต์ถามต่อรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหัวหลักหัวตอใครจะรับใครเข้ามายังไงก็ได้เขาไม่ต้องรับรู้อย่างนั้นเหรอ “คือผมเอาไปวาง....” “วันหนึ่งผมไม่ได้มีหน้าที่แค่อ่านเอกสารของคุณทำไมคุณไม่แจ้งผู้ช่วยผมหรือไม่ก็บอกผมสักนิดมันคงไม่ยากเกินความสามารถของคุณหรอกใช่ไหมคุณสายชล?” ชลาชลยืนก้มหน้าอยู่ด้านหลังของคนพูดเขานี่มันร้ายกาจและจอมเผด็จการอย่างที่ได้ยินมาจริง ๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD