เจาจื่อจิ้งเฝ้ารอถึงยามจื่อ[1]
ข้อเท็จจริงของสือจ้วงเป็นจริงครึ่งเดียว นั่นคือคุณชายเจาหาตัวหมาป่าปีศาจเจอได้ในยามกลางคืน ข้อเท็จจริงอีกสำคัญอีกหนึ่งนั่นคือเจาจื่อจิ้งไม่สามารถเข้าใกล้ฝูมู่เสวี่ย ไม่แม้แต่จะทำนางตกใจจนผมชี้ นั่นเป็นเพราะเจ้าลูกหมาตัวดีนอนแกว่งพวงหางขาวโพลน ทั้งตัวนอนหมอบอยู่บนช่วงหน้าท้องแบนเรียบ
เงาร่างผู้มาเยือนยามนิทราไม่ทันได้ก้าวข้ามบานหน้าต่างเข้าไป คมเขี้ยวสีเงินในปากลูกหมาป่าปีศาจแยกออกกว้าง พวงหางสะกิดข้างแก้มฝูมู่เสวี่ยคันยุบยิบ ร่างน้อยบนเตียงดิ้นเล็กน้อย เจาจื่อจิ้งไม่อาจขยับตัวเพิ่ม
“เสี่ยวไกวเจ้าขู่ข้างั้นหรือ”
แววตาได้ใจของมันทำเอาเจาจื่อจิ้งพูดไม่ออก หนึ่งบุรุษหนึ่งลูกหมาจ้องสายตากัน เจาจื่อจิ้งครุ่นคิดทบทวน หรือว่าหลางไกวหมายตาฝูมู่เสวี่ยเป็นอาหาร
“เจ้าอยู่กับนางไม่ได้จะเป็นอันตรายต่อนาง หากกลับไปกับข้าจะยอมยกโทษให้เจ้ากึ่งหนึ่ง เพิ่มรากบัวสวรรค์แช่เหล้าให้เจ้าอีกครึ่งถ้วยเป็นอย่างไร”
ได้ยินคำว่าเพิ่มอาหารอีกกึ่งหนึ่ง หมาป่าเจ้าเล่ห์หรี่สายตาวาววับก่อนโบกหางสีขาวไปมา เจาจื่อจิ้งพ่นลมหายใจเล็กน้อย รากบัวสวรรค์แช่เหล้าหาใช่ของหาซื้อได้เสียเมื่อไหร่ เจ้าตัวดีสวาปามเข้าไปแต่ละครั้งทำเขาหมดเปลืองกำลังไปหลายวัน
“มากกว่ากึ่งหนึ่งนั้นไม่ได้ เจ้าอย่าหวังสูงเลย”
คราวนี้พวงหางสีขาวโพลนเลิกโบกไปมา หลางไกวขดพวงหางเข้ามาหาตัววางหัวเล็กลงไปแนบร่างฝูมู่เสวี่ยคล้ายปกป้องเจ้าของใหม่ ท่าทีหมาป่าปีศาจชัดเจนเพียงนี้ เจ้าของเดิมอย่างเจาจื่อจิ้งจะพูดอะไรได้อีก เช่นนั้นก็ช่างเถอะไว้กลับสำนักเขาค่อยขอคำแนะนำจากอาจารย์อีกที ไม่แน่ถึงตอนนั้น อาจารย์อาจสอนกระบวนท่าสยบเจ้าตัวเนรคุณให้สักสองสามกระบวนท่าก็เป็นได้
เงาร่างผู้มาเยือนยามวิกาลจากไปเช่นนี้ แต่ภาพมายาของทรราชแซ่เจาในห้วงฝันฝูมู่เสวี่ยยังคงไม่จากไป เมื่อครู่เจ้าลูกหมาตัวดีก่อกวนผู้อื่นจนคนเขาขยับตัว ยามนี้กำไลขาวใสตรงข้อมือฝูมู่เสวี่ยเผยออกมาให้เห็น ไม่เพียงเผยออกมามันยังส่องประกายแสงขาวเรืองรอง หม่าป่าปีศาจขนหางขาวผ่องชี้ตั้ง ไม่ว่าเจ้าสิ่งนี้เป็นตัวอะไร ที่รู้แน่คือมันไม่ชอบแสงขาวเรืองรองบนข้อมือฝูมู่เสวี่ยแม้แต่น้อย คมเขี้ยวสีเงินวาวอ้างับลงไปพลันทั้งตัวก้อนขนขาวโดนแสงสว่างเรืองรองดีดกระเด็น หลางไกวหรือที่ตอนนี้มีชื่อใหม่ว่าชิวเพ่ยแยกเขี้ยวสีเงินวาววับอีกครั้ง สุดท้ายเจ้าตัวก้อนขนขาวเดินไปยังเบาะนุ่มล้มตัวนอนหน้าตาเฉย ทิ้งเจ้านายคนใหม่เผชิญภาพมายาในห้วงฝันประหลาดต่อไป
การกระทำของลูกหมาตัวขาวนุ่มนั้นฝูมู่เสวี่ยไม่รับรู้ นางรู้เพียงตนเองเป็นดั่งเจ้าแม่หนี่ว์วาดั่งเทพเซียนผู้เย็นชามองลงมายังใต้หล้าอันแสนวุ่นวาย แคว้นเหลียวผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน รัชทายาทเฉิงหวงขึ้นครองบัลลังก์มีฐานอำนาจเสนาบดีเจาจื่อจิ้งเป็นกำลังหนุน
ปีแรกแคว้นเหลียวเกิดโรคระบาดผู้คนล้มตายราชสำนักไม่อาจรับมือ นักพรตเต๋าแห่งอารามชุนเทียนเมิ่งตั้งตัวเป็นผู้เผยแพร่วิถีสวรรค์ ชาวบ้านที่ไร้ซึ่งทางออกจากโรคระบาดพากันยกย่องเชิดชูนักพรตอารามชุนเทียนเมิ่ง ในปีนั้นเสนาบดีเจาใช้วิธีรุนแรงปราบจลาจล น่าแปลกโรคระบาดใหญ่โตพลันสลายหายไปพร้อมกับเจ้าอารามชรา
สองปีถัดมาแคว้นเหลียวยังไม่ฟื้นตัวจากโรคระบาดมากนักกลับต้องรับมือกองทัพใหญ่แคว้นเหยี่ยน ศึกครานั้นสองฝ่ายหยั่งเชิงกันนานถึงสามปี ผู้ที่ตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัดคือแคว้นเหลียว ขุนนางทั่วราชสำนักเสนอให้ส่งคณะทูตเจรจาสงบศึก ผู้นำในครานั้นคือรองตุลาการเน่ยเก๋อฝูเซิ่ง[2] บทสรุปเรื่องนี้ใต้เท้าฝูยอมส่งบุตรสาวคนเล็กแต่งออกไปเชื่อมสัมพันธ์เป็นการเจรจาสงบศึก เจาจื่อจิ้งไม่มีทางเห็นด้วยติดตรงที่ไม่อาจทัดทานขุนนางทั้งราชสำนัก
ฉากหน้าสองแคว้นจบลงด้วยดี หากแต่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ในใจเสนาบดีเจาเคียดแค้นคนแคว้นเหยี่ยนแค่ไหน แย่งชิงคนรักไม่อาจอยู่ร่วมฟ้า เป็นเช่นนี้เองเจาจื่อจิ้งอาศัยเครือข่ายเดิมอารามชุนเทียนเมิ่ง ลอบก่อตั้งลัทธิเต๋าเทียนเซียงเหมินขึ้นมาใหม่ ช่วงเวลาสองปีเท่านั้นอารามเต๋าเทียนเซียงเหมินก่อความวุ่นวายล้างสมองผู้คน พิษลวงจันทราที่คนของเจาจื่อจิ้งใช้ไม่มียาแก้ ผลสุดท้ายทั้งแคว้นเหลียวแคว้นเหยี่ยนล่มสลายไปพร้อมกัน
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเจาจื่อจิ้งหายตัวไปอยู่ที่ใด ยามนี้ผู้คนทั่วใต้หล้าต่างไร้สติ ครอบครัวไม่เป็นครอบครัว บ้านเมืองไม่เป็นบ้านเมือง เสียงหวีดร้องเสียงตะโกนบ้าคลั่งดังอยู่ในหัวฝูมู่เสวี่ย นี่คือฝีมือจอมทรราชแซ่เจา ทรราชอายุน้อยต่ำทรามที่สุดของแคว้นเหลียว
ดวงหน้าอิดโรยสะดุ้งลืมตาตื่นขึ้น แววตาฝูมู่เสวี่ยถึงกับเหม่อลอยไปพักใหญ่ ข้อมือข้างที่ยังสวมกำไลเจ้าปัญหารู้สึกร้อนวูบ ฝูมู่เสวี่ยมองดูกำไลสีใสบนข้อมีทอแสงวูบวาบก็รู้ได้ทันที ภาพฝันของนางคือเรื่องราวแท้จริงหลังจากนี้ เป็นเรื่องแท้จริงในอนาคตอันใกล้เสียด้วย
ไม่น่าเชื่อว่าบุรุษขี้โรคท่าทางอ่อนแออย่างเจาจื่อจิ้งจะก่อความวุ่นวายจนล่มแคว้นใหญ่สองแคว้นได้เช่นนั้น ภาพครอบครัวแตกสลายแผ่นดินลุกเป็นไฟยังติดอยู่ในหัวฝูมู่เสวี่ย ปลายนิ้วสั่นระริกเผลอลูบไล้กำไลข้อมือใสสะอาดไม่รู้ตัว หากนางแก้ไขเรื่องราวเลวร้ายพวกนี้ไม่สำเร็จจะเป็นอย่างไร หากนางทำให้เจาจื่อจิ้งกลับใจไม่ได้จะเป็นอย่างไร เสียงลมหายใจแผ่วเบาระบายออกมายืดยาว ตั้งแต่นี้เห็นทีนางคงต้องเอาจริงกับเจาจื่อจิ้งเสียแล้ว เริ่มจากหาทางกำจัดต้นตอลัทธิบ้าอำนาจของเขาก่อน
“คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ” เป็นชิวอี้เดินเข้ามารับใช้ “เช้านี้พี่ชิวถงรีบไปที่ห้องครัวกำชับให้ทำของที่คุณหนูชอบกินเจ้าค่ะ กลัวว่าท่านตื่นมาจะหิว”
“อ้อ” ฝูมู่เสวี่ยขานรับในลำคอ
“คุณหนูให้ข้ายกน้ำร้อนเข้ามาตอนนี้ ดีหรือไม่เจ้าคะ”
“วันนี้ข้าจะไปเที่ยวเล่นข้างนอก เจ้ายกน้ำร้อนเข้ามาแล้วไปบอกพ่อบ้านเตรียมรถม้าให้ข้าด้วย”
[1] ยามจื่อ 23.00 - 01.00
[2] ตำแหน่ง เน่ยเก๋อ คือระดับขุนนางขั้นพิเศษอำนาจสูงสุด แต่ละยุคจะมีจำนวนเน่ยเก๋อไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความเห็นชอบจากจักรพรรดิ