เสียงหอบหายใจค่อย ๆ เบาลง เหลือเพียงความเงียบที่เต็มไปด้วยความร้อนผ่าว ธาวินเอนตัวพิงหมอน มองเพื่อนรักด้วยสายตาที่ไม่เคยเผยออกมาก่อน
“คิริน… นายกล้าทำแบบนั้นกับฉัน… มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลยนะ” เสียงทุ้มต่ำแฝงความสับสน
คิรินหัวเราะในลำคอ แต่สายตากลับจริงจัง “ก็เพราะนายคือเพื่อนที่ฉันไว้ใจที่สุดน่ะสิ… ฉันถึงกล้า” เขาหยุดหายใจสั้น ๆ แล้วโน้มตัวเข้าใกล้ “และก็เพราะฉันรู้ว่า… แกก็ต้องการเหมือนกัน”
อัญญาที่นอนอยู่ตรงกลาง เหมือนถูกดึงให้เป็นพยานในความสัมพันธ์ที่ก้ำกึ่งระหว่าง เพื่อน กับ บางอย่างที่ลึกซึ้งเกินกว่าเพื่อน
เธอเห็นแววตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความจริงจังปนปรารถนา ใจเต้นแรงจนร่างสั่นไหว… และภาพตรงหน้านั้นกลับกระตุ้นความต้องการในกายเธอให้ลุกโชนอีกครั้ง
ธาวินกัดฟันแน่น คล้ายจะปฏิเสธ แต่สุดท้ายกลับก้มหน้าจูบคิรินอีกหน คราวนี้ไม่ใช่แค่ไฟราคะ แต่เป็นการยอมรับความจริงบางอย่างในใจตัวเอง
รสจูบของธาวินกับคิรินมันเร้าใจเกินกว่าที่อัญญาจะทนมองเฉย ๆ ดวงตาเธอพราวระยับ หัวใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำ ก่อนที่ร่างเล็กจะโน้มตัวเข้าหา สอดแทรกริมฝีปากตัวเองเข้าไปในรสจูบต้องห้ามนั้น
“อื้มมม…” เสียงครางพร่าดังก้องในโพรงปาก เมื่อริมฝีปากทั้งสามประสานกันในจังหวะเดียว ร้อนแรง วาบหวิว และเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด
ธาวินหอบหายใจหนัก มือหนาโอบบ่าของอัญญากับคิรินเข้ามากอดไว้ด้วยกัน ร่างแกร่งสั่นระริกเพราะความรู้สึกที่ยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
คิรินหัวเราะต่ำในลำคอ แต่ริมฝีปากยังดูดดึงอย่างหิวกระหาย “แบบนี้สิ… ถึงจะเรียกว่าความสุขของจริง”
อัญญาแทบขาดใจ รสจูบที่ลึกซึ้งและเร่าร้อนจากผู้ชายสองคนถาโถมจนเธอครางเสียงสั่น น้ำหวานของเธอแทบทะลักออกมาอีกครั้ง คนตัวเล็กสั่นสะท้านด้วยความสุขที่มากเกินรับไหว
ห้องทั้งห้องยังอวลไปด้วยกลิ่นกายและลมหายใจหอบถี่ อัญญาทิ้งตัวนอนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นจากที่นอน ร่างเล็กยังสั่นระริกเล็กน้อยเพราะแรงรักที่เพิ่งผ่านพ้น
เธอคว้าเสื้อผ้าที่กองอยู่ขึ้นมาสวมทีละชิ้น เส้นผมยุ่งเหยิงปรกใบหน้า แต่แววตายังมีประกายพอใจอยู่ลึก ๆ เสียงซิปกระเป๋าถือดังเบา ๆ กลางความเงียบ
“จะไปแล้วเหรอ…” เสียงทุ้มของธาวินดังขึ้นจากบนเตียง แผ่วพร่าที่แฝงแรงกดดัน
อัญญาหันกลับมายิ้มบาง ๆ “ใช่ค่ะ… ตีสามแล้ว ต้องกลับคอนโด” เธอไม่ได้พูดอะไรเกินกว่านั้น ไม่แม้แต่จะหยิบปากกามาเขียนเบอร์โทร หรือทิ้งวิธีติดต่อไว้ให้
คิรินเลิกคิ้ว มุมปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “ใจร้ายชะมัด… เล่นกับเราแล้วก็จะหายไปเลยงั้นเหรอ”
อัญญาเพียงหัวเราะเบา ๆ "ขอบคุณสำหรับความสุขในคืนนี้ค่ะ"พูดจบเธอก้าวเท้าออกจากห้องหรูท่ามกลางความเงียบ ทั้งธาวินและคิรินสบตากันโดยไม่พูดอะไร ต่างคนต่างมีคำถามค้างคาในใจ และต่างก็รู้ดีว่า ผู้หญิงคนนั้นได้ทิ้ง โซ่พันธนาการ บางอย่างไว้กับพวกเขาเรียบร้อยแล้ว
ห้องทั้งห้องกลับเข้าสู่ความเงียบหลังเสียงที่ประตูปิดลง ธาวินนั่งเอนหลังพิงหัวเตียง หอบหายใจยาวเหมือนพยายามเรียกสติกลับมา คิรินก็ก้าวไปหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่ม ก่อนทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ
“เฮ้อ… แม่งโคตรบ้าเลยวะคืนนี้” คิรินหัวเราะหอบ ๆ ยกมือลูบผมตัวเองยุ่งเหยิง
ธาวินปรายตามอง “นายเนี่ย… ทำอะไรไม่คิดเหมือนเดิม” น้ำเสียงดุแต่แฝงรอยยิ้มจาง ๆ
“ก็คิดดิ แต่ตอนนั้น… เออว่ะ ใครจะไปทนไหว” คิรินหัวเราะหึ ๆ “เห็นนายทำหน้าโคตรหึงก็เลยอยากลอง… ปรากฏว่าสนุกชิบหาย”
ธาวินส่ายหัวเบา ๆ “นายกล้าจูบฉันต่อหน้าเธอด้วยนะ”
“แล้วแกก็จูบตอบ ไม่เห็นจะปฏิเสธ” คิรินแกล้งกระเซ้า
ความเงียบครู่หนึ่งทำเอาทั้งคู่ชะงัก สุดท้ายธาวินถอนหายใจ “เออ…ตอนนั้นมันก็…โคตรมีอารมณ์จริง ๆ”
คิรินหันมายักคิ้ว “เห็นมั้ยล่ะ ที่บอกว่าเรารู้ใจกัน”
ทั้งคู่หัวเราะออกมาเบา ๆ คลายบรรยากาศที่ตึงเครียด กลับกลายเป็นความผ่อนคลายแบบเพื่อนที่ร่วมผ่านบางสิ่งไปด้วยกัน
คิรินโยนหมอนข้างใส่ธาวินเบา ๆ “บอกตรง ๆ นะวิน… กูไม่คิดเลยว่ามึงจะหึงผู้หญิงขนาดนี้”
ธาวินเลิกคิ้ว มุมปากยกขึ้นนิด “ก็แค่ไม่ชอบเห็นใครมาแย่งของที่อยู่ตรงหน้า”
“ของที่ว่า… คืออัญญา?” คิรินถามตรง ๆ ดวงตาคมกริบแต่แฝงรอยล้อเลียน
ธาวินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจยาว “ไม่รู้สิ… ปกติฉันไม่อินเรื่องพวกนี้ แต่พอเป็นเธอ… มันต่างออกไป”
คิรินหัวเราะในลำคอ “นึกแล้วว่าต้องมีอะไร แกนี่แม่งนะ เย็นชาไปทั่ว แต่สุดท้ายก็แพ้ให้ผู้หญิง”
ธาวินปรายตาคม “แล้วนายล่ะ… ที่ทำไปนั่นเพราะอะไร”
คิรินเกาหัว ยกไหล่สบาย ๆ “ก็บอกแล้วไง… เพราะเป็นเพื่อนกัน รู้ใจกัน แล้วก็เพราะ… ตอนนั้นโคตรมีอารมณ์ว่ะ” เขาหยุดนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดเสียงเบากว่าเดิม “แต่ก็ไม่ใช่แค่เรื่องนั้นหรอกวะ”
ธาวินหันมามองเต็มตา ความเงียบแผ่วคลอในอากาศราวกับทั้งคู่ไม่กล้าพูดต่อมากกว่านี้
“ช่างมันเหอะ” คิรินเปลี่ยนเป็นหัวเราะกลบเกลื่อน “ยังไงคืนนี้ก็เป็นอะไรที่… โคตรพิเศษแล้วว่ะ”
ธาวินแค่นหัวเราะนิด ๆ ไม่ปฏิเสธ ไม่ยอมรับ แต่ในใจกลับยังคงวนเวียนอยู่กับรสจูบของคิรินและภาพของอัญญาที่ไม่ยอมทิ้งอะไรไว้ให้เลย
หลังจากคิรินล้มตัวนอนหลับไปด้วยความเหนื่อย ธาวินยังนั่งพิงหัวเตียง ปลายนิ้วยกขึ้นแตะริมฝีปากของตัวเองเบา ๆ ความทรงจำเมื่อครู่แล่นกลับมาอย่างชัดเจน รสจูบที่ร้อนแรงของเพื่อนรักที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น
หัวใจเขาเต้นแรงแบบที่ไม่คุ้นเคย ความรู้สึกนั้นมันทั้งตื่นเต้น ทั้งเร้าใจ และก็แปลกใหม่จนน่ากลัว
“บ้าเอ๊ย… นี่กูคิดอะไรอยู่วะเนี่ย” ธาวินพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่ว แต่ยิ่งพยายามปฏิเสธ ภาพรสจูบก็ยิ่งชัด รสสัมผัสผสมกับแรงครอบครองยังติดอยู่ที่ริมฝีปาก ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวินาทีที่แล้ว
เขาส่ายหัวแรง ๆ พยายามตัดความคิด แต่ร่างกายกลับสั่นวาบด้วยความเร้าใจที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้คืนนี้กลายเป็นคืนที่เขาไม่อาจลืมได้จริง ๆ