ปริญกลับไปแล้ว… ตอนที่เขาเดินออกมาจากห้องของภูเบศชายหนุ่มส่งสายตาดุดันมองร่างบางที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงาน เอื้องฟ้าพ่นลมหายใจโล่งอกหลังเห็นเขาเดินหายเข้าไปในลิฟต์ เธอคิดว่าจะรอดแต่ที่ไหนได้เสียงไลน์ดังขึ้นติดๆ กัน
คุณนัย : ไอ้ภูมันรู้เรื่องของเราแล้ว เธอไปทำอีท่าไหนมันถึงจับได้
คุณนัย : เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าให้ทำตัวให้เป็นปกติที่สุด
คุณนัย : หรือเธออยากอวดตัวว่าได้นอนกับฉัน
ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มแน่นเป็นเส้นตรง กำเครื่องมือสื่อสารจนเส้นเลือดฉายชัดบนหลังมือเนียน หยาดน้ำใสเอ่อล้นเต็มกระบอกตา เจ็บปวดกับความคิดของเขาที่ชอบยัดเยียดอะไรแย่ๆ ให้เธอเป็นฝ่ายผิดตลอดเวลา
คุณนัย : อ่านแล้วทำไมไม่ตอบ
คุณนัย : เอื้องฟ้าตอบฉัน อย่าอวดดีถ้าไม่อยากให้ขึ้นไปกระชากตัวถึงข้างบน ตอบเดี๋ยวนี้!
และเหมือนทุกครั้ง คำขู่ของเขามักได้ผลเสมอ
ฟ้า : ขอโทษค่ะ
คุณนัย : ขอโทษเรื่องอะไร เธอทำอะไรผิดถึงต้องขอโทษ
ฟ้า : ทุกเรื่องค่ะ ถ้าฟ้าทำอะไรให้คุณไม่พอใจ ฟ้าขอโทษ
คุณนัย : อวดดีนักนะ!
ฟ้า : ไม่กล้าอาจเอื้อมหรอกค่ะ ฟ้ารู้สถานะของตัวเองดี
คุณนัย : เลิกงานเมื่อไรเธอเจอดีแน่ คอยดู!
ฟ้า : ค่ะ
คุณนัย : ส่งสติ๊กเกอร์รูปโกรธ
“ฮึ่ม! อวดดี กล้าอวดดีกับฉันเหรอเอื้องฟ้า” ปริญปามือถืออัดใส่เบาะรถอย่างหงุดหงิด เขาฉุนเฉียวยามได้อ่านข้อความเหย่อหยิ่งของหญิงสาว เพียงเห็นหล่อนไม่แยแสต่อความผิดที่เขาจงใจยัดเยียดให้ก็พานร้อนรุ่มจนอยากขึ้นไปลากแม่ตัวดีมาลงโทษให้สาสม
“โธ่เว้ย!”
มหาเศรษฐีหนุ่มระเบิดเสียงคำรามลั่นรถ
ไม่ใช่ครั้งแรกที่เอื้องฟ้าถูกลูกค้าของบริษัททำเจ้าชู้ใส่ ภูเบศรู้สึกอึดอัดใจไม่แพ้หล่อน ความจริงเขาไม่อยากพามาด้วยแต่ก็ต้องยอมรับว่างานทุกงานที่สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์มาจากคนตัวบางที่นั่งอยู่ข้างๆ เอื้องฟ้าสวยหวานและฉลาดพูด หล่อนมีไหวพริบในการดีลงาน เป็นผู้หญิงสง่าและน่าร่วมงานด้วย นับว่าเขาโชคดีที่ได้คนเก่งอย่างหล่อนมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร
“นามบัตรของผมครับ” หนุ่มฝรั่งรูปร่างสูงใหญ่ยื่นนามบัตรให้สตรีแสนสวย เอื้องฟ้ารับไว้ตามมารยาท รอยยิ้มพิฆาตใจบุรุษทำให้หนุ่มตาน้ำข้าวถึงกับหลงใหลจนถอนตัวไม่ขึ้น
“นอกเวลางาน หวังว่าเราจะได้ทานข้าวกันสักมื้อนะครับ”
“ยินดีค่ะ” ตอบกลับด้วยภาษาอังกฤษเช่นเดียวกัน น้ำเสียงไพเราะเพราะพริ้งน่าฟังยิ่งนัก
หนุ่มนักธุรกิจถือวิสาสะคว้ามือเรียวขึ้นจุมพิต ภูเบศพยายามมองให้เป็นเรื่องปกติแม้ลึกๆ แล้วจะไม่ชอบใจกับการกระทำของลูกค้าคนสำคัญ ทว่าต้องฝืนยิ้มและสงวนท่าทีเอาไว้ พอร่างสูงใหญ่ลับสายตาเอื้องฟ้าก็หุบยิ้มฉับพลัน
“ผมต้องขอโทษคุณด้วยนะที่พามาเจออะไรแบบนี้ตลอดเลย” ท่านประธานหนุ่มรู้สึกผิดต่อเลขาฯ สาวยิ่งนัก
“มันคืองานค่ะท่าน” เอื้องฟ้าเข้าใจในบริบทของงานดี เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแล้วจึงหยิบกระเป๋าสะพายสีหวานขึ้นคล้องที่หัวไหล่
“ดิฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”
ภูเบศรับไหว้ด้วยท่าทีเคร่งขรึม มองตามแผ่นหลังบางด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่ความรู้สึกเด่นชัดที่สุดคือสงสารและเวทนาหล่อนสุดหัวใจ ทำไมโชคชะตาต้องกลั่นแกล้งให้เอื้องฟ้ามาเจอกับปริญด้วย ในบรรดาเพื่อนซี้สามคนปริญถือว่าร้ายกาจที่สุด มันเป็นพวกรักแรงเกลียดแรง อยากได้อะไรต้องได้ ถูกพ่อแม่มหาเศรษฐีตามใจจนเสียนิสัย เขาก็ได้แต่หวังว่ามันจะยอมปล่อยเอื้องฟ้าให้เป็นอิสระ ไม่ทรมานหญิงสาวไปมากกว่านี้
เอื้องฟ้าแวะซื้อข้าวต้มปลาที่ตลาดกลับไปทานที่ห้อง วันนี้เธอรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวราวจะเป็นไข้ อยากทานอะไรร้อนๆ ก่อนนอนพักผ่อน ลืมนึกถึงหายนะที่เผลอก่อเอาไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ มือเรียวหยิบกุญแจห้องขึ้นเตรียมไขพลันต้องชะงัก
ประตูไม่ได้ล็อค
“คุณนัย”
ดวงตากลมโตปิดนิ่ง กำลูกบิดค้างอยู่อย่างนั้นก่อนทำใจยอมรับแล้วเปิดประตูเผชิญกับความโหดร้ายที่อยู่ด้านใน ร่างสูงยืนกอดอกพิงกำแพงนิ่ง สายตาเย็นชาไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เขามองเจ้าของห้องถอดรองเท้าส้นสูงเก็บเข้าที่ชั้นวางอย่างเป็นระเบียบ เอื้องฟ้าวางถุงข้าวต้มปลาที่ตั้งใจซื้อมาทานลงบนโต๊ะ สงสัยคงไม่ได้ทานอย่างเป็นสุขแล้ว สงครามประสาทกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า
“กลับช้าไปเกือบสองชั่วโมง” เขาพลิกข้อมือดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาเรือนหรู เอื้องฟ้าพยักหน้ายอมรับก่อนตอบเสียงแผ่วเบา
“ฟ้าไปพบลูกค้ากับท่านประธานมาค่ะ”
“ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“ผู้ชายค่ะ เป็นลูกค้าคนสำคัญของทางบริษัท”
เสียงหวานตอบกลับราบเรียบ ปริญพยักหน้ารับรู้แต่ไม่นานเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขาถือวิสาสะเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายของเอื้องฟ้าเปิดออกดู เท่านั้นไม่พอยังเปิดกระเป๋าเงินสำรวจหาอะไรบางอย่างจากภายใน
“คุณนัยอย่าทำแบบนี้นะคะ” มือหนาหยิบนามบัตรสีทองขึ้นเพ่งมอง มุมปากได้รูปแสยะยิ้ม หางตากระตุกถี่ๆ
“ปีเตอร์ เรย์สัน” เขาอ่านชื่อที่สลักอยู่บนกระดาษแผ่นเล็ก
“แปลกนะ… ทุกครั้งที่ไปพบลูกค้าเธอต้องได้นามบัตรของพวกมันกลับมาด้วยทุกครั้ง ตกลงไปทำงานหรือไปอ่อยผู้ชายกันแน่!”
“ฟ้าไม่เคยทำตัวแบบนั้น” ความคิดสกปรกเขาพูดมันออกมาได้ยังไง ทำไมถึงเป็นคนหยาบกระด้างแบบนี้
“ถ้าไม่อ่อยแล้วมันจะให้นามบัตรเป็นการทอดสะพานมาทำไม!”
ปริญขยำนามบัตรจนยับยู่ยี่แล้วปาใส่หน้าเธอแรงๆ อานุภาพของมันไม่ได้ทำให้เธอเจ็บกาย แต่มันเจ็บที่ใจ เจ็บที่ไม่สามารถตอบโต้เขากลับได้ เจ็บที่ต้องยอมตกเป็นเบี้ยล่างให้เขาโขกสับราวกับไม่ใช่คน
เจ็บ… เหลือเกิน
“เขาให้มาฟ้าก็รับไว้ ไม่ได้มีอะไรแอบแฝง”
“แน่ใจเหรอ?”
สืบเท้าแกร่งไล่ต้อนช้าๆ เอื้องฟ้าเชิดหน้าข่มความกลัว เธอจะไม่หนี ไม่ดิ้นรนต่อการกระทำของเขา เพราะรู้ดีว่าหนียังไงก็หนีไม่พ้น
“คงไม่ได้คิดจะสวมเขาให้ฉันแล้วจับคนรวยหน้าโง่เพื่อชุบตัวหรอกนะ” วาจาดูแคลนไม่ต่างอะไรกับน้ำกรดมีพิษ
“ฟ้าไม่เคยคิดอะไรแบบนั้น แล้วก็ไม่มีวันคิดด้วยค่ะ”
ต่อให้ยากจนแสนเข็ญเพียงใดเธอก็มีศักดิ์ศรีมากพอ ไม่คิดเอาตัวเข้าแลกหวังสบายทางลัด ความรู้ความสามารถที่เพียรพยายามมาครึ่งค่อนชีวิตมันมีค่าเกินกว่าจะเอาไปแลกกับความสุขชั่วครั้งคราว
“ดี!”
ปริญพึงพอใจ คำตอบของเธอลดความเดือดดาลให้เบาบางลงแต่นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมด ชายหนุ่มรั้งร่างบางเข้าหาตัว เชยปลายคางให้สบตา
“วันนี้ฉันเหนื่อยมาก ช่วยถูหลังให้หน่อยได้ไหม” น้ำเสียงแหบพร่าแฝงความนัยลึกซึ้ง
“ค่ะ”
และเชลยอย่างเธอก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธความต้องการของเขา!
ปริญอุ้มร่างน้อยที่หลับใหลไม่ได้สติออกมาจากห้องน้ำหลังเสร็จภารกิจสวาทที่เขาโหมกระหน่ำใส่เธอไม่ยั้ง บรรจงวางคนตัวเล็กลงบนเตียงแผ่วเบา ทอดมองดวงหน้าหวานที่หลับพริ้มด้วยสายตาอ่อนโยน ปลายนิ้วแกร่งเช็ดคราบน้ำตาบนแก้มนุ่ม เกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าพร้อมกับโน้มตัวประทับจุมพิตลงบนหน้าผากเกลี้ยงนูน ไล่สายตาสำรวจตามเรือนกายก็พบว่าเขามือหนักต่อเธออีกจนได้ รอยแดงช้ำบ่งบอกถึงความดุดัน ชายหนุ่มหลับตานิ่ง กลืนก้อนสะอึกลูกใหญ่แล้วค่อยๆ เปิดเปลือกตามองเมียเก็บแสนหวานอีกครั้ง เขาหาเสื้อผ้ามาสวมใส่ให้เธอแล้วจัดแจงให้นอนอย่างสบายๆ เหลือบเห็นถุงข้าวต้มปลาที่วางอยู่บนโต๊ะ จากร้อนๆ กลายเป็นเย็นชืดไม่น่ารับประทาน
เห็นแล้วพลันรู้สึกผิด กระนั้นอีกใจก็ตอบโต้ว่าสาสมแล้ว ถ้าหล่อนไม่รับนามบัตรจากผู้ชายคนอื่นเขาคงไม่ต้องลงโทษจนสลบคาอกไปแบบนี้หรอก เขาไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับผู้หญิงของเขา เอื้องฟ้าเป็นเมียเขา ถึงเป็นเมียลับๆ ที่เขาเก็บซ่อนไม่เปิดตัวก็เถอะ ของๆ เขาย่อมต้องเป็นของเขาอยู่วันยังค่ำ ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ยุ่ง!
“ต่อให้เธออยากไปจากฉันมากแค่ไหน ก็อย่าคิดว่าจะสมหวัง!”