บทที่ 1.1 - จุดเริ่มต้น (จอมบงการ)
“ไปไหนมา!”
เปิดประตูเข้าห้องไม่ทันไรเสียงเข้มทรงอำนาจก็ดังขึ้นท่ามกลางความตกใจของหญิงสาว ริมฝีปากอวบอิ่มซีดเผือด เนื้อตัวสั่นเทาขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ หล่อนวางกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะทานข้าวในท่าทีระแวดระวัง เปลือกตากลมโตหลุบมองพื้นตลอดเวลา
“ถามว่าไปไหนมา”
ถามย้ำเมื่อหล่อนเงียบ นำพาร่างกายแข็งแกร่งเข้าใกล้คนตัวเล็ก สัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวแต่หาสนใจไม่ กลับยิ่งชอบเพราะมันทำให้เขารู้สึกถึงความได้เปรียบ มุมปากแสยะยิ้มร้ายกาจ แววตาเสือร้ายกระหายหิวทุกครั้งยามมองแม่ดอกเอื้องฟ้าที่เขาปรารถนาตั้งแต่แรกพบ
“ไปงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อนมาค่ะ” ตอบเสียงอ้อมแอ้มและไม่กล้ามองหน้า ปริญเชยปลายคางมนขึ้นสบตา
“เพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชาย” แน่นอนว่าเขาต้องถาม
“ผะ ผู้ชายค่ะ”
และหล่อนก็ใสซื่อเกินกว่าจะกล้าโกหก มันไม่คุ้มหากเขามารู้ทีหลัง เธอไม่อยากเจอกับพายุอารมณ์เกรี้ยวกราดของเขา มันน่ากลัวเกินไป
“งั้นหรือ?” นัยน์ตาสีเหล็กกล้าเยาะหยัน เลือดในกายร้อนวูบวาบ
“เขาเป็นเพื่อนสมัยเรียนค่ะ เราสนิทกันมากฟ้าก็เลย…”
“หุบปาก!” ปริญตวาดกร้าว เอื้องฟ้าสะดุ้งโหยง “ฉันไม่อยากรับรู้ว่าเธอกับมันจะสนิทสนมกันยังไง ไม่อยากฟัง!”
อารมณ์หึงหวงมากล้นเกินกว่าจะทนฟังได้ เพียงรู้ว่าเธอมีเพื่อนผู้ชาย ใจของเขาก็ร้อนรุ่มราวกับมีเปลวเพลิงสุมกองอยู่ข้างใน ผลักใบหน้าหวานออกเบาๆ แต่เอื้องฟ้ากลับรู้สึกเจ็บร้าวไปถึงขั้วหัวใจ
“คุณนัยมานานแล้วหรือคะ” เอื้องฟ้าพยายามใจดีสู้เสือ เอ่ยถามเสียงหวานพลางมอบรอยยิ้มอ่อนโยนให้เขา
ถึงไม่ชอบการถูกคุกคามแต่ก็ต้องรู้จักเอาอกเอาใจเพื่อสร้างเกาะคุ้มกันให้ตัวเองปลอดภัย ปริญทิ้งตัวนั่งไขว่ห้างบนเตียงนอนขนาดกะทัดรัด เขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทุกเม็ดแล้วแหวกสาปเสื้อแยกเป็นสองฝั่ง เผยแผงอกกำยำอันเต็มไปด้วยมัดกล้ามเรียงรายเป็นลอนเงาสวยงาม เขาใช้สายตาพิฆาตนารีจ้องมองเธออย่างมีเลศนัย กระดิกนิ้วเรียกให้ร่างบางเข้ามาใกล้ เอื้องฟ้ากัดริมฝีปากจนห้อเลือด สืบเท้าเข้าไปหาเขาช้าๆ ยังไม่ทันถึงตัวดีปริญก็คว้าเอวบางรั้งเจ้าหล่อนให้นั่งลงบนตัก เขาทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ หงุดหงิดกับกิริยาเชื่องช้าไม่ได้ดั่งใจ
“ทำไมชอบกัดปากตัวเองนัก… หืม”
เอ่ยถามพลางลูบไล้กลีบปากนุ่ม มอบจูบเร่าร้อนจนคนในอ้อมกอดเสียสติไปชั่วขณะ เอื้องฟ้าดันอกกว้างออกห่าง รีบสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สายตาฉ่ำแววพิศวาสยิ่งทำให้กายสาวสั่นสะท้าน กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ
“อย่าค่ะ”
“ทำไม!?”
ตวัดหางเสียงไม่พอใจ เกลียดนักท่าทีต่อต้านในยามที่เขาต้องการ ทำราวกับไม่เคยไปได้ ไม่มีส่วนไหนบนเรือนร่างอรชรที่เขาไม่เคยเห็น เขาสัมผัสความงามมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ตักตวงความหอมหวานอย่างเอาแต่ใจ เอื้องฟ้าเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่มาทำงานในเมืองใหญ่ ตรากตรำต่อสู้เพื่ออนาคต ไม่เคยคิดว่าจะถูกใครรังแก จนกระทั่งได้พบกับเขา ผู้ชายที่มาพร้อมความผิดพลาดเพียงชั่วข้ามคืน เขาใช้อำนาจกดดันให้เธอตกเป็นเบี้ยล่างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ชีวิตที่เป็นอยู่ไม่ต่างอะไรกับลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด
“หรือว่าพอไปเจอไอ้เพื่อนชายคนนั้นก็เริ่มเบื่อผัวอย่างฉัน” เขากล่าวหาทั้งๆ ที่ไม่รู้ความจริงว่าใจของเธอคิดเช่นไร
“คุณนัย” เอื้องฟ้าน้ำตาคลอ เจ็บลึกกับถ้อยคำดูถูก “ทำไมพูดแบบนี้คะ”
“แล้วจะให้ฉันพูดยังไง เธอมีอาการขัดขืนหลังไปงานเลี้ยงวันเกิดไอ้เวรนั่น” ซึ่งผู้ชายคนนั้นเป็นใครปริญไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยรู้จัก แต่ในเมื่อมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเอื้องฟ้า หลังจากนี้คงต้องมีการสืบประวัติกันเสียหน่อย
เขาจำเป็นต้องสแกนทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเธอ
“ฟ้าไม่พร้อมค่ะ” เอื้องฟ้าหลบสายตา มือหนาบีบกำแขนเรียวจนสาวเจ้านิ่วหน้า
“ฟ้าเจ็บ” หล่อนร้องบอกทั้งน้ำตา และนั่นยิ่งทำให้ปริญไม่พอใจ
“เธอจะร้องไห้เอาโล่หรือไง อยู่กับฉันมันทุกข์ใจมากใช่ไหม!”
สันกรามแกร่งบดแน่น หงุดหงิดทุกครั้งที่เอื้องฟ้าทำเหมือนขลาดกลัวยามอยู่ใกล้ชิดกับเขา เพราะหล่อนชอบตีตัวออกห่างแบบนี้ไงเล่า เขาถึงต้องร้ายเพื่อให้ได้อยู่ใกล้
“แล้วไม่พร้อมที่ว่าหมายความว่ายังไง”
“ฟ้ามีรอบเดือนค่ะ” ช่างเป็นคำตอบที่น่าอายเหลือเกิน
“จริงหรือเปล่า?” ปริญหรี่ตามองราวกับจ้องจับผิด เอื้องฟ้าพยักหน้าถี่ๆ
“ไหนดูสิ” ไม่รอให้ได้รับอนุญาตจากร่างบาง เขาสอดมือเข้าไปสำรวจจุดซ่อนเร้นด้วยตนเอง
“คุณนัย!” เอื้องฟ้าเบิกตากว้าง ตกใจในความห่ามดิบของผู้ชายตรงหน้า
“โอเค” อาวุธคู่กายของผู้หญิงในยามแดงเดือดเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุด
“ไม่โกหกผัว ดีมากเมียรัก”
เขาประกบกลีบปากนุ่มเพื่อมอบจูบดุดันระบายอารมณ์เบื้องลึกแทนการหลอมกายเป็นหนึ่งเดียวกับเธอ
สามเดือนที่แล้ว…
เอื้องฟ้าชะเง้อหากลุ่มเพื่อนหลังถึงที่นัดหมาย หญิงสาวไม่ค่อยอยากเข้าไปเท่าใดนัก สถานที่อโคจรเต็มไปด้วยแสงสีเสียงและกลิ่นควันบุหรี่ที่สำลักทุกครั้งยามได้กลิ่น เธอยกมือปิดจมูกแต่สายตากวาดมองไปรอบๆ บริเวณ ความสวยงามของเครื่องหน้าหวานสะดุดสายตานักท่องเที่ยวชายหลายคน แม้หญิงสาวจะอยู่ในชุดยูนิฟอร์มของบริษัทฯ ไม่ได้สวมเสื้อผ้าอวดเนื้อหนังมังสาเฉกเช่นสตรีนางอื่น แต่ดอกเอื้องฟ้าดอกนี้กลับส่งกลิ่นหอมและงดงามจนเรียกสายตาของใครหลายๆ คนให้หยุดมองเธอได้ไม่ยาก
“สวัสดีครับคนสวย ให้เกียรติดื่มกับผมสักแก้วได้ไหมครับ”
หนุ่มหน้าตี๋คนหนึ่งขวางทางร่างบางเอาไว้ เอื้องฟ้าใจเต้นระส่ำเพราะไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงเช่นนี้
“มาคนเดียวหรือครับ”
ถามต่อแต่แววตากลับจ้องมองอกอวบอิ่มที่เด่นรัดเสื้อเชิ้ตสีครีมอย่างจาบจ้วง เอื้องฟ้ากระชับสูทสีน้ำเงินเข้มให้ปกปิดทรวดทรงน่ามอง
“มากับเพื่อนค่ะ”
“ไหนเพื่อนครับ ผมไม่เห็นเลย” ว่าแล้วก็ทำทีมองหา
“เพื่อน… อยู่ตรงนู้นค่ะ” เอื้องฟ้ายิ้มกว้างหลังเห็นกลุ่มเพื่อนโบกมือบอกตำแหน่ง “ขอตัวก่อนนะคะ” เธอรีบจ้ำอ้าวเดินหนีแทบไม่ทัน
“ตายแล้วๆ ยัยฟ้าน้อยของเรามีหนุ่มมาจีบจ้า” น้ำฝนเอ่ยแซวทันทีที่ร่างบางนั่งลงบนโซฟา
“หล่อซะด้วยนะแก น่ากินมาก!” มิรินด้ารีบกล่าวสมทบ
“เอาหน่อยไหมยัยฟ้า พวกเราอยากเห็นแกมีแฟน”
ชมพู่คะยั้นคะยอ เอื้องฟ้าส่ายหน้าทันควัน เล่นเอาบทสนทนาก่อนหน้าเจื่อนลงถนัดตา
“โหย! ไรวะ” ชมพู่เบ้ปากใส่
“แล้วมาผับแต่งตัวอะไรของแกเนี่ย” น้ำฝนจับร่างบางลุกยืนแล้วหมุนรอบๆ “อย่าบอกนะว่าทำงานเสร็จก็มาเลย”
“กลัวว่าถ้ากลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องแล้วจะมาดึกน่ะ” เอื้องฟ้าตอบซื่อๆ
“โอ๊ยยัยฟ้า! มาผับก็ต้องมาดึกๆ นั่นแหละ หล่อนนี่กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง” มิรินด้าส่ายหัวให้กับความเฉิ่มเชยของเพื่อนสาว
“พรุ่งนี้ฉันมีประชุมเช้า ยังไงก็ขอกลับเร็วหน่อยนะ”