“พรุ่งนี้ฉันมีประชุมเช้า ยังไงก็ขอกลับเร็วหน่อยนะ”
เอื้องฟ้าลำบากใจอยู่ลึกๆ เธอไม่อยากให้เพื่อนๆ รู้สึกว่าเธอทำตัวแปลกแยก เวลานัดเจอกันก็มักเบี้ยวตลอด เหตุผลน่ะหรือ… เพราะไม่ชอบเที่ยวกลางคืน เพื่อนๆ ของเธอเป็นสาวฮอตและร่ำรวยกันทุกคน ไม่ต้องทำงานก็มีกินมีใช้ได้อย่างสุขสบายตลอดชาติ ผิดกับเธอที่ต้องทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตเพื่อส่งเงินไปให้ตายายที่บ้าน ไหนจะหนี้สินสำหรับไถ่ที่นาอีกล่ะ ไม่มีอะไรง่ายเลยสำหรับชีวิตลูกผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเอื้องฟ้า
“ตลอด!” ทั้งสามสาวพูดพร้อมเพรียง เอื้องฟ้าหน้าเจื่อนลงทันใด
“ขอโทษนะ” น้ำเสียงรู้สึกผิดเอ่ยเบาๆ
“พอๆ อย่ามาดราม่าใส่ พวกฉันก็พูดไปงั้นแหละ เข้าใจอยู่”
ชมพู่โบกมือห้ามแม่คนบ่อน้ำตาตื้น เอื้องฟ้าเป็นเพื่อนที่พวกเธอรักและสงสาร เห็นใจที่ต้องจากบ้านมาอยู่ในเมืองใหญ่ตั้งแต่สมัยเรียน หล่อนเป็นคนซื่อจนติดออกโง่ในบางครั้ง ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมผู้คน สมัยเรียนมักถูกเอาเปรียบจากพวกเห็นแก่ตัวเป็นประจำ ก็ได้สามสาวจอมแสบคอยเป็นเกราะป้องกันถึงรอดมาได้อย่างทุกวันนี้ และถึงแม้เอื้องฟ้าจะมีฐานะยากจนแต่โชคดีที่เรียนเก่งจนได้รับทุนอย่างต่อเนื่อง คว้าเกรดนิยมอันดับหนึ่งของคณะที่ใครๆ ต่างอิจฉา
“ฟ้า… แกพักบ้างนะยะ รู้ว่าลำบากแต่เพื่อนๆ ก็มี เดือดร้อนอะไรก็บอกพวกฉันได้ ยินดีช่วยเสมอ” มิรินด้าจับมืออย่างให้กำลังใจ เพียงเท่านี้น้ำตาแห่งความปลื้มปิติก็เอ่อคลอ
“ขอบคุณทุกคนมากนะ” เอื้องฟ้ามองหน้าเพื่อนทุกคนแล้วร้องไห้ เธอโชคดีที่เจอเพื่อนดี แม้จะร่ำรวยกว่าแต่ไม่เคยสักครั้งที่จะดูถูกกัน เพื่อนกลุ่มนี้วัดคุณค่าของคนด้วยนิสัยใจคอ หาใช่เงินทองที่โหมประโคมตัว
“เอ้าๆ ไม่ม่าๆ ดื่มให้กับยัยชมพู่หน่อย ในที่สุดนางก็มีหลัวเป็นตัวเป็นตนแล้วค่า ฮิ้ว!” มิรินด้าชูแก้วเหล้าไปตรงกลางวง ส่วนเอื้องฟ้าเป็นอันรู้กันว่าไม่ดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด หญิงสาวดื่มน้ำผลไม้สีสันสดใสที่เพื่อนๆ สั่งเตรียมไว้ให้โดยเฉพาะ
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ชมพู่เมามายไม่ได้สติมิรินด้าจึงอาสาไปส่งเพราะดูท่าแล้วคงขับรถกลับบ้านไม่ไหวแน่ ส่วนเอื้องฟ้าน้ำฝนรับหน้าที่ไปส่งด้วยตนเอง หญิงสาวพูดคุยแลกเปลี่ยนสารทุกข์สุขดิบกันมาตลอดทาง ต่างก็ห่วงใยซึ่งกันและกัน น้ำฝนชวนให้เอื้องฟ้าไปทำงานที่บริษัทของตนแต่อีกฝ่ายปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่าไม่ต้องการถูกมองว่าเป็นเด็กเส้น อีกอย่างหน้าที่การงานที่ทำอยู่ก็คงที่แล้ว ทั้งตำแหน่งและเงินเดือนสามารถส่งเสียเลี้ยงดูตายายได้อย่างสบายๆ
“ขอบใจมากนะฝน” หล่อนโบกมือลาเพื่อนสาวหลังลงจากรถคันหรู ยืนมองจนลับสายตาก่อนหมุนตัวหมายจะเดินเข้าตึก หอพักราคาปานกลางที่อาศัยหลับนอนร่วมกว่าสองปี
“อื้อ!!!” แต่แล้วจู่ๆ ก็มีมือปริศนาปิดปากเธอจากทางด้านหลังแล้วลากร่างบางไปยังมุมมืดของตึกร้างที่อยู่ไม่ไกลจากหอพัก เอื้องฟ้าพยายามดิ้นรนสุดชีวิต สองมือจิกข่วนท่อนแขนกำยำจนเลือดซิบ แต่มันก็ไม่ปล่อยหล่อนให้เป็นอิสระ เท้าเล็กขัดขืนไม่ยอมเดินตามง่ายๆ ทว่าพละกำลังไม่มากพอจะต่อต้าน สุดท้ายโจรชั่วก็นำพาร่างบางมาถึงจุดหมายได้สำเร็จ
“กะ แกต้องการอะไร ยะ อย่าเข้ามานะ!”
น้ำเสียงสั่นพร่าแทบสิ้นสติ ใบหน้าโหดทมิฬแสยะยิ้มน่ารังเกียจ ร่างอ้วนดำสาวเท้าไล่ต้อนเธอช้าๆ
“ถามอะไรโง่ๆ ผู้ชายต้องการอะไรจากผู้หญิงสวยๆ แบบน้องล่ะจ๊ะ” สายตาหื่นกระหายมันแปลเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย เอื้องฟ้าน้ำหูน้ำตาไหล ยกมือไหว้ท่วมหัว
“ยะ อย่าทำอะไรหนูเลยนะ อยากได้เงินเท่าไรเอาไปให้หมดเลย พี่ปล่อยหนูไปเถอะนะ” หล่อนแทบจะก้มกราบชายฉกรรจ์ คนถูกอ้อนวอนระเบิดเสียงหัวเราะลั่นตึกร้าง
“โถๆ น่าสงสารจริงเชียว” มันเชยปลางคางมนขึ้นสบตา แลบลิ้นเลียริมฝีปากดำปื้นพลางสูดลมหายใจเข้าออกแรงๆ
“ทั้งสวยทั้งหอม อืม!” แล้วก็ก้มหน้าลงต่ำให้จมูกอยู่ใกล้แก้มนวล เอื้องฟ้าตัวสั่นราวกับเจ้าเข้า
“พะ พี่ปล่อยหนูไปเถอะ หนูยังมีตายายต้องดูแล เมตตาหนูเถอะนะพี่” หล่อนหวังเพียงเศษเสี้ยวของความเห็นใจ หารู้ไม่ว่าจิตใจของโจรชั่วมันเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ไร้ซึ่งความเอื้ออาทรใดๆ ให้เหยื่อ
“พี่ก็ไม่ได้จะฆ่าแกงน้องเสียหน่อย แค่อยากขอชิมเนื้อหวานๆ สักยกสองยกเท่านั้น พี่น่ะ… แอบมองน้องมานานแล้วน้า”
โจรถ่อยไล่สายตามองร่างบางตั้งแต่หัวจรดเท้า รูปร่างหน้าตาแบบนี้ถ้าได้สักครั้งจะไม่ลืมพระคุณเลยเชียว
“หนูกราบจ้ะพี่ สงสารหนูเถอะ ฮือๆ”
เอื้องฟ้าร้องไห้ปริ่มจะขาดใจ เธอไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อได้หากต้องถูกย่ำยีศักดิ์ศรีอย่างไร้ค่า แล้วผู้ชายประเภทนี้จะเอาโรคมาติดด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้ เธอจะรับมือไหวได้อย่างไร เพียงแค่คิดก็ปวดร้าวจนแทบอยากตายให้รู้แล้วรู้รอด
ได้โปรดเถอะสวรรค์… อย่าให้ลูกต้องเจอชะตากรรมเลวร้ายเช่นนั้นเลย
“พี่น่ะ อ๊าค!” ร่างอ้วนดำเหม็นเหงื่อล้มฟุบต่อหน้าต่อตา เอื้องฟ้ามองคนที่มาช่วยเธออย่างอึ้งๆ
“ไปเร็ว!” เสียงเข้มกระชากใส่สุดพลัง
“บ้าเอ๊ย! จะนั่งรอให้มันฟื้นมาปล้ำเธอหรือไง มานี่!”
ปริญคว้าแขนเรียวกระชากร่างบางลอยหวือออกจากตึกร้าง
ชายหนุ่มเปิดประตูรถจับคนขวัญเสียยัดเข้าไปด้านใน เอื้องฟ้ายังสั่นเทาไม่เลิก สายตาหวาดระแวงคอยมองกระจกหลังตลอดเวลา
“ไม่ต้องกลัว เธอปลอดภัยแล้ว”
ประโยคสุดท้ายที่รับรู้ก่อนสติสัมปชัญญะจะเลือนหายไป…