E-Fortuity นายคือความบังเอิญของฉัน | 1
แสงแดดอ่อน ๆ ในยามเช้าวันใหม่ที่สุดแสนจะสดใส ฉันตื่นขึ้นมาในตอนแปดโมงเช้า เพื่อเตรียมตัวที่จะไปเรียนวันแรก
ใช่ค่ะ วันนี้คือวันเปิดเทอมวันแรกของเด็กเฟรชชีใส ๆ ปี 1 อย่างฉัน ‘ใบหม่อน’ สาวน้อยผู้ร่าเริงสดใสที่สุดในโลกใบนี้ (พ่อกับแม่ฉันบอก)
บอกตามตรงเลยนะ ฉันโคตรของโคตรตื่นเต้นเลยที่วันนี้ฉันจะได้ไปเรียนวันแรก แบบว่า…ฉันเป็นเด็กต่างจังหวัดอ่ะ เข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ ตัวคนเดียว เพื่อน ๆ ที่สนิทกันตอนมอปลายก็สอบติดกันคนละที่ ฉันก็เลยต้องมาอยู่หอพักในเมืองกรุงแบบเหงา ๆ แค่คนเดียว
ถ้าจะถามว่าทำไมฉันไม่อยู่กับรูมเมทล่ะ เหตุผลก็คือฉันค่อนข้างโลกส่วนตัวสูงนิสนึงงงง แบบว่าอยู่กับใครไม่ค่อยได้ มันรู้สึกสะดวกและสบายใจที่จะอยู่คนเดียวมากกว่าอ่ะค่ะ
ในขณะที่ฉันกำลังพล่ามอะไรยาวเหยียดอยู่นี่ฉันก็กำลังอาบน้ำแต่งตัวไปด้วย
ใช้เวลาเกือบยี่สิบนาทีฉันก็แต่งตัวเสร็จและพร้อมที่จะไปที่มหา’ลัยแล้ว วันนี้มีนัดปฐมนิเทศนักศึกษาชั้นปี 1 ที่คณะตอนสิบโมง หอฉันกับคณะไม่ค่อยไกลกันมากเท่าไหร่ นั่งวินมอเตอร์ไซด์ไปแค่สิบนาทีก็ถึงแล้วค่ะ
“พี่คะ ไปส่งคณะบริหารฯ มหาลัย ZX ค่ะ”
ฉันพูดบอกพี่คนขับวินมอเตอร์ไซด์พร้อมกับรับหมวกกันน็อคจากพี่แกมาสวมใส่ แล้วขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายทันที
ณ คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี
ไม่นานฉันก็มาถึงคณะของตัวเองแล้ว แต่ตอนนี้ฉันกำลังมีปัญหาใหญ่หลวง ก็คือ กำลังสับสนงุนงงว่าไอ้ห้องประชุมใหญ่ BU-1 มันอยู่ตรงไหน แล้วคณะนี้มันก็ใหญ่โตอลังการด้วยไง มีตั้งหลายตึก ฉันจะห้องประชุมหาเจอไหมเนี่ย!?
“เอ่อ…ขอโทษนะคะ ห้องประชุม BU-1 ไปทางไหนเหรอคะ?” ฉันตัดสินใจเดินเข้าไปถามผู้ชายตัวสูงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกล พอได้มองหน้าเขาแบบใกล้ ๆ เขาดูหล่อ แล้วก็ดูดีมากเลยแหละ
“ถามผม?”
เขาเลิกคิ้วสูงและชี้นิ้วเข้าหาตัวเองพร้อมกับถามฉันกลับ ฉันจึงพยักหน้าตอบเขาไป ก็ฉันกำลังยืนคุยอยู่กับเขา จะให้ฉันถามใครได้ล่ะ
“ค่ะ”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน หาอยู่เหมือนกันเนี่ย!” เขาตอบกลับมาแบบกวน ๆ ทำเอาฉันพูดอะไรไม่ออก ยืนมองหน้าเขานิ่ง
“…...”
“แม่งเอ๊ย! คณะส้นตีนนี่ก็ใหญ่ฉิบหาย กูหาทั้งชาติก็หาไม่เจอหรอกไอ้หอประชุมเหี้ยนั่น!” เขาสบถออกมาอย่างหัวเสีย ฉันได้แต่มองหน้าเขาแล้วทำตาปริบ ๆ ส่งให้ เพราะกำลังอึ้งกิมกี่อยู่
“เอ่อ…อยู่ปีหนึ่งเหรอคะ?”
“ใช่”
เขาตอบกลับมาแบบหน้าตาย แต่ฉันรู้สึกดีใจอยู่นะที่ได้เจอเพื่อนร่วมชั้นปี ฉันจึงเอ่ยชวนเขาให้ไปช่วยหาห้องประชุมด้วยกัน “งั้นไปหาด้วยกันไหมคะ?”
“ไปดิ เธอนำเลย”
ฉันกับเขาเดินหาห้องประชุมมาเรื่อย ๆ พลางถามคนอื่น ๆ ด้วย จนในที่สุดก็มาถึงหอประชุมจนได้ เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันแฮะ ไอ้หอประชุมนี่ก็ดันมาอยู่ในซอกหลืบด้วย เป็นท้อใจ
ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ ผู้หญิงคนหนึ่ง ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะหันมาเอ่ยทักฉันแบบร่าเริงสดใสสุด ๆ
“หวัดดี ชื่อไรอ่ะ? เราแพรนะ” เธอเอ่ยทักทายและแนะนำตัวเอง พร้อมกับส่งรอยยิ้มตาหยีมาให้ฉัน
“อ้อ เราชื่อใบหม่อน” ฉันพูดตอบพร้อมส่งยิ้มตอบกลับไป
แพรเป็นผู้หญิงที่น่ารักมาก ตาโต ผิวขาว ตัวเล็กน่าทะนุถนอม และก็ดูเป็นมิตรมาก ๆ
“งั้นเรามาเป็นเพื่อนกันได้ปะ กำลังหาเพื่อนอยู่พอดีเลย”
“ได้สิ” ฉันตอบแพรไปพร้อมกับเหลือบตาไปเห็นนายคนนั้นที่ตามหาห้องประชุมพร้อมกับฉัน เขากำลังนั่งอยู่เก้าอี้แถวข้างหน้าฉัน 1 แถวติดกับประตูทางเข้า
เอาจริง ๆ อย่าเรียกว่าช่วยกันตามหาห้องประชุมเลย เพราะนายนั่นแทบไม่ได้ช่วยฉันหาเลยค่ะ เพราะเขาเอาแต่เดินตามฉันต้อย ๆ น่ะสิ แต่จะว่าไปยังไม่รู้จักชื่อนายนั่นเลยแฮะ
“เออใบหม่อน มึงจบจากที่ไหนอ่ะ?”
“ฮะ?” ฉันเบิกตาโตด้วยความงงงวยที่อยู่ ๆ แพรมันก็พูดคำหยาบกับฉันเฉย เพิ่งรู้จักกันยังไม่ถึงสิบนาทีเองนะเฮ้ย
“โทษ ๆ พอดีติดคำหยาบอ่ะ ฮ่า ๆ พูดได้ปะ?”
“อ้อ ได้สิ ตามสบายมึงเลย” ฉันไม่ใช่คนถือตัว จึงไม่คิดมาก
“ดีมากเพื่อน ตกลงมึงจบจากที่ไหนเหรอ?”
ฉันเล่าเรื่องของฉันให้ยัยแพรฟังพร้อมกับยัยแพรก็เล่าเรื่องของมันให้ฉันฟังเหมือนกัน เราเลยรู้สึกสนิทสนมกันมากขึ้น เพราะยัยแพรเนี่ยมันเป็นคนชิลล์ ๆ แบบเป็นกันเองสุด ๆ ฉันเลยรู้สึกสบายใจ
“ปีหนึ่งเงียบครับ”
จากตอนแรกที่ห้องประชุมค่อนข้างเสียงดังเพราะทุก ๆ คนพากันตื่นเต้นดีใจที่ได้เจอเพื่อนใหม่ อยู่ ๆ ก็มีเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาจากข้างหน้าเวที ทำให้ทุกคนหยุดพูดอัตโนมัติและหันไปมองที่ต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียงกัน รวมถึงฉันและแพรด้วย
“ผมชื่อธาวิน อยู่ปีสาม เป็นประธานฝ่ายวินัยที่จะมาคอยควบคุมพฤติกรรมของพวกคุณตลอดระยะเวลาที่รับน้องและเข้าเชียร์...ไว้เจอกันวันมะรืนนี้นะครับ” พี่ธาวินพูดแนะนำตัวจบก็เดินลงเวทีไป ทำเอาทั้งห้องประชุมพากันทำหน้างุนงง
และใช่แล้ว วันมะรืนนี้เป็นวันแรกที่ปี 1 จะต้องเข้าร่วมซ้อมเชียร์ แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว อยากรู้จังว่าจะเป็นยังไง
“สวัสดีค่ะ พี่ชื่อพี่ขวัญนะ เป็นหัวหน้าฝ่ายสันทนาการ”
พี่ประธานฝ่ายต่าง ๆ ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นมาแนะนำตัวเองให้พวกเรารู้จักจนครบทุกฝ่าย และหลังจากนั้นก็เป็นการแนะนำคณะ ตึกเรียน สถานที่และห้องเรียนต่าง ๆ
พอเสร็จกิจกรรมทั้งหมดแล้ว พี่ ๆ ก็ปล่อยให้พวกเราไปพักผ่อนตามอัธยาศัยได้ ฉันจึงเดินมาหาอะไรกินที่โรงอาหารคณะพร้อมกับยัยแพร
จู่ ๆ ผู้คนในโรงอาหารก็เริ่มแตกตื่นขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังดูเงียบสงบอยู่เลย
“เฮ้ยแก! นั่นพี่ ๆ แก๊ง EXTRA ป่ะ โคตรหล่ออ่ะ อ๊ากกกกกก”
“เออ ใช่มะ ๆ หล่อฉิบ”
“หล่ออ่าาา”
เสียงชมว่า ‘หล่อ’ ถูกเอ่ยออกมาจากใครหลายคน แบบไม่ขาดปากจนดังระงมไปทั่วทั้งโรงอาหาร ทำให้ฉันต้องหันไปมองตามสายตาของทุกคน ภาพตรงหน้าคือผู้ชายสี่คนที่หล่อมาก ๆ กำลังเดินตรงเข้ามาในโรงอาหาร ออร่าความหล่อนี่ไม่ต้องพูดถึง คือแบบว่าหล่อทะลุทะลวงมากอ่ะ ขนาดฉันที่ไม่ค่อยสนใจผู้ชายหล่อสักเท่าไหร่ยังละสายตาจากพวกเขาไม่ได้เลย ทั้งสี่คนดูดีมาก ดูมีชาติตระกูลสุด ๆ พวกเขาเป็นดารารึเปล่านะ?
“EXTRA นี่นา” เสียงยัยแพรเอ่ยพูดขึ้นเบา ๆ เหมือนกำลังพึมพำ ฉันจึงเอ่ยถามมันไปด้วยความอยากรู้
“คนพวกนั้นคือใครเหรอ?”
“อ้อ เป็นแก๊งที่ค่อนข้างมีอิทธิพลต่อมหา’ ลัยของเราอ่ะ”
หือ? มีอิทธิพลต่อมหาลัยเหรอ? พวกเขาเป็นพวกมาเฟียหรือนักเลงอย่างนี้เหรอ?
“อิทธิพลอะไรเหรอ?”
“อิทธิพลต่อจิตใจอ่ะ ฮ่า ๆๆ”
“ฮะ?” ฉันทำหน้างงด้วยความไม่เข้าใจให้ยัยแพร “อะไรคืออิทธิพลต่อจิตใจ?”
“มึงก็ดูพวกพี่แกดิหล่อทุกคนเลย มีผลต่อจิตใจขั้นรุนแรงมั่ก ๆ” ยัยแพรพูดพลางทำหน้าเพ้อฝันแบบสุด ๆ จนฉันต้องยิ้มแหยให้มัน
“เดี๋ยว ๆ มึงช่วยเล่าให้เข้าใจหน่อยเส้!”
“อ้อ EXTRA อ่ะ คือชื่อแก๊งพวกพี่แก มีห้าคน EXTRA มาจากตัวอักษรภาษาอังกฤษหน้าชื่อพวกพี่แกมารวมกัน...E คือพี่อีธาน คนที่สองนับจากขวามือ X คือพี่เอ็กซ์คิว คนซ้ายมือสุด T คือพี่ติณ คนขวาสุด R คือพี่โรม คนนี้ไม่ได้มาด้วยอ่ะ สุดท้ายคือ A พี่อาเธอร์คนที่สองนับจากซ้ายมือ”
“โห มึงดูรู้ดีจัง”
“แน่นอน ก่อนมาเรียนกูก็ต้องศึกษาเรื่องพวกนี้มาก่อนสิ” ยัยแพรทำหน้าภูมิอกภูมิใจให้ตัวเอง ทำเอาฉันเริ่มเอือม
“เรื่องผู้ชายเนี่ยนะ?”
“เออใช่ ฮ่า ๆๆ” ยัยแพรพยักหน้ารัว ๆ พลางหัวเราะร่าให้ฉัน ก่อนจะหันไปทำตาหวานเยิ้มให้พวกแก๊ง EXTRA ต่อ
“เออ ที่สำคัญพี่ติณอ่ะเป็นลูกเจ้าของมหาลัยเราด้วยเว้ย เลยทำให้คนทั้งมหาลัยไม่มีใครกล้าไปยุ่งหรือไปหาเรื่องพวกพี่แก แม้แต่พวกอาจารย์เองก็ด้วย”
“อ้อ ดูมีอิทธิพลดีแท้”
“แน่นอนสิ เคยมีครั้งหนึ่งเด็กคณะเรานี่แหละไปหาเรื่องใครสักคนในแก๊งนั้น น่าจะเพราะหมั่นไส้อ่ะ จุดจบคือโดนกระทืบยับแถมโดนไล่ออกจากมหาลัย”
ฉันฟังยัยแพรเล่าเรื่องแก๊งนั้นให้ฟังอยู่นาน แต่ฉันก็จำอะไรไม่ได้มากหรอก เพราะยัยแพรมันเล่ามาเป็นชุดแบบรัวมาก ไม่รู้ใครเป็นใครบ้าง จำไม่ได้เลยสักคน
“เออใบหม่อน มึงจะกลับหอเลยปะ? เดียวกูไปส่ง กูว่าจะกลับล่ะ มีธุระที่บ้านต่อว่ะ”
ตอนบ่ายเราไม่มีเรียนและไม่ต้องเข้าร่วมกิจกรรมต่อ หลายคนจึงพากันทยอยกลับ
“อ้อ กูว่าจะไปส่งเอกสารอ่ะ กูยังส่งเอกสารให้ฝ่ายวิชาการไม่ครบอ่ะ มึงกลับก่อนเลย”
“โอเค ๆ กูไปละ”
“เออ ๆ กลับดี ๆ นะ พรุ่งนี้เจอกัน”
“จ้า” ยัยแพรโบกมือร่ำลาให้ฉันและเดินจากไป
พอยัยแพรเดินไปฉันก็ลุกเดินไปตามหาห้องวิชาการทันที รีบหาห้อง รีบไปส่งเอกสาร จะได้รีบกลับไปนอนตีพุงอยู่ที่หอ คิคิ
ขณะที่ฉันกำลังมึนงงกับทางเดินและตึกคณะอีกแล้วอยู่นั้น เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นด้านหลัง
“โทษที หลบทางหน่อยจะเดิน”
“คะ? …อ้อ”
ฉันงงเล็กน้อยก่อนจะรู้ตัวว่าตัวเองกำลังยืนขวางทางเดินอยู่ จึงรีบหลบให้เขาเดินทันที ขณะนั้นฉันก็มองเห็นใบหน้าของเขาพอดี
คนนี้ถ้าจำไม่ผิดคือหนึ่งในแก๊ง EXTRA นี่แหละ แต่ชื่ออะไรฉันจำไม่ได้หรอก เขาหันมาสบตาฉันแป๊บหนึ่งก่อนจะเดินผ่านเลยไป
สายตาเมื่อกี้คือดูเหมือนไม่มีอะไรแต่ก็ทำให้รู้สึกกลัวอยู่นะ บอกไม่ถูกแฮะ
ฉันเดินหาห้องวิชาการอยู่สักพักหนึ่งก็เจอ ฉันก็เลยรีบเข้าไปส่งเอกสารจนเสร็จเรียบร้อย ในขณะที่กำลังจะเดินไปลงบันได จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเหมือนมีของตกดังมาจากห้องหนึ่ง
“เสียงอะไรอ่ะ?” ฉันบ่นพึมพำกับตัวเองด้วยความสงสัย ก่อนจะค่อย ๆ เดินไปทางห้องนั้นด้วยความอยากรู้
“อือ~”
ตอนนี้ฉันมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องนี้แล้ว และได้ยินเหมือนเสียงใครสักคนร้องครางมาจากในห้อง
เปิดหรือไม่เปิดดีนะ ถ้าข้างในไม่ใช่คนล่ะ ถ้าเปิดไปแล้วไม่เจอใครล่ะ
ในขณะที่ยืนเถียงกับตัวเองอยู่ มือฉันก็ค่อย ๆ เอื้อมไปจับที่ลูกบิดประตู แต่ยังไม่ทันบิดหมุนเปิด อยู่ ๆ ประตูก็เปิดพรวดออกมา
!!!
ฉันตกใจแบบสุดขีด วิ่งหลบออกจากประตูแทบไม่ทัน เกือบโดนประตูอัดหน้าแล้วไหมล่ะ ยัยใบหม่อนเอ๊ย!
“เธอ”
ฉันเงยหน้ามองเจ้าของเสียงที่เพิ่งเปิดประตูออกมา เขาคือคนที่บอกให้ฉันหลบทางก่อนหน้านี้ คนที่อยู่แก๊ง EXTRA นั่นแหละ สภาพผมเขาดูยุ่งเหยิงนิดหน่อย สายตาเขาจ้องมาที่ฉันเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เขาก็ไม่พูดแล้วเดินผ่านฉันไปเลย
ฉันยืนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง ยังไม่ทันได้หายตกใจ ต่อมาก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องนั้นเหมือนกัน สภาพของเธอดูไม่ต่างจากผู้ชายคนนั้นเลย ผมยุ่ง เสื้อผ้ายับ ดูไม่ค่อยเรียบร้อย เธอฉีกยิ้มให้ฉันแล้วก็เดินผ่านหน้าฉันไปแบบไม่ยี่หระ
เอ๊ะ! ตกลงเหตุการณ์เมื่อกี้นี้คืออะไรอ่ะ สองคนนั้นเข้าไปทำอะไรกันในห้องนี้?