bc

[EXTRA] E-Fortuity นายคือความบังเอิญของฉัน

book_age18+
292
FOLLOW
1.4K
READ
sweet
mystery
city
like
intro-logo
Blurb

เรื่องราวความรักของสมาชิกคนแรกแห่งแก๊ง EXTRA ‘อีธาน’ ทายาทเพียงคนเดียวของเจ้าของธุรกิจห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของประเทศไทย เขาคือวายร้ายที่พร้อมจะเล่นงานทุกคนที่คิดจะขัดขวางหรือขวางทางเขา กับสาวน้อย ‘ใบหม่อน’ ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ธรรมดาคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนในเมืองกรุง เธอต้องการความสงบให้ชีวิต แต่เมื่อได้เจอเขาชีวิตของเธอก็ไม่ได้สงบสุขดั่งที่ใจหวังอีกเลย

chap-preview
Free preview
E-Fortuity นายคือความบังเอิญของฉัน | 1
แสงแดดอ่อน ๆ ในยามเช้าวันใหม่ที่สุดแสนจะสดใส ฉันตื่นขึ้นมาในตอนแปดโมงเช้า เพื่อเตรียมตัวที่จะไปเรียนวันแรก ใช่ค่ะ วันนี้คือวันเปิดเทอมวันแรกของเด็กเฟรชชีใส ๆ ปี 1 อย่างฉัน ‘ใบหม่อน’ สาวน้อยผู้ร่าเริงสดใสที่สุดในโลกใบนี้ (พ่อกับแม่ฉันบอก) บอกตามตรงเลยนะ ฉันโคตรของโคตรตื่นเต้นเลยที่วันนี้ฉันจะได้ไปเรียนวันแรก แบบว่า…ฉันเป็นเด็กต่างจังหวัดอ่ะ เข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ ตัวคนเดียว เพื่อน ๆ ที่สนิทกันตอนมอปลายก็สอบติดกันคนละที่ ฉันก็เลยต้องมาอยู่หอพักในเมืองกรุงแบบเหงา ๆ แค่คนเดียว ถ้าจะถามว่าทำไมฉันไม่อยู่กับรูมเมทล่ะ เหตุผลก็คือฉันค่อนข้างโลกส่วนตัวสูงนิสนึงงงง แบบว่าอยู่กับใครไม่ค่อยได้ มันรู้สึกสะดวกและสบายใจที่จะอยู่คนเดียวมากกว่าอ่ะค่ะ ในขณะที่ฉันกำลังพล่ามอะไรยาวเหยียดอยู่นี่ฉันก็กำลังอาบน้ำแต่งตัวไปด้วย ใช้เวลาเกือบยี่สิบนาทีฉันก็แต่งตัวเสร็จและพร้อมที่จะไปที่มหา’ลัยแล้ว วันนี้มีนัดปฐมนิเทศนักศึกษาชั้นปี 1 ที่คณะตอนสิบโมง หอฉันกับคณะไม่ค่อยไกลกันมากเท่าไหร่ นั่งวินมอเตอร์ไซด์ไปแค่สิบนาทีก็ถึงแล้วค่ะ “พี่คะ ไปส่งคณะบริหารฯ มหาลัย ZX ค่ะ” ฉันพูดบอกพี่คนขับวินมอเตอร์ไซด์พร้อมกับรับหมวกกันน็อคจากพี่แกมาสวมใส่ แล้วขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายทันที ณ คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ไม่นานฉันก็มาถึงคณะของตัวเองแล้ว แต่ตอนนี้ฉันกำลังมีปัญหาใหญ่หลวง ก็คือ กำลังสับสนงุนงงว่าไอ้ห้องประชุมใหญ่ BU-1 มันอยู่ตรงไหน แล้วคณะนี้มันก็ใหญ่โตอลังการด้วยไง มีตั้งหลายตึก ฉันจะห้องประชุมหาเจอไหมเนี่ย!? “เอ่อ…ขอโทษนะคะ ห้องประชุม BU-1 ไปทางไหนเหรอคะ?” ฉันตัดสินใจเดินเข้าไปถามผู้ชายตัวสูงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกล พอได้มองหน้าเขาแบบใกล้ ๆ เขาดูหล่อ แล้วก็ดูดีมากเลยแหละ “ถามผม?” เขาเลิกคิ้วสูงและชี้นิ้วเข้าหาตัวเองพร้อมกับถามฉันกลับ ฉันจึงพยักหน้าตอบเขาไป ก็ฉันกำลังยืนคุยอยู่กับเขา จะให้ฉันถามใครได้ล่ะ “ค่ะ” “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน หาอยู่เหมือนกันเนี่ย!” เขาตอบกลับมาแบบกวน ๆ ทำเอาฉันพูดอะไรไม่ออก ยืนมองหน้าเขานิ่ง “…...” “แม่งเอ๊ย! คณะส้นตีนนี่ก็ใหญ่ฉิบหาย กูหาทั้งชาติก็หาไม่เจอหรอกไอ้หอประชุมเหี้ยนั่น!” เขาสบถออกมาอย่างหัวเสีย ฉันได้แต่มองหน้าเขาแล้วทำตาปริบ ๆ ส่งให้ เพราะกำลังอึ้งกิมกี่อยู่ “เอ่อ…อยู่ปีหนึ่งเหรอคะ?” “ใช่” เขาตอบกลับมาแบบหน้าตาย แต่ฉันรู้สึกดีใจอยู่นะที่ได้เจอเพื่อนร่วมชั้นปี ฉันจึงเอ่ยชวนเขาให้ไปช่วยหาห้องประชุมด้วยกัน “งั้นไปหาด้วยกันไหมคะ?” “ไปดิ เธอนำเลย” ฉันกับเขาเดินหาห้องประชุมมาเรื่อย ๆ พลางถามคนอื่น ๆ ด้วย จนในที่สุดก็มาถึงหอประชุมจนได้ เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันแฮะ ไอ้หอประชุมนี่ก็ดันมาอยู่ในซอกหลืบด้วย เป็นท้อใจ ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ ผู้หญิงคนหนึ่ง ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะหันมาเอ่ยทักฉันแบบร่าเริงสดใสสุด ๆ “หวัดดี ชื่อไรอ่ะ? เราแพรนะ” เธอเอ่ยทักทายและแนะนำตัวเอง พร้อมกับส่งรอยยิ้มตาหยีมาให้ฉัน “อ้อ เราชื่อใบหม่อน” ฉันพูดตอบพร้อมส่งยิ้มตอบกลับไป แพรเป็นผู้หญิงที่น่ารักมาก ตาโต ผิวขาว ตัวเล็กน่าทะนุถนอม และก็ดูเป็นมิตรมาก ๆ “งั้นเรามาเป็นเพื่อนกันได้ปะ กำลังหาเพื่อนอยู่พอดีเลย” “ได้สิ” ฉันตอบแพรไปพร้อมกับเหลือบตาไปเห็นนายคนนั้นที่ตามหาห้องประชุมพร้อมกับฉัน เขากำลังนั่งอยู่เก้าอี้แถวข้างหน้าฉัน 1 แถวติดกับประตูทางเข้า เอาจริง ๆ อย่าเรียกว่าช่วยกันตามหาห้องประชุมเลย เพราะนายนั่นแทบไม่ได้ช่วยฉันหาเลยค่ะ เพราะเขาเอาแต่เดินตามฉันต้อย ๆ น่ะสิ แต่จะว่าไปยังไม่รู้จักชื่อนายนั่นเลยแฮะ “เออใบหม่อน มึงจบจากที่ไหนอ่ะ?” “ฮะ?” ฉันเบิกตาโตด้วยความงงงวยที่อยู่ ๆ แพรมันก็พูดคำหยาบกับฉันเฉย เพิ่งรู้จักกันยังไม่ถึงสิบนาทีเองนะเฮ้ย “โทษ ๆ พอดีติดคำหยาบอ่ะ ฮ่า ๆ พูดได้ปะ?” “อ้อ ได้สิ ตามสบายมึงเลย” ฉันไม่ใช่คนถือตัว จึงไม่คิดมาก “ดีมากเพื่อน ตกลงมึงจบจากที่ไหนเหรอ?” ฉันเล่าเรื่องของฉันให้ยัยแพรฟังพร้อมกับยัยแพรก็เล่าเรื่องของมันให้ฉันฟังเหมือนกัน เราเลยรู้สึกสนิทสนมกันมากขึ้น เพราะยัยแพรเนี่ยมันเป็นคนชิลล์ ๆ แบบเป็นกันเองสุด ๆ ฉันเลยรู้สึกสบายใจ “ปีหนึ่งเงียบครับ” จากตอนแรกที่ห้องประชุมค่อนข้างเสียงดังเพราะทุก ๆ คนพากันตื่นเต้นดีใจที่ได้เจอเพื่อนใหม่ อยู่ ๆ ก็มีเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาจากข้างหน้าเวที ทำให้ทุกคนหยุดพูดอัตโนมัติและหันไปมองที่ต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียงกัน รวมถึงฉันและแพรด้วย “ผมชื่อธาวิน อยู่ปีสาม เป็นประธานฝ่ายวินัยที่จะมาคอยควบคุมพฤติกรรมของพวกคุณตลอดระยะเวลาที่รับน้องและเข้าเชียร์...ไว้เจอกันวันมะรืนนี้นะครับ” พี่ธาวินพูดแนะนำตัวจบก็เดินลงเวทีไป ทำเอาทั้งห้องประชุมพากันทำหน้างุนงง และใช่แล้ว วันมะรืนนี้เป็นวันแรกที่ปี 1 จะต้องเข้าร่วมซ้อมเชียร์ แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว อยากรู้จังว่าจะเป็นยังไง “สวัสดีค่ะ พี่ชื่อพี่ขวัญนะ เป็นหัวหน้าฝ่ายสันทนาการ” พี่ประธานฝ่ายต่าง ๆ ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นมาแนะนำตัวเองให้พวกเรารู้จักจนครบทุกฝ่าย และหลังจากนั้นก็เป็นการแนะนำคณะ ตึกเรียน สถานที่และห้องเรียนต่าง ๆ พอเสร็จกิจกรรมทั้งหมดแล้ว พี่ ๆ ก็ปล่อยให้พวกเราไปพักผ่อนตามอัธยาศัยได้ ฉันจึงเดินมาหาอะไรกินที่โรงอาหารคณะพร้อมกับยัยแพร จู่ ๆ ผู้คนในโรงอาหารก็เริ่มแตกตื่นขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังดูเงียบสงบอยู่เลย “เฮ้ยแก! นั่นพี่ ๆ แก๊ง EXTRA ป่ะ โคตรหล่ออ่ะ อ๊ากกกกกก” “เออ ใช่มะ ๆ หล่อฉิบ” “หล่ออ่าาา” เสียงชมว่า ‘หล่อ’ ถูกเอ่ยออกมาจากใครหลายคน แบบไม่ขาดปากจนดังระงมไปทั่วทั้งโรงอาหาร ทำให้ฉันต้องหันไปมองตามสายตาของทุกคน ภาพตรงหน้าคือผู้ชายสี่คนที่หล่อมาก ๆ กำลังเดินตรงเข้ามาในโรงอาหาร ออร่าความหล่อนี่ไม่ต้องพูดถึง คือแบบว่าหล่อทะลุทะลวงมากอ่ะ ขนาดฉันที่ไม่ค่อยสนใจผู้ชายหล่อสักเท่าไหร่ยังละสายตาจากพวกเขาไม่ได้เลย ทั้งสี่คนดูดีมาก ดูมีชาติตระกูลสุด ๆ พวกเขาเป็นดารารึเปล่านะ? “EXTRA นี่นา” เสียงยัยแพรเอ่ยพูดขึ้นเบา ๆ เหมือนกำลังพึมพำ ฉันจึงเอ่ยถามมันไปด้วยความอยากรู้ “คนพวกนั้นคือใครเหรอ?” “อ้อ เป็นแก๊งที่ค่อนข้างมีอิทธิพลต่อมหา’ ลัยของเราอ่ะ” หือ? มีอิทธิพลต่อมหาลัยเหรอ? พวกเขาเป็นพวกมาเฟียหรือนักเลงอย่างนี้เหรอ? “อิทธิพลอะไรเหรอ?” “อิทธิพลต่อจิตใจอ่ะ ฮ่า ๆๆ” “ฮะ?” ฉันทำหน้างงด้วยความไม่เข้าใจให้ยัยแพร “อะไรคืออิทธิพลต่อจิตใจ?” “มึงก็ดูพวกพี่แกดิหล่อทุกคนเลย มีผลต่อจิตใจขั้นรุนแรงมั่ก ๆ” ยัยแพรพูดพลางทำหน้าเพ้อฝันแบบสุด ๆ จนฉันต้องยิ้มแหยให้มัน “เดี๋ยว ๆ มึงช่วยเล่าให้เข้าใจหน่อยเส้!” “อ้อ EXTRA อ่ะ คือชื่อแก๊งพวกพี่แก มีห้าคน EXTRA มาจากตัวอักษรภาษาอังกฤษหน้าชื่อพวกพี่แกมารวมกัน...E คือพี่อีธาน คนที่สองนับจากขวามือ X คือพี่เอ็กซ์คิว คนซ้ายมือสุด T คือพี่ติณ คนขวาสุด R คือพี่โรม คนนี้ไม่ได้มาด้วยอ่ะ สุดท้ายคือ A พี่อาเธอร์คนที่สองนับจากซ้ายมือ” “โห มึงดูรู้ดีจัง” “แน่นอน ก่อนมาเรียนกูก็ต้องศึกษาเรื่องพวกนี้มาก่อนสิ” ยัยแพรทำหน้าภูมิอกภูมิใจให้ตัวเอง ทำเอาฉันเริ่มเอือม “เรื่องผู้ชายเนี่ยนะ?” “เออใช่ ฮ่า ๆๆ” ยัยแพรพยักหน้ารัว ๆ พลางหัวเราะร่าให้ฉัน ก่อนจะหันไปทำตาหวานเยิ้มให้พวกแก๊ง EXTRA ต่อ “เออ ที่สำคัญพี่ติณอ่ะเป็นลูกเจ้าของมหาลัยเราด้วยเว้ย เลยทำให้คนทั้งมหาลัยไม่มีใครกล้าไปยุ่งหรือไปหาเรื่องพวกพี่แก แม้แต่พวกอาจารย์เองก็ด้วย” “อ้อ ดูมีอิทธิพลดีแท้” “แน่นอนสิ เคยมีครั้งหนึ่งเด็กคณะเรานี่แหละไปหาเรื่องใครสักคนในแก๊งนั้น น่าจะเพราะหมั่นไส้อ่ะ จุดจบคือโดนกระทืบยับแถมโดนไล่ออกจากมหาลัย” ฉันฟังยัยแพรเล่าเรื่องแก๊งนั้นให้ฟังอยู่นาน แต่ฉันก็จำอะไรไม่ได้มากหรอก เพราะยัยแพรมันเล่ามาเป็นชุดแบบรัวมาก ไม่รู้ใครเป็นใครบ้าง จำไม่ได้เลยสักคน “เออใบหม่อน มึงจะกลับหอเลยปะ? เดียวกูไปส่ง กูว่าจะกลับล่ะ มีธุระที่บ้านต่อว่ะ” ตอนบ่ายเราไม่มีเรียนและไม่ต้องเข้าร่วมกิจกรรมต่อ หลายคนจึงพากันทยอยกลับ “อ้อ กูว่าจะไปส่งเอกสารอ่ะ กูยังส่งเอกสารให้ฝ่ายวิชาการไม่ครบอ่ะ มึงกลับก่อนเลย” “โอเค ๆ กูไปละ” “เออ ๆ กลับดี ๆ นะ พรุ่งนี้เจอกัน” “จ้า” ยัยแพรโบกมือร่ำลาให้ฉันและเดินจากไป พอยัยแพรเดินไปฉันก็ลุกเดินไปตามหาห้องวิชาการทันที รีบหาห้อง รีบไปส่งเอกสาร จะได้รีบกลับไปนอนตีพุงอยู่ที่หอ คิคิ ขณะที่ฉันกำลังมึนงงกับทางเดินและตึกคณะอีกแล้วอยู่นั้น เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นด้านหลัง “โทษที หลบทางหน่อยจะเดิน” “คะ? …อ้อ” ฉันงงเล็กน้อยก่อนจะรู้ตัวว่าตัวเองกำลังยืนขวางทางเดินอยู่ จึงรีบหลบให้เขาเดินทันที ขณะนั้นฉันก็มองเห็นใบหน้าของเขาพอดี คนนี้ถ้าจำไม่ผิดคือหนึ่งในแก๊ง EXTRA นี่แหละ แต่ชื่ออะไรฉันจำไม่ได้หรอก เขาหันมาสบตาฉันแป๊บหนึ่งก่อนจะเดินผ่านเลยไป สายตาเมื่อกี้คือดูเหมือนไม่มีอะไรแต่ก็ทำให้รู้สึกกลัวอยู่นะ บอกไม่ถูกแฮะ ฉันเดินหาห้องวิชาการอยู่สักพักหนึ่งก็เจอ ฉันก็เลยรีบเข้าไปส่งเอกสารจนเสร็จเรียบร้อย ในขณะที่กำลังจะเดินไปลงบันได จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเหมือนมีของตกดังมาจากห้องหนึ่ง “เสียงอะไรอ่ะ?” ฉันบ่นพึมพำกับตัวเองด้วยความสงสัย ก่อนจะค่อย ๆ เดินไปทางห้องนั้นด้วยความอยากรู้ “อือ~” ตอนนี้ฉันมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องนี้แล้ว และได้ยินเหมือนเสียงใครสักคนร้องครางมาจากในห้อง เปิดหรือไม่เปิดดีนะ ถ้าข้างในไม่ใช่คนล่ะ ถ้าเปิดไปแล้วไม่เจอใครล่ะ ในขณะที่ยืนเถียงกับตัวเองอยู่ มือฉันก็ค่อย ๆ เอื้อมไปจับที่ลูกบิดประตู แต่ยังไม่ทันบิดหมุนเปิด อยู่ ๆ ประตูก็เปิดพรวดออกมา !!! ฉันตกใจแบบสุดขีด วิ่งหลบออกจากประตูแทบไม่ทัน เกือบโดนประตูอัดหน้าแล้วไหมล่ะ ยัยใบหม่อนเอ๊ย! “เธอ” ฉันเงยหน้ามองเจ้าของเสียงที่เพิ่งเปิดประตูออกมา เขาคือคนที่บอกให้ฉันหลบทางก่อนหน้านี้ คนที่อยู่แก๊ง EXTRA นั่นแหละ สภาพผมเขาดูยุ่งเหยิงนิดหน่อย สายตาเขาจ้องมาที่ฉันเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เขาก็ไม่พูดแล้วเดินผ่านฉันไปเลย ฉันยืนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง ยังไม่ทันได้หายตกใจ ต่อมาก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องนั้นเหมือนกัน สภาพของเธอดูไม่ต่างจากผู้ชายคนนั้นเลย ผมยุ่ง เสื้อผ้ายับ ดูไม่ค่อยเรียบร้อย เธอฉีกยิ้มให้ฉันแล้วก็เดินผ่านหน้าฉันไปแบบไม่ยี่หระ เอ๊ะ! ตกลงเหตุการณ์เมื่อกี้นี้คืออะไรอ่ะ สองคนนั้นเข้าไปทำอะไรกันในห้องนี้?

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

เชลยรักท่านอ๋องอำมหิต

read
14.4K
bc

แม่หมอแห่งซูโจว

read
6.6K
bc

พะยอมอธิษฐาน

read
2.1K
bc

คุณหนูสิบเจ็ดตระกูลเจียง

read
9.2K
bc

พันธะร้าย..ดวงใจรัก

read
1.2K
bc

รักต้นฉบับ(ไม่ลับ)แม่มดมนตรา

read
1K
bc

ป๊ะป๋าผมเป็นมาเฟีย

read
2.0K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook