เย็นวันต่อมา…..
ฉันเดินลงมาจากตึกพร้อมเพลินแล้วมาแยกกันตรงลานจอดรถเพราะฉันไม่ได้มีรถ ปกติเพลินจะเป็นคนไปรับไปส่งฉันตลอดแต่วันนี้มันมีธุระ ฉันเลยต้องไปผับเอง
“มิณาริน ใช่ไหม”
ฉันมองหน้าผู้หญิงคนที่เอ่ยถามฉันก่อนขมวดคิ้วเข้าหากัน เพราะฉันไม่เคยรู้จักผู้หญิงคนนี้แน่และยังมีผู้หญิงอีกสี่คนเดินเข้ามาสมทบ ฉันหรี่ตามองพวกนี้แล้วถอนหายใจออกมาทันที
“ใช้ตั้งห้าคนเลยเหรอ น่าภูมิใจชะมัด” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันก่อนแสยะยิ้มให้พวกหมาหมู่ตรงหน้าอย่างท้าทาย แค่ฉันคนเดียวต้องเสียเงินจ้างมาตั้งห้าคน อ่อนชะมัด
“ปากดีใช้ได้นิ แต่เก็บไว้ร้องขอชีวิตจะดีกว่านะ” ผู้หญิงคนเดิมพูดขึ้นก่อนจะหันไปพยักหน้าให้สี่คนที่เหลือพากันเข้ามาล็อกแขนฉัน
ปึกก...ตุ๊บบบบ
ฉันออกแรงถีบเข้าที่ท้องของผู้หญิงอีกคนที่อ้างมือทำท่าจะตบฉันล่วงไปกองอยู่กับพื้น หึ ไม่ได้แดกกูหรอก ล็อกแค่แขนแต่ตีนยังใช้ได้เว้ย
“เก่งนักเหรอมึง”
ปึกกก
อุกกกก////
อีคนเดิมพูดขึ้นก่อนจะเดินเข้ามาต่อยท้องฉันอย่างแรงจนจุกไปหมด แมร่งงง...แน่จริงอย่ารุมดิวะ ฉันคิดว่าฉันไม่มีทางแพ้มันแน่ถ้าตัวต่อตัว
เพียะ...เพียะ//
ฝ่ามือของอีคนเดิมฟาดเข้ามาที่หน้าฉันอย่างแรงสองทีโดยไม่เว้นช่วงให้ฉันตั้งหลักเลยแม้แต่น้อย ฉันหันหน้ากลับมามองมันพลางเอาลิ้นดุ้นแก้มข้างที่โดนตบด้วยแววตาที่โกรธจัด ฉันไม่เคยทำร้ายให้ก่อนแล้วฉันก็จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายแบบนี้แน่
“อย่าลืมกลับไปบอกบรรพบุรุษมึงด้วยนะ ว่าล้มกูได้ด้วยหมาห้าตัว หึ”
“อีสัส! ได้ไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มแน่มึง”
เพียะ///
แล้วฝ่ามือมันก็ฟาดลงมาซ้ำข้างเดิมอีกทีด้วยน้ำหนักที่แรงกว่าทีแรกเป็นสองเท่า ก่อนมันจะพูดประโยคที่ทำให้ฉันรู้ทันทีว่ามันทำร้ายฉันเพราะอะไร
“เลิกยุ่งกับรุ่นพี่ยูตะ ไม่งั้นมึงหน้าไม่สวยแบบนี้แน่”
“ถุย! กูต้องกลัว..”
มันอ้างมือจะตบฉันอีกรอบแต่มีมือหน้ามารับไว้ได้ซะก่อนแล้วบีบข้อมือผู้หญิงคนนั้นจนมันทำหน้าเหยเกเพราะความเจ็บ มาเร็วกว่านี้ก็ไม่ได้เนอะ..โดนไปตั้งสามทีแล้วเนี่ย
“ระ...รุ่นพี่ยะ..ยูตะ” อีคนเดิมเอ่ยเรียกชื่อเขาแบบตะกุกตะกัก หน้าถอดสีกันหมด อีสองคนที่ล็อกแขนฉันก็ปล่อยทันทีจนฉันแทบล้มเพราะยังจุกท้องอยู่ดีที่เฮียยูตะเอาแขนอีกข้างมาโอบเอวประคองตัวฉันไว้ทัน ฉันเลยเผลอทิ้งน้ำหนักไปที่แผงอกเขาทั้งตัว ก่อนที่เพลินตาจะวิ่งเข้ามาช่วยประคองฉันไว้ มันซินะที่ไปบอกให้เฮียมาช่วยฉัน
“กล้าดียังไงมาแตะต้องผู้หญิงของฉัน ห๊ะ! คงจะไม่อยากตายดีกันซินะ” เฮียยูตะปล่อยมืออีคนที่ตบฉันอย่างแรงจนมันล้มลงไปกองอยู่กับพื้นแล้วตวาดเสียงดังลั่นจนพวกมันหน้าหดกันหมดแต่ก็ไม่มีใครกล้าขยับตัวไปไหนกันสักคนเพราะมีรุ่นพี่ดินและรุ่นพี่ธามยืนจ้องพวกนั้นอยู่ด้านหลังอย่างเอาเรื่อง
“ฉัน..ขะ..ขอโทษค่ะ ระ..รุ่นพี่”
“หึ พวกเธอได้เจอของจริงแน่” สิ้นเสียงเฮียยูตะก็มีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งประมาณสิบกว่าคนได้ เดินตรงเข้ามาล็อกตัวอีพวกนั้นไว้ ฉันส่ายหน้าให้กับชะตากรรมพวกมันทันทีเพราะฉันรู้แล้วว่าพวกมันจะเจอกับอะไร แต่ฉันขอเอาคืนก่อนละกัน
ฉันหันมาพยักหน้าให้เพลินก่อนจะเดินเข้าไปหาอีแกนนำที่มันตบฉันตั้งหลายทีแล้วจงใจพูดขึ้นเสียงดังเพื่อให้คนที่อยู่เบื้องหลังพวกมันได้ยินอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ขอโทษด้วยนะ ที่สถานะเรามันต่างกัน เพราะฉันเป็นผู้หญิงของเขาแต่พวกมึงดันถูกจ้างมาจากผู้หญิงที่เขาไม่ได้เลือก ก้มหน้ารับกรรมไปนะ”
เพียะ...เพียะ///
พูดจบฉันก็ตบหน้ามันอย่างแรงสองทีจนหน้ามันสะบัดไปอีกทางก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“มึงตบกูสาม แต่กูเอาคืนแค่สอง เพราะอีกทีหนึ่งกูจะเก็บไว้ให้คนที่จ้างพวกมึงมา ฝากไปบอกด้วยนะ ถ้าอยากจะได้ผู้ชายของกูอ่ะ กล้าๆ กว่านี้หน่อย”
พูดจบฉันก็หันไปหาเฮียยูตะก่อนที่เขาจะเข้ามาประคองฉันอย่างรู้งาน เพราะฉันคิดว่ายัยซายะน่าจะดูอยู่แน่ๆ แล้วตอนนี้น่าสั่นเป็นเจ้าเข้าไปแล้วมั้งด้วยคำพูดฉันและท่าทางของเฮียยูตะ แต่ที่ฉันพูดไปเพราะโทสะล้วนๆ คิดว่าฉันจะอ่อนแอให้ใครมารังแกง่ายๆ รึไง หึ
@ ผับ
ตอนแรกเฮียยูตะจะพาฉันไปโรงพยาบาลแต่ฉันไม่ไป เขาก็เลยแวะซื้อยาที่ร้านขายยาก่อนจะพาฉันมาที่ผับ ส่วนเพลินก็แยกกันตั้งแต่ที่มหาลัยแล้ว
“เอามาฉันทำเองได้” ฉันร้องท้วงขึ้นพลางจับมือเขาเอาไว้เมื่อเขาจะทายาที่มุมปากให้ฉันพลางยื้อแย่งหลอดยานั่นจะมาทาเอง แต่เขาไม่ยอมพลางส่งเสียงจิจ๊ะในลำคอก่อนจะเอ่ยบอกฉันเสียงดุ
“จิ๊ อยู่เฉยๆ”
พูดน้อยไปเปล่าวะวันเนี่ย แปลกๆ ตัวเขาก็ร้อนๆ ด้วย..หรือว่าจะไม่สบาย
“ฉันว่านายต้องทำอะไรสักอย่างแล้วนะ ยัยนั่นคงไม่หยุดแค่นี้แน่” พี่หนูดาพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูเป็นกังวลสุดๆ
“ฉันไม่ปล่อยไว้แน่” เฮียยูตะพูดขึ้นพลางขบกรามแน่น เขาโกรธที่พวกนั้นมาทำร้ายฉันอย่างงั้นเหรอ...ทั้งๆ ที่ฉันก็เป็นแต่คนที่เขาจ้างมาเท่านั้น ทำไมต้องโกรธขนาดนี้ด้วย
“ว่าแต่ทำไมยัยซายะนั่นถึงอยากได้นายขนาดนั้นวะ” พี่หนูดาถามขึ้นพลางทำท่าคิดหนัก นั้นดิ..จะอยากได้อะไรนักหนาไม่เห็นจะมีดีตรงไหน แต่คำตอบที่หลุดออกมาจากปากเขาทำให้ฉันอึ้งไปเลย นางไปเอาความมั่นใจมาจากไหน
“ก็ผมหล่อไง”
“แหวะ~” ฉันกับพี่หนูดาทำท่าจะอ้วกออกมาพร้อมกันจนเฮียยูตะหันมาทำตาขวางใส่ฉัน
“เมื่อคืนมึงนอนนี่ง่ะ” รุ่นพี่ดินเอ่ยถามขึ้นก่อนที่เฮียยูตะจะพยักหน้าให้แทนคำตอบพลางเก็บหลอดยาใส่ถุง
“ตัวเปียกโชกขนาดนั้นอ่ะนะ ดีนะที่ยังลุกไหว ไม่เป็นปอดบวมตายซะก่อน”
“ทำไมถึงเปียก ตากฝนมาเหรอ” สิ้นเสียงพี่หนูดาฉันหันไปคาดคั้นเอาคำตอบจากเฮียยูตะทันที เขาไปตากฝนที่ไหนมา เขาคงไม่ได้ตามฉันออกไปหรอกนะ
“อ้าว ก็ยูตะตามมะ..”
“ไปรับเด็ก! กูออกไปรับเด็กก็เลยเปียกฝน” พี่หนูดายังพูดไม่ทันจบเฮียยูตะก็ขัดขึ้นมาซะก่อน แล้วทั้งพี่หนูดา รุ่นพี่ดินและรุ่นพี่ธามก็หันมองหน้ากันแบบยิ้มๆ ฉันก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แต่ที่รู้แน่ๆ คืออิเฮียยูตะนี่หมกมุ่นเรื่องใต้สะดือขั้นหนักเลยล่ะ กลางวันคน เย็นอีกคน กูว่าไม่พ้นเป็นโรคตายแหงๆ
“ฟ้าผ่าตายท่านั้น อายถึงพ่อแม่เลยนะ หึ” ฉันพูดขึ้นลอยๆ แต่จริงๆ ก็แขวะเขานั่นแหละ
“เหอะ..ใครจะเล่นกันในรถเหมือน”
ฉันหันขวับมองหน้าเขาทันทีแล้วเขาก็หยุดพูดไปเสียดื้อๆ ทิ้งเครื่องหมายคำถามให้ฉันตัวเบ้อเริ่ม ก่อนจะหน้าหนีฉันไปอีกทาง
“เหมือนใคร?”