ตอนที่ 1 หล่อแต่ใจดำ
พรึบ!!
ร่างเล็กอรชรของ ควีน หรือ รวินท์นิภา เดินชนเข้ากลับแผงอกแกร่งของใครบางคนเข้าอย่างจัง ทว่ามือหนาดันรั้งเอวบางของเธอเอาไว้ได้ทัน จึงทำให้คนตัวเล็กไม่ล้มลงไปกองอยู่กับพื้น
สองสายตาสบประสานกันอยู่ครู่หนึ่ง อีกฝ่ายมีใบหน้าหล่อเหลา จมูกโด่งเป็นสัน เจาะปาก และใส่ต่างหู ซึ่งเขาดูเท่มาก แบดบอยส์นิดๆ ตรงสเปคเธอสุดๆ
หญิงสาวจ้องมองร่างสูงด้วยสายตาแพรวพราวอยู่พักหนึ่ง หัวใจดวงน้อยๆ พลันเต้นโครมครามอย่างห้ามไม่ได้
ตุบ!!
ในระหว่างที่เธอกำลังตกอยู่ในภวังค์นั้น มือหนาดันปล่อยมือออกจากเอวบาง ทำให้เธอลงไปกองอยู่กับพื้นทันที
“อะ โอ๊ยยย!!”
ควีนร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด เพราะเขาปล่อยมือจากเอวของเธอจนล้มหงายหลังทำให้ก้นกระแทกพื้นเข้าเต็มแรง
“ซุ่มซ่ามว่ะ” ผู้ชายคนนั้นพูดขึ้นพลางมองเธอเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่ดูดำดูดีเธอเลยสักนิด
“หล่อซะเปล่า ใจดำชะมัดเลย”
ควีนบ่นตามหลังอีกฝ่ายที่เดินหายลับไป พร้อมกับค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้น
เนื่องจากเธอดันทำลิปสติกตกไว้ตรงลานจอดรถ จึงรีบวิ่งกลับมาดู กลัวว่าจะไม่ทันเข้ารับน้อง แต่ไม่ทันได้ระวังจึงพลาดไปชนกับผู้ชายร่างสูงคนเมื่อกี้เข้าอย่างจัง
“ตายๆ สายแล้ว”
เมื่อได้สิ่งที่ต้องการ ควีนมองดูนาฬิกาที่ข้อมือ กลับพบว่าตอนนี้ใกล้จะหมดเวลาลงทะเบียนรับน้อง เธอจึงรีบวิ่งไปยังจุดลงทะเบียนทันที
แฮ่กๆ
คนตัวเล็กยืนหอบหายใจกระเส่าด้วยความเหนื่อยล้า สายตาคู่สวยมองดูแถวที่นักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งกำลังยืนต่อเพื่อลงชื่อรับน้อง มันค่อนข้างยาวพอสมควร
เมื่อเริ่มหายเหนื่อย ควีนจึงเดินเข้าไปต่อแถวกับพวกเพื่อนๆ ทันที
ตุบ!!
ทว่าจู่ๆ ก็มีคนเดินมาเบียดเธอ จนร่างบางถอยไปชนกับใครบางคนเข้า
“ขะ ขอโท…” แต่ไม่ทันที่ควีนจะพูดจบประโยค อีกฝ่ายดันโวยวายเสียงดัง จนผู้คนเริ่มหันมามองทางพวกเธอ
“นี่! ทำไมไม่รู้จักระวังห๊าา เห็นไหมว่าเหยียบโดนรองเท้าฉัน”
คนตัวเล็กมองป้ายชื่อที่ห้อยคอของอีกฝ่าย เธอจึงรู้ว่าเขาเป็นรุ่นพี่ แต่รุ่นนี้ทำไมถึงทำตัวกร่างแบบนี้!!
“ขอโทษค่ะ พอดีควีนก็โดนเบียดมาเหมือนกัน ก็เลยเซไปชนพี่เข้า” เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะตอบออกไปตามความจริง เพราะเธอก็โดนคนข้างหน้าถอยมาชนจนทำให้เซไปชนอีกฝ่าย
“เธอรู้ไหมว่ารองเท้าฉันคู่ละกี่บาท เห็นไหมว่ามันเปื้อน” ควีนก้มมองรองเท้าของอีกฝ่ายทันที เธอรู้ว่ามันราคาเท่าไหร่ ก็แค่สามหมื่น เปื้อนนิดเปื้อนหน่อยมันไม่ได้มีผลต่อการใช้งาน เช็ดออกก็หายแล้วไหม!!
“อ๊ะนี่! ทิชชู ขอโทษอีกครั้งค่ะ” เธอหยิบทิชชูจากในกระเป๋ายื่นให้กับอีกฝ่าย
“เช็ดสิคะน้อง ยื่นมาทำไม เธอเป็นคนทำมันสกปรก เธอก็ต้องเป็นคนเช็ดให้สะอาด…”
“ควีนว่ามันมากไปนะคะ ขอโทษแล้วก็ควรจะจบนะ เพราะว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ไม่ได้มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น นี่เห็นไหม…รองเท้าควีนก็เปื้อน ไม่เห็นจะต้องให้คนที่เหยียบเช็ดให้เลย” เธอพูดบอกกับรุ่นพี่พลางก้มมองรองเท้าของตัวเอง
“เหอะ! ฉันเป็นรุ่นพี่เธอ รุ่นน้องทำผิดก็ต้องลงโทษ เพราะฉะนั้นก้มลงไปเช็ดรองเท้าให้ฉันเดี๋ยวนี้ นี่คือคำสั่ง” อีกฝ่ายชี้นิ้วไปที่รองเท้าของตัวเองทันที
“โอ๊ยยย!! พี่คะ จะลงโทษอะไรก่อน ไม่กลัวคนอื่นมองว่าเป็นรุ่นพี่ที่บ้าอำนาจหรือไง แค่เหยียบโดนรองเท้าแค่นี้ ไม่กร่างเกินไปหน่อยเหรอ? เอะอะก็ลงโทษ เอะอะก็สั่งทำนั่นทำนี่”
คนตัวเล็กมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ เป็นรุ่นพี่ประสาอะไรทำตัวกร่างวางอำนาจสุดๆ แบบนี้เหรอจะให้รุ่นน้องเคารพ หึ!!
‘เออจริง! รุ่นพี่คนนี้แม่งกร่างว่ะ ทำตัวข่มวางอำนาจเกินเบอร์’
‘อายคนไหมนั่น โดนรุ่นน้องว่าขนาดนี้’
‘ขอโทษแล้วไม่ยอมจบ สมน้ำหน้า ฮ่าๆ’
เสียงซุบซิบพูดคุยของนักศึกษาในละแวกนี้ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมสายตาที่จ้องมองมาทางพวกเธอสองคน
“จะจบไหมคะ?” ควีนเลิกคิ้วถามมองหน้าอีกฝ่ายเพื่อรอคำตอบ เพราะเรื่องนี้เธอไม่ผิด มันเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น
ในตอนนี้สีหน้าของรุ่นพี่คนนี้ดูโกรธเคืองเธอสุดๆ ก็ดันหน้าแหกซะขนาดนี้ เพราะเสียงผู้คนที่จับกลุ่มคุยกันดังแว่วเข้ามาโสตประสาท เสียงส่วนมากอยู่ข้างควีนกันทั้งนั้น
“อีนี่…” อีกฝ่ายชี้นิ้วมาทางเธออย่างเอาเรื่อง พร้อมทำท่าจะพุ่งตัวเข้ามาหา ทว่าดันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นเสียก่อน
“มีเรื่องอะไรกัน?”
สิ้นเสียงทุ้มของใครบางคน นักศึกษาที่รายล้อมในตอนแรกเริ่มขยับเพื่อหลบหลีกให้กับผู้ชายสี่คนที่กำลังเดินเข้ามา พร้อมกับเสียงกรี๊ดกร๊าดที่ดังเป็นระยะ
ไม่นานพวกเขาทั้งสี่คนก็มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของควีนกับรุ่นพี่คนนี้
พระเจ้า! หล่อมาก หล่อหมดทุกคนเลย
“เทรย์ ยัยเด็กนี่มันเหยียบรองเท้าเฌอ…” แหม๋ รีบวิ่งแจ้นเข้าไปฟ้องเชียวนะ
แต่…ผู้ชายคนนี้ คือ คนที่ชนเธอจนล้มเมื่อเช้านี้ บังเอิญเกินไปไหมเนี่ย แต่หล่ออะ สเปคเลย!!
ใจเย็นควีน เคลียร์เรื่องนี้ก่อน เก็บเรื่องผู้ไว้ทีหลังเนอะ
“มันเป็นอุบัติเหตุ แล้วควีนก็ขอโทษไปแล้ว พี่ก็ควรจะจบนะคะ ไม่ใช่ให้ควีนก้มลงไปเช็ดรองเท้าแบบนี้ เป็นรุ่นพี่ซะเปล่า ไม่มีความคิดเป็นแบบอย่างที่ดีเลย”
“จริง?” เทรย์ เลิกคิ้วมองหน้าเฌอ
“มะ มันโกหก เฌอไม่ได้พูดแบบนั้นเลย” อีกฝ่ายทำท่าทางร้อนรนเมื่อถูกผู้ชายทั้งสี่คนจ้องมองตาเขม็ง
“เฮ้อ!! สตอจริงๆ ที่บ้านทำสวนสตอหรือยังไง”
“….”
“เมื่อกี้มีใครได้ถ่ายคลิปเหตุการณ์ไว้ไหมคะ” ควีนหันซ้ายหันขวาถามหาหลักฐานทันที คนตอแหลแบบนี้ต้องมีหลักฐานมัดตัวเท่านั้น
“ฉันถ่ายไว้” ผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่งยกมือขึ้น ก่อนจะเดินเข้ามาหาเธอ
“ฉันขอหน่อยได้ไหม” ควีนพูดบอกกับอีกฝ่าย เธอรับมือถือของผู้หญิงคนนั้นมาก่อนจะยื่นไปให้กับเทรย์
“นี่ค่ะ! หลักฐานทั้งหมด”
ทั้งสี่คนจ้องมองคลิปวิดีโออย่างตั้งใจ พลางขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม ก่อนจะชำเลืองมองไปยังเฌอ
“จะทำยังไงกับรุ่นพี่ที่มีนิสัยแบบนี้ดีคะ” ควีนเอ่ยถามออกไปเมื่อได้โทรศัพท์มือถือคืนกลับมา
“เดี๋ยวฉันจัดการเอง เธอไปลงทะเบียนเข้าข้างในได้แล้ว” เทรย์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“แล้วพี่จะจัดการยังไง ไม่ใช่ปล่อยผ่านล่ะ?”
คนตัวเล็กมองหน้าเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าจะจัดการกับผู้หญิงคนนี้ได้
“ควีน! เข้าไปข้างในก่อน ทางนี้เดี๋ยวพวกพี่จัดการเอง”
“ก็ได้…” พูดจบควีนก็หันหลังเดินออกไป
“ไอ้คลาสมึงรู้จักน้องคนสวยด้วยเหรอวะ” เอเดน เอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนตัวเองเรียกชื่ออีกฝ่าย
“อืม!” คลาสพยักหน้ารับ
“เชี่ย! เด็กมึงเหรอ?” โฬมว่า
“เด็กพ่อง นั่นมัน…” คลาสพูดยังไม่ทันจบ เทรย์ดันพูดแทรกขึ้นเสียก่อน
“ไอ้เดนมึงพามันไปปรับทัศนคติดิ๊”
เอเดนพยักหน้ารับ จากนั้นจึงพาเฌอเข้าห้องดำเพื่อปรับทัศนคติทันที