รถหรูของวายุดับเครื่องลงที่ลานจอดรถของคณะ ระหว่างที่เพื่อนสาวทั้งสองกำลังปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากลำตัว ยื่นมือไปเปิดประตูเพื่อก้าวลงจากรถ โทรศัพท์มือถือของเขาก็มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้น และเมื่อหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าผู้เป็นพ่อเป็นคนโทรเข้ามา
“ไปก่อนเลย ป๊าโทรมา”
วายุบอกกับเพื่อนสาวขณะที่มารีนลงไปยืนอยู่นอกตัวรถ แล้วก้มมองเข้ามาด้านในห้องโดยสารเพราะเห็นว่าเขายังไม่ตามกันออกมา และเมื่อพวกเธอปิดประตูสนิทและเดินออกไปกันแล้ว เขาก็กดรับสายที่โทรเข้ามาขณะยังนั่งอยู่บนเบาะคนขับ
“ครับป๊า”
“เรื่องที่ให้จัดการ เรียบร้อยแล้วนะ”
หลังจากทราบข่าวจากคณบดีคณะนิติศาสตร์ที่โทรมารายงานด้วยตัวเองว่าจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ไต้ฝุ่นก็รีบโทรหาลูกชายทันที
ก่อนหน้านี้วายุได้ยินเสียงโวยวายของพวกผู้หญิงดังมาจากทางห้องน้ำของโรงยิม จึงมั่นใจว่ามารีนต้องไปเอาคืนอย่างแน่นอน แต่ทว่าพอได้ยินถ้อยคำของฝ่ายนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดว่าจะจัดการเพื่อนสาวของเขา วายุจึงได้สืบเสาะแล้วรู้ว่าพ่อของโยเกิร์ตมีเพื่อนที่ทำงานอยู่ในมหาวิทยาลัย จึงได้ขอให้บิดาของตนออกหน้าช่วยเหลือ อีกอย่างไต้ฝุ่นก็เอ็นดูมารีนไม่ต่างจากลูกสาวจึงยินดีตกปากรับคำที่ลูกชายร้องขอ
เมื่อสิบปีก่อนไต้ฝุ่นได้เข้ามาเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เดิมทีก็มีหุ้นเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ แต่หลังจากนั้นสองปีก็มีหุ้นส่วนคนหนึ่งขายหุ้นให้กับเขา เนื่องจากจะย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างประเทศถาวร จึงทำให้พ่อของวายุกลายเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของที่นี่ เพียงแต่เรื่องนี้พวกเพื่อนของวายุในมหาวิทยาลัยต่างไม่มีใครล่วงรู้ รวมถึงมารีนและเมษาด้วย
“ขอบคุณมากครับป๊า”
น้ำเสียงสุภาพเอ่ยกับผู้เป็นพ่อ ริมฝีปากหยักได้รูปเผยรอยยิ้มขึ้น หลังจากวางสายของบิดา วายุก็เข้าไปเรียนได้อย่างโล่งใจ
*****
“มีแฟนรึยังคะ ขอเบอร์หน่อยได้ไหม”
ขณะที่มารีนกำลังเดินไปหาวายุที่ลานจอดรถในเวลาหลังเลิกเรียน ก็เห็นนักศึกษาสาวสองคนเดินเข้าไปหาเพื่อนสุดหล่อของเธอ แถมยังบิดตัวไปมาแทบจะม้วนเป็นเลขแปดราวกับเขินอายคนตรงหน้า
ถ้าอายขนาดนั้นแล้วจะมาขอเบอร์เขาทำไม
เมื่อในหัวเกิดความคิดดังนั้น มารีนจึงเอ่ยขึ้นอย่างขัดจังหวะ
“หึ อย่าถามเลยว่ามีแฟนไหม ให้ถามใหม่ดีกว่าว่ามันชอบผู้หญิงหรือเปล่า”
ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา มารีนต้องเจอกับเหตุการณ์อย่างวันนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าแทบจะทุกวัน เห็นแล้วก็น่าหมั่นไส้ และเป็นเธอเองที่ถือวิสาสะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเพื่อน ด้วยการสวมบทเป็นนักทำลายบรรยากาศดี ๆ ของหญิงสาวเหล่านั้นทุกครั้งที่พบเจอ จนหนีเตลิดเปิดเปิงไปทุกราย โดยไม่มีใครเคยได้เบอร์ของวายุไปเลยแม้แต่คนเดียว
“นี่นายเป็นเกย์เหรอ”
สาวคนที่ขอเบอร์วายุเอ่ยถามอย่างไม่เชื่อสายตา มองไม่ออกเลยสักนิดว่าหนุ่มหล่อตรงหน้าจะเป็นบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ เธอเองก็เป็นนักศึกษาปีหนึ่งเช่นเดียวกัน ที่ผ่านมาได้แต่แอบมองหนุ่มหล่ออยู่ตลอด คิดว่ายังโสดก็เลยเข้ามาขอเบอร์ แต่สิ่งที่ได้ยินทำเอาเธอรับไม่ได้
“ก็ใช่น่ะสิ เห็นสภาพตุ้งติ้งแบบนี้คิดว่ามันแมนนักหรือไง แต่ถ้าอยากลองก็ได้นะ มันเข้าได้ทั้งข้างหน้าแล้วก็ข้างหลัง ใช่ไหมอีวา”
มารีนยกยิ้มอย่างไม่คิดอะไร พับข้อศอกขึ้นพาดบนบ่าของคนตัวสูงอย่างถือวิสาสะ ส่งสายตาแพรวพราวจ้องไปยังนักศึกษาสาวทั้งสองคนที่แสดงสีหน้าผิดหวัง ก่อนจะทำหน้าบึ้งตึงหันหลังเดินหนีไป
“หน้าตาโคตรหล่ออะ ไม่คิดว่าจะเป็นเกย์”
“นั่นสิ หรือว่าผู้หญิงคนนั้นจะหลอกเรา”
“จะหลอกหรืออะไรก็ช่าง แต่ถ้าเป็นเกย์จริง ๆ ฉันก็เอาไม่ลงหรอก อี๋ น่าขยะแขยง”
นักศึกษาสาวส่งเสียงซุบซิบกันตลอดทางที่ก้าวเดิน และพอสองคนนั้นเดินห่างออกไปพอสมควร มารีนก็ลดเรียวแขนที่พาดบ่าของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นกอดอกแทน แล้วขยับตัวมายืนอยู่ด้านหน้า ช้อนดวงตาขึ้นมองเพื่อนตัวสูง ก่อนจะเอ่ยประโยคหนึ่งขึ้น พร้อมกับพากันเดินไปที่รถของเขา
“เหอะ มึงนี่เสน่ห์แรงไม่เบาเลยนะ มาเรียนได้ไม่เท่าไหร่ก็มีแต่ผู้หญิงมารุมล้อม”
“...”
เมื่อเห็นว่าเขาเงียบ เธอจึงพูดต่อ
“ไม่ชอบเหรอที่มีแต่คนสนใจหน้าหล่อ ๆ ของมึง”
ผู้หญิงพวกนั้นก็แค่เห็นคนหล่อหน่อยไม่ได้ก็ทำเป็นให้ความสนใจ อยากรู้จัก อยากสนิท อยากลองคบ ไปจนกระทั่งอยากมีอะไรกับคนหล่อแบบไร้สถานะ ซึ่งเธอเห็นว่าวายุเป็นเพื่อนรักหรอก ถึงได้กันท่าคนเหล่านั้นให้ แต่ทว่าประโยคที่เพื่อนตอบกลับมาก็ทำให้ความคิดของเธอนั้นดับวูบ
“แล้วมึงล่ะ ไม่ชอบเหรอ”
คำถามของเพื่อนทำเอาดวงตามารีนเลิ่กลั่กและเงียบไปชั่วครู่ เขาพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า ก่อนที่เธอจะรีบรวบรวมสติแล้วเอ่ยตอบ
“ผู้หญิงคนไหนบ้างจะไม่ชอบคนหล่อ แต่ว่ามึงเป็นเพื่อนกูไง เพื่อนชอบเพื่อนไม่ได้หรอก กูว่ามึงนี่แม่งพูดน้อยแล้วยังชอบถามอะไรสั้น ๆ ชวนให้คนเข้าใจผิดอีกนะไอ้วา”
เอ่ยจบเธอก็รีบก้าวเท้าเดินหนีไปอย่างไว เมื่อเข้าไปใกล้ตัวรถวายุก็หยิบกุญแจขึ้นมากดปลดล็อกประตู มารีนจึงรีบเข้าไปนั่งรอด้านใน ไม่นานนักเจ้าของรถก็ตามมาถึง แต่แล้วเขาก็เอ่ยถามต่อ
“ทำไมถึงชอบบอกคนอื่นว่ากูเป็นเกย์ หวงกูเหรอ”
“ใครหวงมึง ก็แค่อยากแกล้งมึงเล่นก็เท่านั้น แต่ถ้ามึงไม่ชอบให้กูเข้ามาขัดตอนมีสาว ๆ มาขอเบอร์ ต่อไปกูจะได้ไม่ทำอีก”
ขณะหันไปเอ่ยกับคนที่นั่งข้างกัน หญิงสาวก็เผลอสบตากับเพื่อนชายที่หันมามองอยู่ก่อนแล้ว ราวกับว่านัยน์ตาของเธอนั้นจะมีคำตอบให้ ก่อนดวงตาที่ไหววูบของมารีนจะกระพริบถี่แล้วเบี่ยงสายตามองไปทางอื่น
“อยากทำอะไรก็ทำเถอะ กูไม่ได้ว่าอะไร”
วายุไม่ได้เอ่ยคัดค้านแต่อย่างใด เพื่อนสาวอยากพูดอะไรก็ปล่อยเลยตามเลย เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องคอยปฏิเสธผู้หญิงพวกนั้นที่เข้าหา ปฏิเสธไปคนหนึ่ง ก็มีคนต่อไปเข้ามาอีกเรื่อย ๆ จนน่ารำคาญ
แล้วเย็นนี้ก็อีกเช่นเคย ทั้งสองเดินทางกลับด้วยกันสองต่อสอง เนื่องจากเมษายังมีเรียนต่ออีกสองชั่วโมง จึงให้พวกเขากลับก่อนได้เลย