“ก็เออดิ จะให้เป็นผัวกูหรือไง”
มารีนเอ่ยตอบทันควัน ส่งเสียงหัวเราะคิกคักด้วยความมึนเมา ลอบมองไปยังเพื่อนชายที่นั่งลงข้างเธอด้วยสายตาเลิ่กลั่กเล็กน้อย เกรงว่าเขาจะไม่ชอบใจที่เพื่อนของเธอพูดล้อแบบนั้น แต่ดีที่เมษาช่วยพูดขึ้นมาอีกคนว่าเจ้าตัวก็รู้จักวายุเหมือนกัน จึงทำให้ปอนด์และคูเปอร์นั้นยอมเชื่อ
วายุเป็นคนเงียบขรึม พูดน้อย ทว่าเขานั้นเข้ากับคนอื่นได้ง่ายมากถ้าเต็มใจเปิดรับเพื่อนใหม่ ขณะทั้งสามหนุ่มนั่งกระดกน้ำสีเหลืองมีฟองลงคออย่างไม่มีใครยอมใคร คูเปอร์และปอนด์ที่เป็นคนคุยเก่ง ก็ชวนวายุพูดคุยจนดูเหมือนสนิทกันไปแล้ว
“กู ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน”
มารีนเอ่ยน้ำเสียงยาน รีบลุกออกจากกลุ่มเพื่อนวิ่งไปเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ผ่านไปเกือบสี่ชั่วโมงที่นั่งดื่มกันตั้งแต่ตอนเธอมา จนตอนนี้ก็ปาไปเกือบสองทุ่ม พอเข้าห้องน้ำได้ก็วิ่งไปย่อตัวลงนั่งอยู่หน้าชักโครก อ้าปากระบายน้ำเมาที่ดื่มไปจนแน่นกระเพาะออกมา
เสียงโอ้กอ้ากดังขึ้นอยู่นาน วายุจึงตามเข้าไปดูเนื่องจากเพื่อนสาวไม่ได้ล็อกประตู เขายืนอยู่ทางด้านหลัง โน้มตัวลงแล้วเลื่อนฝ่ามือไปลูบแผ่นหลังของเธอ
มารีนสะดุ้งเล็กน้อยเหลียวใบหน้ามองคนที่ยืนอยู่ชั่วครู่ เมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้ จึงก้มหน้าระบายของเหลวออกมาต่อ
“เมาแล้วยังจะอวดดีชวนคนอื่นยกหมดแก้ว” เสียงทุ้มเอ็ดเธอเบา ๆ
“ก็เห็นพวกมึงคุยกันสนุก กูก็เลยชวนยกไง จะได้สนิทกันเร็วขึ้น”
“แล้วเป็นไงล่ะ มานั่งอ้วกอยู่ตรงนี้คนเดียว เมษายังไม่เห็นจะเมาเหมือนมึงเลย”
“หยุดว่ากูได้ปะ อึก แหวะ”
พูดไปได้เพียงไม่กี่คำ เธอก็ต้องหันใบหน้ากลับไประบายของเหลวออกมาทางปากต่อจนแทบจะหมดแรงคาห้องน้ำ ดีที่ได้เพื่อนชายเข้ามาช่วยลูบหลัง แล้วยังหาน้ำมาให้บ้วนปากโดยไม่คิดรังเกียจ ทั้งที่เขาไม่ต้องเข้ามาดูแลเธอก็ได้ แต่เพื่อนชายแสนดีคนนี้ก็ยังทำให้ด้วยความเต็มใจ โดยไม่ต้องร้องขอ ไม่อย่างนั้นเธอคงได้หลับคาห้องน้ำจริง ๆ เพราะตอนนี้ดวงตานั้นเริ่มริบหรี่จนลืมแทบไม่ขึ้น
“ไอ้วา กูเดินไม่ไหว”
เมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวมีท่าทางเมามายเป็นอย่างมาก สภาพนี้ปล่อยให้เดินคนเดียวคงไปได้ไม่กี่ก้าว เขาจึงย่อตัวลงนั่งแล้วเอ่ยเสียงเรียบ
“ขึ้นมา”
มารีนเผยรอยยิ้มหวานจนตาหยี รีบโน้มตัวลงทาบแผ่นหลังของเพื่อนสนิท ส่งเรียวแขนกอดรอบคอของเขาแบบหลวม ๆ วายุก็ลุกขึ้นยืนแล้วพาเธอก้าวออกไปจากห้องน้ำ
“มารีนเมาแล้ว พวกกูขอตัวกลับก่อน”
วายุแบกคนเมาเข้าไปหาเพื่อนของเธอทั้งสามคน หลังจากเอ่ยจบก็หันไปมองเมษา
“เธอจะกลับพร้อมกันเลยไหม”
“อื้ม” เมษาขานรับ ก่อนจะเอ่ยกับสองหนุ่ม “พวกนายกินกันต่อเลยนะ พวกเราขอตัวก่อน”
เมษาก็รู้สึกเมาแล้วเช่นกัน หลัง ๆ เธอเลยยกเบียร์ขึ้นจิบเท่านั้น แต่เพื่อนรักของเธอนี่สิ เล่นดื่มจนหมดแก้วติดต่อกันจึงทำให้ตกอยู่ในสภาพนี้ ดีที่วายุตามมาหา ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะพามารีนกลับคอนโดได้อย่างไร เพราะปอนด์กับคูเปอร์ก็ดูจะเมาแล้วเหมือนกัน
เมื่อไปถึงคอนโดเมษาก็กลับเข้าห้องตัวเอง เพราะห้องของเธอนั้นอยู่ชั้นสาม ส่วนวายุก็พาคนเมาที่อยู่บนหลังขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นหก คราแรกเธอก็คิดจะขึ้นไปส่งด้วย แต่มารีนบอกว่าไม่เป็นไร ให้แยกย้ายกันที่ลิฟต์เลย
“รหัสอะไร”
เขาถามรหัสเข้าห้องของเพื่อนสาว ที่จริงห้องนี้มีคีย์การ์ด แต่ถ้าจะให้ค้นกระเป๋าของเธอก็ดูจะถือวิสาสะเกินไป
“หนึ่งเจ็ดสองสี่”
ขณะที่หนุ่มหล่อกำลังตั้งท่าจะกดตัวเลขตามที่เธอบอก แต่แล้วปลายนิ้วกลับต้องชะงัก เขาเกิดวันที่สิบเจ็ด ส่วนมารีนเกิดวันที่ยี่สิบสี่ ไม่คิดว่าเธอจะตั้งรหัสเป็นวันเกิดของเขาและวันเกิดของเธอ และพอวายุกดรหัสสี่ตัวประตูก็ได้ถูกปลดล็อก เขาจึงแบกคนเมาพาเข้าไปยังห้องนอน
ตุบ!
ชายหนุ่มหย่อนก้นลงนั่งข้างเตียงเพื่อให้เธอปล่อยมือออกจากคอของเขาก่อนจะได้ประคองลงนอน ทว่ามารีนที่ดูเหมือนจะหมดแรงก็ปล่อยแขนออกแล้วหงายหลังลงไปทันที
“ฮือ... ไอ้เวร วางกูเบา ๆ ไม่ได้เหรอวะ”
หญิงสาวส่งเสียงงอแงแล้วเอ็ดเพื่อนชายทั้งที่ยังไม่ลืมตา ตอนนี้เธอเวียนหัวเป็นอย่างมาก เพียงแค่เปิดเปลือกตาขึ้นเล็กน้อยโลกก็หมุนจนอยากอาเจียน จึงทำได้แค่หลับตาแล้วส่งเสียงพูดออกมาแทน
“เมาแล้วก็นอนดี ๆ กูจะกลับละ”
“ไม่เอา มึงห้ามกลับ มึงต้องอยู่ดูแลกูก่อน”
มารีนรวบรวมเรี่ยวแรงและสติที่ยังเหลืออยู่รีบดันตัวลุกขึ้นนั่ง พร้อมทั้งคว้ามือของเพื่อนชายมากอบกุม เอ่ยด้วยน้ำเสียงยานอ้อนวอนให้เขาอยู่ต่อ ทว่าพอเธอลืมตาเงยหน้าจ้องคนตัวสูงได้เพียงไม่กี่วินาที ก็รู้สึกอยากระบายน้ำเมาออกมาอีกครั้ง จึงได้รีบวิ่งออกจากเตียง มุ่งหน้าเข้าไปในห้องน้ำ
วายุถอนหายใจส่ายหน้าไปมา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ลองดื่มของมึนเมา แถมยังไม่ประมาณตัวเองว่าดื่มได้แค่ไหน แล้วดูสภาพตอนนี้เธอไม่สามารถดูแลตัวเองได้เลย ถึงต้องร้องขอให้เขามาอยู่เป็นเพื่อน ทว่าถึงแม้จะแอบบ่นเพื่อนสาวอยู่ในใจ แต่เห็นแบบนี้แล้วก็เป็นห่วง เลือกจากไปไม่ได้อยู่ดี
ไม่นานนักหญิงสาวในห้องน้ำรับรู้ได้ถึงฝ่ามืออุ่นของเพื่อนชายที่เข้ามาลูบหลังให้เธอก็รู้สึกอุ่นใจ หลังจากระบายของเหลวออกมาจนรู้สึกดีขึ้น วายุก็ประคองเธอเข้าไปนอนบนเตียงดังเดิม
“ห้ามทิ้งกูไป” หญิงสาวปรือดวงตาขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ข้างเตียง
“อือ นอนเถอะ กูจะอยู่เป็นเพื่อน”
เขาขานรับแล้วนั่งเอนกายพิงพนักหัวเตียง เฝ้ามองคนเมารอให้เธอหลับเสียก่อนค่อยลุกออกไป แต่แล้วดวงตาคู่คมก็คล้อยลงจนปิดสนิท
สามชั่วโมงต่อมา
“ถ้าเราไม่ใช่เพื่อนกัน มึงจะอดใจแบบนี้ได้ไหม”
ดังคำเขาว่าคนเมามักจะพูดสิ่งที่ตรงกับใจ เธอสะดุ้งตื่นขึ้นแล้วพบว่าเพื่อนชายกำลังนอนหลับตะแคงข้างหันหน้ามาทางเธอ จึงจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของเพื่อนรัก ไม่รู้ว่าถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกัน วายุจะแค่นอนหลับไปโดยไม่คิดอะไร หรือว่าความเป็นชายจะปลุกเร้าให้เขาทำเกินกว่านั้น
ทว่าเสียงพึมพำที่ดังออกมาจากริมฝีปากของหญิงสาว กลับเป็นการปลุกให้วายุสะดุ้งตื่นขึ้นในเวลาเกือบตีหนึ่ง
“ตื่นแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง” เสียงทุ้มเอ่ยถาม
“ปวดหัว แล้วก็หิว”
เสียงแผ่วเบาพร้อมกับดวงตาคู่หวานกระพริบปริบ ๆ เขาจึงลุกออกจากเตียงโดยไม่พูดไม่จา ตรงเข้าไปที่เคาน์เตอร์ครัว หยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาต้มใส่ผักกาดขาวและไข่ลงไปด้วย เสร็จแล้วก็เทใส่ชาม นำมาวางไว้ที่โต๊ะกินข้าว
กลิ่นหอมของน้ำซุปโชยเข้าไปหาเพื่อนสาว มารีนจึงลุกออกจากเตียงแล้วเดินออกไปนอกห้องนอนพร้อมกับรอยยิ้ม
“ก็นึกว่าหายไปไหน”
“หิวไม่ใช่เหรอ มานั่งสิ”
“แล้วของนายล่ะ”
“กินเถอะ กูไม่ชอบกินจุกจิกตอนกลางคืน”
“หุ่นอย่างกับไม้เสียบผีแบบนี้ยังจะกลัวอ้วนอีกหรือไง”
เธอบ่นพึมพำพลางเดินไปหยิบถ้วย ช้อน ตะเกียบที่เคาน์เตอร์ครัว แล้ววางลงบนโต๊ะตรงหน้าของเพื่อนชายคนสนิท
“อะ แบ่งกันกิน”
วายุไร้ท่าทีคัดค้าน เผยรอยยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็แบ่งบะหมี่รสต้มยำกุ้งของเธอใส่ในถ้วยของตัวเอง แล้วนั่งกินด้วยกัน
“นายจะกลับแล้วใช่ไหม”
กินอิ่มมารีนก็เอ่ยถามขึ้นแม้ในใจยังไม่อยากแยกจาก แต่จะรั้งไว้มันก็ไม่สมควร ในเมื่อเขาก็ต้องกลับไปนอนที่เพนท์เฮาส์ของตนเอง
“อือ”
“ขับรถดี ๆ นะ แล้วก็ขอบใจที่อยู่เป็นเพื่อน”
หญิงสาวเดินไปส่งเพื่อนชายที่หน้าประตู พอวายุเดินพ้นออกไปก็ปิดประตูลงแล้วเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้านอน เพราะอาการปวดหัวจากฤทธิ์ของน้ำเมานั้นยังไม่หายดี