ตอนที่ 1 โสด
ตอนที่ 1 โสด
@กรุงเทพฯ
ณ บริษัทเครื่องประดับรายใหญ่ติดอันดับต้นๆของประเทศ มีพี่น้องสองคนช่วยกันบริหารงาน คนพี่ชื่อธันวา มีตำแหน่งงานเป็นถึงประธานบริษัท ส่วนคนน้องเขาชื่อปกป้องมีตำแหน่งเป็นรองประธาน
บริษัทแห่งนี้ตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯเมืองหลวงของประเทศไทย แต่ยังมีบริษัทลูกอีกหนึ่งแห่งตั้งอยู่ที่ภูเก็ต ซึ่งตอนนี้ที่นั่นกำลังเกิดปัญหาและต้องได้รับการแก้ไขให้เร็วที่สุด
"ไอ้ป้อง...เมื่อไหร่นายจะมีเมียเป็นตัวเป็นตนสักทีวะ" ธันวาเดินเข้ามาในห้องทำงานของน้องชาย ได้เดินสวนกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ใช่พนักงานของบริษัท
"ทำไมครับ" ปกป้องเลิกคิ้วสูงถามพี่ชาย เนื่องจากว่าเขายังมองไม่เห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้
"จะได้มีลูกเป็นของตัวเองบ้างไง" ธันวามีลูกสาววัยสามขวบอยู่หนึ่งคน ตอนนี้น้องพลอยติดคุณอาปกป้องหนักมาก ซึ่งปกป้องเองก็มักจะแวะเวียนไปหาหลานสาวอยู่เป็นประจำ
"ยังไม่ถูกใจใครเลยครับ"
"สาวๆของนายออกจะเยอะแยะก็เลือกมาสักคนนึงสิ"
"ก็ยังไม่ถูกใจใครเป็นพิเศษอยู่ดีครับ"
"เฮ่อ...แล้วแต่นายเลย อาทิตย์หน้าพี่จะส่งนายไปดูงานที่ภูเก็ตนะ" เดินเข้ามาในห้องของน้องชายก็เพื่อจะมาบอกเรื่องนี้แหละ
"อ้าว...ทำไมต้องเป็นผม หน้าที่นี้มันหน้าที่พี่ไม่ใช่เหรอครับ" ปกป้องย้อนถาม เนื่องจากว่าเขาไม่อยากไป เพราะงานนี้ไม่ได้ไปแค่วันสองวันเหมือนทุกครั้ง แต่อาจจะต้องไปอยู่เป็นเดือน หรือจนกว่าจะแก้ไขปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ให้เสร็จก่อน
"เขมท้อง น้องพลอยก็ต้องการคนดูแล พี่คงไปไม่ได้ ส่งนายไปแทนแล้วกัน" ตอนนี้ภรรยาของธันวาซึ่งเธอมีตำแหน่งเป็นเลขาให้กับสามีของเธอด้วย ถ้าธันวาไม่อยู่ งานทั้งหมดก็จะต้องตกเป็นของเธอ ธันวาไม่อยากให้ภรรยาของเขาทำงานหนักมากจนเกินไป กลัวว่าจะมีผลกระทบกับเด็กในท้อง เขาจึงเดินเข้ามาขอให้น้องชายไปทำงานที่ภูเก็ตแทน
"เป็นท่านประธาน คิดว่าจะทำยังไงกับผมก็ได้อย่างนั้นเหรอครับ" ปกป้องไม่ได้ติดปัญหาอะไรเพียงแต่เขาแค่ต้องการเรียกร้องอย่างอื่นเพิ่มก็เท่านั้น
"แล้วได้มั้ยล่ะ" คนเป็นพี่เอ่ยถาม มองหน้าน้องชายนิ่งๆ ถ้ามันไม่ยอมคงต้องบังคับ
"ที่นั่นมีอะไรน่าสนใจบ้างล่ะ"
"บ้านพักฟรีหนึ่งหลัง มีคนขับรถให้ด้วย ส่วนเรื่องกินหาเอาเอง" ให้ได้เท่านี้!
"เพิ่มอาหารด้วยไม่ได้เหรอครับ" ปกป้องยังคงต่อรอง
"ที่นั่นร้านอาหารเยอะแยะ ช่วยเหลือตัวเองหน่อยเถอะ โตจนหมาเลียไข่..."
"หยุด! หยุดเลยนะ ห้ามพูดต่อ ไปก็ไป ค่าเดินทางกับค่าอาหารผมเบิกเงินบริษัทนะ"
"อือ..." สุดท้ายคนเป็นพี่ก็ต้องยอมในที่สุด
ปกป้องมีเงินเดือนและค่าตำแหน่งรวมกันถึงหกหลักซึ่งถือว่าไม่น้อยเลย ถ้าเป็นคนธรรมดาคงกินใช้เหลือเฟือ แต่สำหรับปกป้องไม่เคยพอ เพราะเขามักจะหมดเงินไปกับสาวๆและการกินเที่ยวตามประสาชายโสด...
@เยอรมัน/เบอร์ลิน
บ้านที่อยู่อาศัยขนาดกำลังดีในเมืองหลวงของประเทศเยอรมัน มีคนไทยครอบครัวหนึ่งอาศัยอยู่ที่นั่น เปิดธุรกิจร้านอาหารไทย รายได้งาม ตั้งหลักปักฐานอยู่ที่นั่นนานถึงสิบปีเต็ม
"เอยลูก..."
"คะแม่"
"เมื่อไหร่เอยจะมีแฟนสักทีล่ะลูก"
"ถามแบบนี้อีกแล้วนะคะ"
"อีกไม่กี่ปี เอยจะสามสิบแล้วนะลูก" คุณแม่เป็นห่วง มีลูกสาวคนเดียวกลัวว่าถ้าพวกท่านแก่ตัวไป ลูกสาวคนนี้ของพวกท่านจะไม่มีคนดูแล
"เนื้อคู่เอยคงยังไม่เกิดมั้งคะแม่" คำถามยอดฮิตที่เธอมักจะถูกถามจากคนรอบข้าง ซึ่งเธอก็มักจะตอบทุกคนแบบนี้เสมอ เพราะเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร เธอถึงได้ครองความโสดมายาวนานขนาดนี้
"ไม่ถูกใจใครเลยเหรอลูก หรือว่าลูกแม่ไม่ชอบผู้ชาย"
"ไม่ค่ะ เอยชอบผู้ชายค่ะ" แต่ผู้ชายวัยใกล้เคียงกับเธอก็ดันมีครอบครัวกันไปหมดแล้ว นับวันยิ่งหายากขึ้นทุกวัน
ขวัญเอยเป็นคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ เธอเกิดและโตที่เมืองไทย แต่ได้เดินทางตามคุณพ่อกับคุณแม่มาอยู่ที่นี่ตอนอายุสิบแปดปี และได้มาเรียนต่อที่นี่จนจบปริญญาตรี
ตอนเรียนเธอไม่ยอมมีแฟน ในใจอยากเรียนให้จบก่อน แต่หลังจากเธอเรียนจบแล้ว ผู้ชายโสดก็ดันหายากเหลือเกิน
นานมากแล้วเธอเคยคบกับผู้ชายที่นี่คนหนึ่งเป็นเวลาสั้นๆ ในขณะที่ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาคนนั้นกำลังไปได้สวย จนถึงขั้นเกือบจะมีอะไรกัน พอเขาคนนั้นรู้ว่าเธอยังคงเวอร์จิ้นอยู่ ผู้ชายคนนั้นก็เลือกที่จะปฏิเสธเธอทันที วันนั้นจึงทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จบลง
ต่อมาอีกไม่นานเธอก็ได้เจอเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้อยู่บ่อยๆ หลังจากนั้นเธอก็โสดมาตลอด จนถึงตอนนี้อายุของเธอก็ยี่สิบแปดปีเต็มแล้ว
"แม่ลูกคุยอะไรกันอยู่เหรอ น่าสนุกเชียว" คุณพ่อเดินเข้ามานั่งลงที่โซฟาภายในบ้านข้างๆกับคุณแม่
"เปล่าค่ะ ฉันแค่ถามลูกว่าเมื่อไหร่จะมีแฟนกับเขาสักทีอายุก็ไม่น้อยแล้ว"
"นั่นสิ" คุณพ่อเองก็เห็นด้วยกับคุณแม่เช่นกัน
"คุณพ่อก็อีกคน...คุณพ่อคุณแม่คะ เอยอยากกลับไปเที่ยวที่เมืองไทยค่ะ" เธอว่าจะขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่หลายวันแล้ว วันปกติจะยุ่งๆ หนึ่งอาทิตย์ร้านปิดหนึ่งวัน วันนี้จึงมีโอกาสได้นั่งคุยกัน
"ก็ไปสิลูก"
"จริงเหรอคะ"
"อยากไปก็ไป พ่อฝากไปเยี่ยมคุณปู่กับคุณย่าด้วยได้มั้ยล่ะ"
"ได้สิคะ แล้วที่ร้านล่ะคะ"
"ลูกน้องมีตั้งหลายคน ไม่เป็นไรหรอกไปเถอะ"
"ถ้างั้นเอยจองเที่ยวบินเลยนะคะ"
"ขอเวลาพ่อเตรียมของฝากสักสองวันได้มั้ยลูก"
"ได้ค่ะ" ขวัญเอยยิ้มดีใจ เธอเป็นคนไทย เกิดและโตที่โน่น เธอหวังว่าสักวันเธอจะได้กลับไปอยู่ที่บ้านเกิดของเธอ
@สนามบิน
"คุณหนูขวัญเอย ทางนี้ครับ" ลุงคนขับรถคนเก่าคนแก่ที่บ้านคุณย่าขับรถมารับเธอที่สนามบิน
"สวัสดีค่ะลุง สบายดีนะคะ" ขวัญเอยยกมือไหว้ผู้ใหญ่อย่างอ่อนน้อม ถึงแม้ว่าลุงแกจะเป็นแค่คนขับรถก็ตาม
"สวัสดีครับ ก็เรื่อยๆครับ ลุงจอดรถทางโน้นครับ คุณท่านให้ลุงมารับ"
"ค่ะ"
ไม่นานมากนักรถที่ขับไปรับเธอก็ขับเข้ามาจอดภายในบ้านหลังใหญ่ เป็นบ้านปูนสองชั้น พื้นที่ด้านนอกกว้างขวาง เนื่องจากคุณปู่กับคุณย่าชอบปลูกต้นไม้ดอกไม้
สายตาของเธอกวาดมองไปรอบๆบริเวณบ้านยังคงเหมือนเดิม ที่ผิดตาไปก็เห็นว่าน่าจะเป็นต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเท่านั้น
"คุณปู่คุณย่าสวัสดีค่ะ" ขวัญเอยเดินเข้าไปด้านในบ้านด้วยรอยยิ้ม เธอยกมือไหว้สวัสดีทักทายพวกท่านอย่างอ่อนน้อม ซึ่งคุณปู่กับคุณย่าก็ดูเหมือนว่าพวกท่านน่าจะนั่งรอต้อนรับหลานสาวอยู่เช่นกัน
"สวัสดีลูก มาๆนั่งลงข้างย่าก่อน"
"คิดถึงคุณปู่กับคุณย่าจังเลยค่ะ" ขวัญเอยหย่อนสะโพกนั่งลงตรงกลาง แล้วกอดคุณปู่ที กอดคุณย่าที ด้วยความคิดถึง
"พ่อกับแม่เราเป็นยังไงบ้าง สบายดีมั้ย"
"สบายดีค่ะ คุณพ่อคุณแม่ซื้อของฝากฝากเอยมาให้คุณปู่กับคุณย่าเต็มเลยค่ะ"
"ไหนๆมีอะไรบ้าง" ขวัญเอยรีบเปิดกระเป๋าใบใหญ่ที่ลากเข้ามาด้วย เปิดออกแล้วหยิบของฝากส่งให้พวกท่านทั้งสอง
"นี่ค่ะ มีทั้งของบำรุงร่างกาย มีทั้งเสื้อผ้าสวยๆชอบมั้ยคะ"
"ชอบลูกชอบ ว่าแต่หนูมาคนเดียวเหรอลูก" ทั้งสองท่านมองไปทางประตูทางเข้าก็ไม่เห็นมีใครเดินตามเข้ามาด้วยจึงเอ่ยถามขึ้น
"ค่ะ มาคนเดียว ทำไมเหรอคะ" ขวัญเอยมีสีหน้างุนงง เธอไม่เข้าใจว่าคุณปู่กับคุณย่ากำลังมองหาใครและกำลังพูดถึงใคร
"ยังไม่มีแฟนอีกเหรอลูก ปู่กับย่าอยากเห็นหลานเขย อยากอุ้มเหลนตัวเล็กๆด้วย" อีกและ ถามแบบนี้อีกแล้ว...เฮ่อ
"ยังไม่มีเลยค่ะ สงสัยเนื้อคู่เอยจะยังไม่เกิดมั้งคะ" อาจจะตายไปแล้วก็ได้! สงสัยชาตินี้เธอคงต้องอยู่คนเดียวแบบนี้ แต่ไม่เป็นไร เพราะเธอสวยและรวยมาก ความรู้ก็มี ที่จริงผู้ชายก็ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต ถึงในใจของเธอนั้นอยากจะลองมีความรักจริงๆสักครั้งก็ตาม หากอนาคตข้างหน้าจะผิดหวังเธอก็ไม่คิดเสียใจ
"แล้วนี่คุณลุงไม่อยู่บ้านเหรอคะ"
"ไปทำงานเย็นๆโน่นแหละถึงจะกลับ"
"อ๋อค่ะ คุณลุงสบายดีมั้ยคะ"
"สบายดีลูก ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก เป็นห่วงก็แต่หนูนั่นแหละ จะสามสิบแล้วระวังจะขึ้นคานเอานะลูก" จะสามสิบแล้ว...จะสามสิบแล้ว...คำพูดพวกนี้มันดังก้องอยู่ในหัวของเธอมาตลอด
"คุณย่าน่ะ..." คุณย่าพูดแบบนี้ ขวัญเอยพูดต่อไม่เป็นเลย
"เอ้าๆ ย่าล้อเล่น หิวมั้ยไปหาอะไรกินกันดีกว่า"
"หิวพอดีเลยค่ะ"
"ไปลูกย่ารู้ว่าหนูจะมา ย่าสั่งแม่ครัวทำอาหารไว้รอเยอะแยะเลย"
"ขอบคุณคุณย่านะคะ เอยไม่ได้มาที่นี่นานหลายปี เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันนะคะเนี่ย"
"อยากออกไปเที่ยวก็ไปได้นะลูก เดี๋ยวย่าให้คนขับรถขับไปให้"
"คุณย่าของเอยใจดี้ใจดีที่สุดเลยค่ะ" คุณปู่เป็นคนไม่ค่อยพูดท่านได้แต่ฟังคุณย่ากับคุณหลานคุยกัน แต่ท่านก็เดินตามมานั่งทานข้าวกับหลานสาวด้วย