ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้
เมืองออกซฟอร์ด
“Mi dispiace!” หญิงสาวผู้มีใบสีหน้าเรียบนิ่งกล่าวคำขอโทษเป็นภาษาอิตาลีอย่างลืมตัว
“คุณเป็นคนอิตาลีหรือคะ” คนที่ถูกชนเอ่ยถามเมื่อได้ยินภาษาบ้านเกิด
“เอิ่ม ใช่ค่ะ”
“ฉันก็เป็นคนอิตาลีค่ะ"
“จริงหรือคะ” หญิงสาวผู้มีใบหน้านิ่งถามกลับโดยไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอย่างเช่นอีกคน
“คุณเรียนอยู่ที่นี่ด้วยหรือเปล่าคะ” เธอพยักหน้าตอบก่อนจะมองสำรวจใบหน้าของอีกคนชัดๆ
“ฉันก็เรียนที่นี่ค่ะ ฉันเวนิสนะคะ” เวนิสแนะนำตัวแล้วยื่นมือไปทักทาย
“ฉันแคทนิสค่ะ” ยื่นมือไปจับทักทายตามมารยาท
“ชื่อน่ารักจัง ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
“เช่นกันค่ะ”
“เธอเพิ่งมาวันแรกหรอ” เวนิสเอ่ยถามราวกับต้องการจะสนิทกับอีกคน
“อื้ม”
“ว่าแต่เธออายุเท่าไหร่”
“ยี่สิบสาม เธอล่ะ”
“เท่ากันเลย งั้นมาเป็นเพื่อนกันมั้ย” เวนิสถามขึ้นด้วยความรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เจอเพื่อนจากประเทศเดียวกันและวันนี้ก็เป็นวันเปิดภาคเรียนวันแรก เธอเองก็ยังไม่มีเพื่อนเลยสักคน
“เอาสิ”
“เธอเรียนสาขาไหนหรอ”
“ซอฟต์แวร์และโปรแกรมคอมพิวเตอร์น่ะ”
“ว้าว!! เท่จัง”
“เธอล่ะ”
“แฟชั่น การออกแบบน่ะ”
“ดีไซเนอร์หรอ”
“อื้ม ประมาณนั้นแหละ”
“งั้นฉันขอเบอร์โทรศัพท์ไว้หน่อยสิแคทนิส เผื่อนัดเจอกัน” เวนิสยื่นเครื่องมือสื่อสารให้กับแคทนิส ทั้งสองทำการแลกเปลี่ยนเบอร์โทรกันเสร็จก็แยกย้ายไปเรียนตามสาขาของตัวเอง
ทุกวันหยุดสองสาวมักจะนัดกันออกไปเที่ยวไปดื่มด้วยกัน เพียงไม่นานพวกเธอก็สนิทสนมกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดกระทั่งตัดสินใจย้ายมาเป็นรูมเมทกัน อีกคนมีนิสัยที่นิ่งเงียบ ส่วนอีกคนก็มีนิสัยร่าเริง ขี้เล่น พูดเก่ง แต่ก็ไม่เป็นปัญหาในการผูกมิตรภาพของทั้งคู่
ขณะเรียนอยู่ที่นี่แคทนิสก็ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย เธอทำงานพิเศษเป็นดีลเลอร์ (คนแจกไพ่) และบางครั้งก็มีรับงานเสริมเป็นบัตเลอร์บ้างบางครั้ง เวลาว่างก็มักจะเข้าสนามยิงปืนซึ่งเพื่อนสนิทอย่างเวนิสไม่เคยรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของเธอเลยเพราะแคทนิสไม่เคยเอ่ยปากเล่าเรื่องส่วนตัวแม้แต่เรื่องเดียวให้กับอีกคนได้รู้
ยิ่งนานวันทั้งสองก็ยิ่งสนิทกันมากยิ่งขึ้นราวกับเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาแสนนาน พวกเธอคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันขณะที่อาศัยอยู่ต่างบ้านต่างเมืองจนกระทั่งเรียนจบปริญญาโทในระยะเวลาสองปีที่ออกซฟอร์ดเวนิสตัดสินใจบินกลับไปยังถิ่นกำเนิดแต่แคทนิสขออยู่เที่ยวต่ออีกสองสามวันถึงจะบินตามกลับไป
“ไอม ซอรี่!” หญิงสาวใส่เสื้อแจ็กเกตหนังสีดำ สวมแว่นตาแบรนด์ดังสีชาพร้อมกับหมวกแก๊ปสีดำ กล่าวคำขอโทษเป็นภาษาอังกฤษก่อนจะค้อมศีรษะให้กับชายหนุ่มที่เธอเดินชนก่อนจะเดินจากไป
ชายกนุ่มร่างสูงยกมือขึ้นห้ามลูกน้องทันทีเมื่อเห็นว่ามือขวาจะเดินไปตามหญิงสาวที่กล่าวเพียงคำขอโทษอย่างไม่จริงใจ เธอไม่รอให้เขาได้พูดเอ่ยอะไรเลยสักคำ
1เดือนต่อมา
คฤหาสน์ไกอันริโน
“แกเริ่มเข้าใกล้มันได้หรือยัง”
“กำลังพยายามทำอยู่ค่ะ”
“อืม อย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ” เจ้าของใบหน้ารูปไข่ไม่ตอบอะไรกลับเธอได้แต่นั่งดื่มกาแฟอยู่เงียบๆ จนชายหนุ่มวัย 33 ปีเดินเข้ามา
“แกจะไปไหนแต่เช้าไคโร” คนเป็นพ่อเอ่ยถามลูกชาย
“ไปไหนก็ได้ที่ไม่ต้องมาอยู่ร่วมหายใจกับเด็กข้างทางของแด๊ด”
“นี่แก ระวังคำพูดหน่อย”
“ปกป้องกันเข้าไปเถอะ มันลูกแด๊ดรึไง”
“จะไปไหนก็ไป” สิ้นเสียงทุ้มของคนเป็นพ่อ ชายหนุ่มวัย 33 ปีก็หันมามองหญิงสาวผู้อาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกันด้วยสายตาเขม่น ส่วนเธอก็นั่งจิบกาแฟทำเป็นไม่สนใจ รู้ว่าเขาไม่ชอบขี้หน้า เธอถึงพยายามอยู่ให้ห่างจากเขา
“วันนี้แกไปไหนหรือเปล่าแคทนิส”
“ว่าจะไปหาเพื่อนค่ะ คุณมีอะไรให้ฉันทำหรือเปล่า? ”
“ว่าจะให้ไปเจอคู่ค้าแทนฉันหน่อย”
“ฉันไม่อยากไปยุ่งกับธุรกิจนั่น”
“แต่ธุรกิจนี้มันก็ช่วยแกให้เรียนจบปริญญาโทนะ อย่าลืมสิ”
“…”
“บ่ายสามไปตามสถานที่ที่ฉันบอก จากนั้นแกจะไปไหนก็ไป” นั่งฟังเงียบๆ โดยไม่ตอบก่อนจะลุกแล้วเดินขึ้นไปบนห้องนอน
เมื่อถึงเวลานัดลูกค้าแคทนิสก็ไปตามคำสั่งของพ่อบุญธรรมก่อนจะไปตามนัดของเพื่อนสาวเพียงคนเดียวของเธอ
Lamezia Club
“ช่วงนี้แกทำอะไรอยู่เวนิส”
“ยังไม่ได้ทำอะไรเลยว่าจะเปิดร้านแต่ก็ยังหาที่ไม่ได้เลย แกล่ะแคทนิส”
“ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าจะทำอะไร แกพอมีกาสิโนที่ไหนที่พอจะรู้จักบ้างไหม”
“ทำไมอ่ะ”
“ฉันอยากทำงานดีลเลอร์ฆ่าเวลาน่ะ”
“จะว่ามีมันก็มีนะ แต่ฉันไม่ถึงกับสนิทกับเขาอ่ะ”
“แกลองคุยให้หน่อยสิ ฉันไม่อยากไปหามั่วเอาเอง” เวนิสรู้ว่าแคทนิสกำพร้าพ่อแม่แต่ไม่รู้ว่ามีพ่อบุญธรรมเป็นคนมีอิทธิพล เพราะเธอไม่เคยเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้กับเวนิสได้รู้
“ได้สิ เดี๋ยวฉันมีนัดดูตัวแกลองไปกับฉันดู”
“ขอบใจแกมากนะเวนิส” ยกเครื่องดื่มสีอำพันขึ้นจิบก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ ผับแห่งนี้
“นี่แก จำผู้ชายที่ฉันเล่าให้ฟังได้ป่ะ” เวนิสโน้มใบหน้ามากระซิบถาม
“ที่แกถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนรอบล่าสุดถึงกับต้องหนีไปทำใจที่ออกซฟอร์ดน่ะหรอ” เวนิสมีสีหน้าที่เศร้าลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเพื่อนสาวพูดจี้ใจดำก่อนจะพยักหน้า เบาๆ แล้วยกไวน์ขึ้นจิบ
“เห้อ”
“ทำไมเค้าปฏิเสธแกอีกหรอ”
“เปล่าแก ฉันแค่อยากเจอเขา อยากเห็นว่าเขาสบายดีไหม”
“ก็ไปหาสิ”
“จะดีหรอ” แคทนิสไม่ตอบเธอยกวิสกี้ขึ้นกระดก ก่อนจะมีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินถือแก้วเหล้าเข้ามาเพื่อหวังจะชนแก้วด้วย แต่แคทนิสกลับไม่สนใจ
“สวยแล้วหยิ่งหรอวะ” เสียงชายผู้นั้นเอ่ยขึ้น แคทนิสและเวนิสก็ยังคงไม่สนใจเพราะคิดว่าอีกคนคงเมา ถ้าทำเป็นไม่สนใจเดี๋ยวคงเดินออกไปเอง แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นแบบนั้น ชายคนที่เอ่ยแซะคว้าเข้าที่แขนของแคทนิสแล้วกระชากให้เธอหันมาสนใจเขา
“ปล่อย” บอกด้วยน้ำเสียงกดต่ำ แต่อีกคนกลับไม่สนใจเพราะเห็นว่าเธอเป็นแค่ผู้หญิงซึ่งเขายังไม่รู้ฤทธิ์เดชของเธอดี
“อย่าเล่นตัวหน่อยเลยน่า”
“ปล่อย” เตือนครั้งที่สองพยายามสกัดกั้นอารมณ์ พร้อมกับบิดแขนตัวเองออกแต่อีกคนกลับยิ่งจับแน่นขึ้น
โครม!!
เพล้ง!!
แคทนิสยกขาขึ้นมาถีบเข้ากลางอกของชายผู้นั้นเต็มแรงจนกระเด็นไปทับโต๊ะลูกค้าท่านอื่นด้านหลัง แก้วเหล้าและอาหารบนโต๊ะหล่นแตกกระจายบนพื้น แคทนิสคลำแขนตัวเองเล็กน้อยก่อนจะจูงมือเวนิสรีบเดินออกไปจากตรงนั้นเพราะถ้าอยู่แล้วฝั่งนั้นมีพวกเยอะขึ้นมาเธออาจจะสู้ไม่ไหว