ตอนที่ 2

1520 Words
แสงแดดจ้าแทรกตัวผ่านรอยแยกของผ้าม่านสีหวานสะท้อนเข้าตาทำให้หญิงสาวรีบพลิกหน้าลงซุกกับหมอนทันที  มือและขากอดกระชับหมอนข้างแน่นราวกับไม่อยากจะหลุดจากห้วงแห่งนิทรารมย์แม้แต่วินาทีเดียว  ทว่าแม้เจ้าหล่อนจะหลีกหลบอย่างไรก็ไม่พ้นอยู่ดี นัยน์ตาสวยหรี่ปรือ แพขนตางอนกระพริบถี่ๆ เพื่อปรับแสงสว่างรอบกายให้ชัดเจนยิ่งขึ้น  ภาพห้องนอนที่แปลกตาทำให้หล่อนงุนงงไปชั่วขณะ “ที่ไหนกันนะ” หากเมื่อสมองเริ่มทำงาน ริมฝีปากงามก็เผลอแย้มยิ้มละมุนละไม “อ๋อ...คอนโดยัยเชอร์รี่นั่นเอง” เมื่อได้คำตอบแล้ว ไม่นานคำถามใหม่ก็ตามมาอีกเป็นชุด “แล้วเรามาทำอะไรอยู่ที่คอนโดยัยเชอร์รี่ล่ะ...” “แล้วตอนนี้ยัยเชอร์รี่เพื่อนรักอยู่ไหนล่ะเนี่ย...” คราวนี้กลับไม่มีคำตอบ ขวัญฟ้ารีบผวาจากเตียงทันที “เชอร์รี่จ๋า...เชอร์รี่...ยัยเชอร์รี่...ไอ้เชอร์รี่เน่า!”   ไม่มีเสียงตอบจากเพื่อนสาว  ขวัญฟ้าหันไปมองนาฬิกาปลุกที่ตั้งไปบนหัวเตียงที่ตอนนี้บอกเวลาเกือบ 10 โมง” จำได้ว่าก่อนจะนอน หล่อนจัดการตั้งเวลาปลุกไว้ที่  7 โมงตรงนี่นา ม่านหน้าต่างทุกบานรูดปิดหมด จะมีก็เพียงรอยแยกนิดๆเท่านั้น จึงทำให้ไม่รู้ว่าข้างนอกสว่างแล้วหรือยัง...หรือว่า... นี่หล่อนจะถูกเพื่อนตัวดีเล่นงานให้ซะแล้ว!                                                 มอนิ่งจ้า...ตัวยุ่ง...      ขอโทษที่ไม่ได้ปลุก เห็นแกนอนสบายเลยไม่อยากรบกวน อ้อ! อาหารสดอยู่ในตู้เย็นนะทำกินได้ตามใจชอบ แต่ถ้าขี้เกียจล่ะก็ ... มาม่ากับปลากระป๋องอยู่ในตู้กับข้าว  เชิญคุ้ยเขี่ยได้ตามสบายเลย  แล้วเมื่อกี้ป๋าแกโทรมา   สั่งให้โทรกลับด้วย  อย่าลืมล่ะ ไว้เย็นๆเจอกันนะจ๊ะ  บ๊าย...บาย... ปล. จงล้มเลิกความคิดที่จะเป็นคุณเลขาของบอสฉันซะเถอะ  ถ้าแกยังอยากมีชีวิตที่สดใส แข็งแรงและร่างกายครบ 32 ส่วนอยู่                                                                                รักนะจ๊ะ                                                                                -เชอร์รี่-   ขวัญฟ้า  มองกระดาษแผ่นน้อยที่เจ้าของห้องเอามาติดที่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง อยากจะกรี๊ดให้สลบ กับความแสบของเพื่อนรัก ทว่ามันกรี๊ดไม่ออกเพราะขำมากกว่า  ชาริณี คงแอบย่องออกไปทำงานแต่เช้าตรู่ เพื่อกันไม่ให้หล่อนได้ตามไปสมัครงานด้วยแหงๆ  เท่านั้นไม่พอเจ้าเพื่อนตัวดียังอุตส่าห์ช่วยเปลี่ยนเวลาที่นาฬิกาปลุกเพราะกลัวมันเผลอทำหล่อนตกใจตื่นก่อนเวลาอันสมควรตื่นซะด้วย ‘หนอยแน่ะ...แสบนักนะ...ไอ้เพื่อนตัวดี  ดันมาหักเหลี่ยมโหดหนีเอาตัวรอดกันซะงั้น   คิดเหรอ....ว่าแกจะล้มเลิกความคิดฉันได้   ยังไงซะวันนี้  ฉันก็จะไปสมัครที่บริษัทแกจนได้  คอยดูนะไอ้เชอร์รี่เน่า  คอยดู  ฉันจะต้องเป็นคุณเลขาคนใหม่ของเจ้านายใหญ่แกให้ได้  คอยดูนะ...นายปีศาจร้าย...เราต้องได้เห็นดีกันแน่ คอยดู๊...’    รถสปอร์ทสีดำสุดหรูแล่นกระตุกๆ ก่อนดับวูบไปดื้อๆ ตรงสี่แยกไฟแดงพอดี  และเมื่อสารถีรูปหล่อแต่ตอนนี้หน้างอเป็นม้าหมากรุก พยายามสตาร์ทรถอีก  รถเจ้ากรรมก็ไม่ยอมติดอีก เมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวจึงทำให้รถคันหลังต้องก็บีบแตรไล่ดังสนั่นลั่นถนนตามธรรมเนียมของคนเมืองกรุง “บ้าชิบ”  เขาสบถอย่างอารมณ์เสียสุดๆ  ก่อนลงจากรถเพื่อมาตรวจเช็คเครื่องยนต์ เมื่อฝากระโปรงรถเปิด ควันขาวก็ฟุ้งตลบออกมาทันที  ระพีวิชญ์ ทำหน้ายุ่ง  หากเป็นงานบริหารที่ยากแสนยาก หรือ ยุ่งเหยิงแบบสุดๆ แล้วล่ะก็ เขาจะไม่หวั่น ไม่ว่าซักคำ แต่จะให้เขามานั่งซ่อมเครื่องยนต์กลไก แม้จะเป็นแบบง่ายๆก็เถอะ  ต้องขอบอกว่า ‘จนปัญญา’   ไม่ถูกโรคกันจริงๆ  แต่เมื่อเปิดฝากระโปรงรถแล้ว    จะให้ปิดเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลยก็คงกระไรอยู่  เขาจึงจำใจต้องทำเป็น ก้มๆเงยๆ  ลองจับสายนั่นคลำสายนี่สำรวจไปเรื่อยๆ มือไม้ดำเขรอะไปก่อนตามเรื่อง จนกระทั่ง… “มีอะไรให้ช่วยไหมครับ” เสียงสวรรค์ เอ้ย! เสียงตำรวจจราจรดังขึ้นข้างตัว  ทำให้เขาใจชื้นขึ้นนิดหน่อย “รถผมเสียครับ ไม่หัวเทียนบอด หรือน็อตหลุด ก็คงเป็นเพราะเบรกแตก หรือไม่หม้อน้ำมันคงร้อนจัดเกินไปจนรั่วรึเปล่าไม่ทราบ…” ตำรวจจราจรทำหน้างงสุด ๆ  พลางนึกในใจ ‘ตกลงคุณจะให้รถคุณเป็นโรคอะไรกันแน่เนี่ย ...’  โดยคุณจราจรหารู้ไม่ว่า  อันที่จริงน่ะ  คนทำท่าชันสูตรเครื่องยนต์เยี่ยงผู้ชำนาญการนั้น  ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารถตัวเองเป็นอะไร  แต่ถ้าจะให้บอกไปว่า  ไม่รู้   คง ‘เสียฟอร์ม’ แย่   เลยต้องหาเหตุส่งเดชไปก่อน “ผมว่าเข็นรถเข้าข้างทางก่อนดีกว่านะครับ เพราะตอนนี้รถคุณกำลังกีดขวางการจราจรอยู่” ชายหนุ่มพยักหน้าเซ็งๆ  ก่อนถอดเสื้อสูทโยนส่งๆ ไปหลังรถ จัดการคลายเนคไทออกหลวมๆ พับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นลวกๆ เพื่อเข็นรถเข้าข้างทาง ‘วันนี้มีประชุมกับฝ่ายบริหารซะด้วยสิ  นี่ก็สายมากแล้วด้วย ทำไมซวยอย่างงี้วะ…’ เมื่อภารกิจเข็นรถเรียบร้อย  ก็เกิดปัญหาชีวิตครั้งใหม่ก็ตามมา “แล้วทีนี้จะไปบริษัทยังไงดีล่ะ…” “ขอโทษค่ะ  เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...” ขวัญฟ้าปิดโทรศัพท์มือถือฉับทันที  แล้วรีบกดปุ่มโทรซ้ำอีกครั้ง แต่คำตอบก็ยังเหมือนเดิม แม้หล่อนจะเพียรกดซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ  จนทั้งมือและหน้าคนกดแทบจะหงิกอยู่รอมร่อแล้ว  แต่ไอ้คุณเชอร์รี่เน่าเพื่อนรัก ก็ไม่ยอมเปิดเครื่องอยู่ดี  ขวัญฟ้าถอนใจเบาหวิว เริ่มตระหนักว่า  ชาริณี กำลังทำอย่างที่หล่อนเคยบอก    ‘ฉันไม่ช่วยแกหรอกนะ...’ อาคารสูงสีขาวหลังใหญ่ตั้งเด่นตระหง่านเหนือกว่าอาคารอื่นๆในบริเวณใกล้เคียง  ด้านหน้าอาคารติดกระจกใสโดยรอบทำให้มองเห็นความ โอ่อ่า และ หรูหรา ภายในซึ่งตกแต่งอย่างที่ต้องเรียกว่ามี รสนิยมสูง   สมกับเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างและตกแต่งอาคารที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองไทย  ขณะที่หญิงสาวเหลียวซ้ายแลขวาเพื่อจะหาหนทางว่าจะเข้าไปในบริษัทยังไงนั้น จู่ๆ... “พลั่ก!... ว้าย!...เฮ้ย.!...” ขวัญฟ้ารู้สึกเหมือนกับถูกซุงท่อนยักษ์กระแทกอย่างแรงที่ด้านหลัง  จนหล่อนเกือบหน้าคะมำกับพื้น  ทว่ายังดีที่  กิ่งของซุง  เอ้ย! มือแข็งแรงของใครบางคนรั้งเอวบางของเธอไว้ได้ฉิวเฉียด “เป็นอะไรรึเปล่า” คำถามห้วนแต่สุภาพ  ดังใกล้หูทำเอาพวงแก้มคนฟังเริ่มเป็นสีชมพูเข้มขึ้นกว่าเดิม “มะ...ไม่เป็นไรค่ะ”  ขวัญฟ้าตอบเสียงเบาหวิว  ก่อนช้อนสายตาขึ้นสานสบนัยน์ตาคมกริบของคนตัวสูงใหญ่ที่ยังใช้มือข้างหนึ่งโอบเอวหล่อนไว้ไม่ยอมปล่อย   “มัวเหม่ออะไรอยู่ได้ฮ่ะ ”  “อะ...อะไรนะคะ” หญิงสาวอ้าปากค้างไม่รู้จะพูดอะไรดี   “ผมถามว่าคุณมัวเหม่ออะไรอยู่ได้  ทำไมไม่ดูตาม้าตาเรือ...” “เกิดชนผมล้มพิการมาจะว่าไง  แล้วเมื่อไหร่จะยืนด้วยขาตัวเองซักทีเนี่ย” เมื่อตั้งสติได้  ขวัญฟ้า รีบสะบัดตัวออกจากอ้อมแขนเขาโดยไว ตัวเขาเองไม่ใช่หรือ...ที่เป็นคนเดินชนหล่อนจนเกือบหน้าคว่ำ ยังมีหน้ามากล่าวหากันอีก หนอย... ผู้ชายอะไรปากยังกะ ลอดช่องสิงคโปร์ “นี่นาย... เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า  คนที่ไม่ดูตาหมาตาแมวน่ะ  คือนายต่างหากไม่ใช่ฉัน ”  หล่อนรีบชิงจังหวะไม่ปล่อยให้เขาโต้ตอบ “ไง...ยืนเอ๋อไปเลย  ที่บ้านไม่มีใครสอนรึไง  ว่าเมื่อทำผิดก็ต้องขอโทษ  อ๋อหรือว่า...เค้าสอนแต่รอยหยักในเซเลบลัมของนายมันน้อยเลยจำไม่ได้...”  ขวัญฟ้ามองใบหน้าฝ่ายตรงข้ามที่ยืนนิ่งไปอย่างสะใจ  ก่อนใช้หางตามองไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้าของฝ่ายตรงข้าม  ทั้งที่ไม่เคยใช้กิริยาอย่างนี้กับใครมาก่อนในชีวิต แต่ตอนนี้มันโมโหนี่นา “อ๋อ... ที่แท้นายก็เป็นยามบริษัทนี้หรอกเหรอเนี่ย  ”   คิ้วเข้มขมวดมุ่น “ถึงว่าสิ...เจ้านายคงทำงานเพลินจนไม่มีเวลาอบรมมารยาทลูกน้องอย่างนายเลยซินะ”  ชายหนุ่มตาวาวโรจน์ “คุณรู้จักเจ้านายผมเหรอ...” “แน่ล่ะ...ทำไมฉันจะไม่รู้จัก อ้อ...นายรู้ไว้ด้วยนะ ว่าตั้งแต่วันนี้ไปฉันจะมาเป็นคุณเลขาคนใหม่ของเขา ” คนฟังตีหน้ายักษ์มองหญิงสาวสุดมั่นตรงหน้าราวกับเห็นมนุษย์ต่างดาว!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD