บทที่ 2 พี่วิน 64
ผ่านมาหลายวันแล้วหลังจากเกิดเรื่องวันนั้น และเรื่องวันนั้นที่ว่าก็คือวันที่ฉันโดนไอ้คุณตำรวจขายาวจับนั่นเอง! เกิดมาอายุยี่สิบห้าปีเพิ่งเคยโดนจับก็วันนี้ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น เสียชื่อเจเจ้เจ๊ใหญ่แห่งซอยผีผ่านเพราะไอ้คุณตำรวจคนนั้นคนเดียว!
แนะนำตัวก่อนละกัน เจเจ้ เจนจิรา บุญมายัง คือชื่อของฉัน ชีวิตก็ตามนามสกุลเลย ไม่รู้บุญมายัง จะมาตอนไหน รอนานแล้วแต่ก็ไม่มาสักที
อย่าใส่ใจในความไปเรื่อย เข้าเรื่อง ๆ ฉันเป็นลูกกำพร้าพ่อแม่อยู่กับยายบุญตั้งแต่เด็ก ยายเล่าให้ฟังว่าพ่อไปเที่ยวคาราโอเกะแล้วพลาดทำสาวในนั้นท้อง เธอก็เลยมาถามหาความรับผิดชอบต่าง ๆ นานาโดยเฉพาะเงินเป็นต้น แต่พ่อก็ไม่มีให้ด้วยความที่ฐานะยากจน จึงสรุปกันว่าไม่เอาเด็กออกแต่เมื่อคลอดพ่อต้องรับเลี้ยง และเมื่อคลอดเสร็จเธอก็ทิ้งฉันไว้แล้วหนีหายไป ไม่ต่างจากพ่อที่หนีหายไปเช่นกัน ฉันก็เลยได้อยู่กับยายบุญตั้งแต่จำความได้ แต่ตอนนี้ยายฉันจากไปแล้วเลยได้อยู่คนเดียวใช้ชีวิตเท่ ๆ ตามประสาคนสวยและโสดมาก
“เจ้จ๋าเอาเกาเหลาถุงนึงจ้า” ความคิดพลันสะดุดเมื่อเสียงคุ้นเคยเอ่ยดังให้ได้ยินเหมือนเฉกเช่นทุกวัน หากเป็นเมื่อก่อนก็คงรำคาญ แต่ตอนนี้ชินซะแล้ว
“ไม่งอกเหมือนเดิม?” เปิดปากถามไอ้เข้มหนุ่มรุ่นน้องในซอยที่ตามจีบทุกวันเช้าเย็นไม่มีแผ่วไม่มีพัก อย่างว่าละน้าก็คนมันสวยทำไงได้ต้องมีคนมาจีบเป็นธรรมดา ~
“เจ้ใส่อะไรเข้มก็กินหมดแหละจ้ะ”
“ใส่ตีน” ปากว่าแต่มือก็จัดการหยิบอะไรต่าง ๆ มาทำ “ตกลงงอกไม่งอก?”
“หวานเป็นลมขมเป็นยา…” แต่มันก็ไม่ตอบแถมยังเอ่ยบทกลอนที่เตรียมมาทุกวัน “แต่เป็นอะไรหนาถึงจะได้เป็นแฟนเธอ”
“ฮิ้วววววววววว!!!!!!!”
ปัง!!!
“ตกลงเอาไง ลูกค้าคนอื่นเขารอ!” วางตะกร้อลวกเส้นลงพร้อมเท้าสะเอวมอง บริเวณรอบร้านเงียบสงัดไร้ซึ่งบทกลอนเหมือนเมื่อครู่ ไอ้คนพูดยิ้มแห้งพยักหน้าถี่รัว
“เอาสิจ๊ะ ๆ ถ้าวันไหนเข้มไม่ได้กินเกาเหลาฝีมือเจ้ วันนั้นเข้มจะนอนไม่หลับกระสับกระส่ายทุรนทุรายเหมือนจะตายให้ได้เลย”
“โอยยยยย! ไอ้เข้มมึงรีบสั่งเถอะกูหิวข้าว!” ตาแป๊ะข้างบ้านที่ยืนต่อแถวนานแล้วตะโกนมาเสียงดัง “จีบมาเป็นปีไม่ติดสักทีกูว่ามึงพอเห๊อะ!”
“ตาไม่เคยได้ยินไง๊?” มันเถียงกลับท่ามกลางการสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ของฉัน “ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน”
“…”
“ตอนนี้เจ้อาจจะกำลังทดสอบความอดทนของฉันอยู่ก็ได้”
=_=
“ตาเอาไร ฉันจะทำให้ก่อน” สุดท้ายก็ต้องพูดข้ามหัวมันไป เพราะหากยังอารัมภบทอยู่แบบนี้ไม่ต้องขงต้องขายมันพอดี
“เอาเหมือนเดิม”
“ฮั่นแนวิ๊ดวิ๊ว~ ที่จริงเจ้อยากอยู่กับเข้มนาน ๆ ใช่ไหมล่ะ เลยทำให้ตาแป๊ะก่อน”
ปัง!!!!
เป็นอีกครั้งที่ฉันวางตะกร้อลวกเส้นลงเสียงดัง ยืนเท้าสะเอวมองมันด้วยความโมโหทั้งหมดที่มี ยังดีที่ทำให้อีกฝ่ายสลดได้ไม่เปิดปากพูดอีก มือก็เลยหยิบตะกร้อมาลวกเส้นเลิกสนใจมัน
ก่อนที่เสียงของไอ้เข้มจะดังให้ได้ยินอีกครั้ง “เกาเหลาไม่งอก และไม่ต้องใส่ความรักของเจ้มานะ วันนี้ไม่อยากได้!”
เจริญ… อย่างกับกูอยากให้นักไอ้เข้มเอ๊ย!
พูดตามตรงว่าฉันจะไม่อะไรเลยหากไอ้เข้มมันเป็นคนดี เห็นพูดจาปากหวานแบบนี้เบื้องลึกเบื้องหลังมันร้ายจะตาย ได้ข่าวมาว่ามันไปรับยาจากรายใหญ่มาปล่อยให้คนในซอย ทั้งเสพทั้งขายจะให้รับรักก็กระไรอยู่
ยังดีที่มันไม่เป็นบ้าอาลวาดด่าหรือทำร้ายคนอื่น แต่ก็ไม่รู้หรอกว่าวันไหนจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น เกี่ยวกับพวกยานรกแบบนี้อะไรก็ไม่แน่นอน ทำลายทุกอย่างไม่เว้นแม้กระทั่งชีวิตของตัวเอง
ถามว่าฉันกลัวมันไหม ตอบตรง ๆ แบบไม่ตอแหลก็กลัว ฉันมันก็เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อยู่บ้านคนเดียวจะเอาอะไรไปสู้มัน ก็เลยต้องทำเสียงข่มเพื่อไม่ให้มันเข้าใกล้เกินความจำเป็น ส่วนอาวุธพูดตรง ๆ ว่าฉันเหน็บมีดไว้ทุกมุมบ้านพอได้อุ่นใจ ใครบุกรุกเข้ามาแม่จะเสียบให้ไส้ไหลเลยคอยดู!
ตกบ่ายใกล้เย็นลูกค้าจะไม่มีมาแล้ว ด้วยความที่อยากกินอะไรเย็น ๆ ก็เลยฝากร้านไว้กับลุงป้าน้าอาที่ชอบจับกลุ่มนินทาคนนั้นคนนี้ช่วยดูให้ ขาเดินตรงไปยังหน้าปากซอยผีผ่านรอเรียกรถไอติมที่ชอบมาเวลานี้
แต๊แด๊แด่ แตแด่แด๊แด่แด ~ แต๊แด๊แด่ แตแด่แด๊แด่แด ~
“เพ่!” มือกวักเรียกรถไอติมเจ้าประจำที่กำลังจะขี่ผ่านไปเร็วแสงเหมือนจรวดบินผ่านโลก เหมือนเคยที่อีกฝ่ายจะไม่ได้ยินก็ต้องเรียกซ้ำ “เอ้อวเพ่!!!!!!!”
เพียงเท่านั้นพ่อค้าก็หันมามองพลางเลี้ยวรถกลับมาจอดต่อหน้าเหมือนเคย สีหน้าไม่หือไม่อือไม่รู้สึกที่ขี่ผ่านหน้าฉันไปเฉยเลยด้วยซ้ำ
“เอาอะไรอีหนู”
“แตงโมมีไหม”
“มี ๆ” พ่อค้าว่าพลางค้นหาไอติมที่ว่าให้ฉัน แต่ปากก็ไม่วายพูดตามประสาคนอัธยาศัยดี “อยู่ในซอยนี้เรอะ เห็นมารอหน้าซอยทุกวัน”
“อยู่ในนี้แหละ”
“ชื่อซอยมงคลเนาะ น่าเข้าไปเที่ยว”
คำพูดดังกล่าวทำให้สมองฉันแย้งขึ้นมาทันทีว่าตรงไหนวะ! ‘ซอยผีผ่าน’ นี่นะน่าเข้ามาเที่ยว พ่อค้าสมองกลับแล้วหรือไร หรือเมื่อกี้ประชด?
“เอ้าได้แล้ว” ไอติมดึงสติกลับมา มือยื่นไปรับจ่ายเงินเสร็จสรรพก่อนที่รถจะวิ่งร้องแต๊แด๊แด่ออกไปอย่างไม่ไยดี
ฉันกัดไอติมกินอย่างเอร็ดอร่อยท่ามกลางบรรยากาศแดดเปรี้ยงอันสดใส ตามองไปรอบ ๆ เพื่อดูวิวทิวทัศน์ว่าตรงไหนน่าอภิรมย์ชมใจบ้าง กระทั่งสายตาไปหยุดที่ป้อมวินมอ’ ไซค์ ไม่รู้เขาเรียกว่าอะไรขอเรียกป้อมวินก็แล้วกัน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ฉันให้ความสนใจ ที่สนใจคือเห็นผู้ชายรูปร่างท่าทางไม่คุ้นยืนใส่เสื้อวินเบอร์หกสี่อยู่ต่างหาก
ที่ไม่คุ้นเพราะดูทรงไม่น่าใช่คนแถวนี้…
แต่ให้มองดี ๆ ก็คุ้นนะว่าไป… โดยเฉพาะทรงผม
หรี่ตามองอีกฝ่ายด้วยสายตาพิจารณาท่ามกลางปากกัดไอติมทั้งดูดทั้งเลีย เพียงเท่านั้นก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อคิดออกว่าผู้ชายคนนี้ลักษณะเหมือนใคร เหมือนไอ้คุณตำรวจคนนั้นฉันจำไม่ผิดแน่!