“เรียบร้อยแล้วนะ ยังไงคืนนี้แมงมุมก็อยู่ห้องเบสเลยแล้วกัน” น้าบัวเอ่ยด้วยรอยยิ้มชื่นใจ หลังจากให้แม่บ้านช่วยกันจัดเสื้อผ้าฉันไว้ในห้องของเขาเรียบร้อย ไม่ได้สนใจเลยว่าลูกชายตัวเองจะนั่งหน้าบอกบุญไม่รับแค่ไหน
“เฮ้อ ทำไมแม่เพิ่งมาคิดได้ตอนนี้ว่าให้เราสองคนหมั้นกันมันลงตัวที่สุดแล้ว เบสก็ดูแลแมงมุมดีๆ น้าผึ้งเขาอุตส่าห์ไว้วางใจให้เราดูแลลูกสาวเขา”
“น้าผึ้งฝากแม่หรือเปล่า ไม่ได้ฝากผม” ฉันว่าแล้วว่าเบสจะทนนั่งนิ่งไม่พูดไม่จาได้แค่ไหนกัน...น้าบัวก็ดูตั้งใจยั่วโมโหลูกชายเหลือเกิน
“แม่จะดูแลแมงมุมได้ถึงไหนล่ะเบส แก่แล้วจะตายวันตายพรุ่งไม่รู้ เรานั่นแหละต้องดูแลแมงมุมแทนแม่”
“โตขนาดนี้แล้วจะต้องให้คนอื่นมาดูแลทำไม” หันขวับมามองฉันด้วยความหัวเสีย...ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เบสดูเหมือนจะไม่พอใจอะไรฉัน...เหมือนเกลียดกันจริงๆ จากที่เมื่อก่อนก็ตีกันบ้างดีกันบ้าง แต่หลังๆ มาเขาเน้นตี...ที่สำคัญเขาห่างเหิน
“แม่น่ะวุ่นวายไม่เข้าเรื่อง จะให้มาเป็นคู่หมั้นมาอยู่ด้วยกันทำไม เขาก็อยู่ของเขาได้มาตั้งนาน”
“โอ๊ย หยุดพูดเรื่องนี้ได้แล้วจ้ะลูกชาย เราคุยกันรู้เรื่องแล้ว” น้าบัวไม่ได้ดูเดือดร้อนอะไรเลยที่เบสแสดงอาการไม่พอใจขนาดนี้
“แม่รู้เรื่องของแม่อยู่คนเดียวเถอะ ผมบอกแล้วไม่เอา ไม่หมั้น”
“หรือเบสจะให้แม่จัดงานหมั้นให้จ๊ะ” น้าบัวก็พูดไปอีกทาง เป็นท่าทีที่น่าจะยิ่งทำให้เบสยิ่งขัดใจ แต่เขาก็ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ เพราะรู้ว่ายังไงก็ไม่มีทางเอาชนะแม่ตัวเองได้หรอก
น้าบัวกับเบสก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร แม่ชอบจัดแจงลูกชายทุกเรื่อง ส่วนลูกชายก็แทงสวนได้ทุกเรื่องเหมือนกัน...แต่สุดท้ายแล้วเบสก็ไม่เคยชนะน้าบัว เพราะถึงจะเห็นต่างกันทุกเรื่องยังไงเขาก็ไม่เคยจะโกรธเคืองแม่จริงจัง
เรื่องนี้เขาก็คงไม่แคล้วต้องยอมแม่...ทำอะไรแม่ตัวเองไม่ได้ก็มาทำฉันนั่นแหละ
“เบส น้าผึ้งเขามีบุญคุณกับเรานะ แม่รับปากเพื่อนเอาไว้แล้วว่าจะดูแลแมงมุมเอง แล้วแม่ก็คิดว่าการให้เราสองคนคบกัน เป็นครอบครัวเดียวกันมันดีที่สุดแล้ว”
พอน้าบัวเอ่ยถึงแม่ของฉันด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น เบสก็มีท่าทีอ่อนลง และคุยกับแม่ดีๆ ไม่เหวี่ยงเหมือนตอนแรก
“มันไม่จำเป็นหรือเปล่าแม่ เราสองคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมาเป็นคู่หมั้นเป็นอะไรผมก็ดูแลแมงมุมได้ เดี๋ยวเขาก็ไปมีแฟนของเขาเอง”
ฟังถึงตรงนี้ก็ใจหายนะ เบสไม่เคยรู้จริงๆ เหรอว่าที่ผ่านมาฉันรู้สึกกับเขาแบบไหน...หรือเพราะเขารู้ เขาถึงได้พยายามเว้นระยะห่างกับฉันมากขึ้นทุกวัน
“ใช่ เมื่อก่อนมันเป็นแบบนั้น เบสดูแลเพื่อนได้ดี แม่ก็วางใจ แต่เดี๋ยวนี้เราอะเหลวไหล จนมันเกิดเรื่อง”
“เรื่องอะไร” เบสขมวดคิ้วด้วยท่าทีที่ทั้งงงทั้งหงุดหงิด น้าบัวหันมามองฉันแว่บหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้ฉันขอเธอเอาไว้ว่าไม่ต้องบอกคนอื่น
“ถามตัวเองดูก่อนว่าไม่ได้เจอแมงมุมมากี่วันแล้ว”
“แม่ ผมก็ต้องมีเวลาไปเจอเพื่อน...เจอสาวบ้างหรือเปล่า จะให้ไปตามเขาทุกวันได้ยังไง” กลับมาโวยวาย เพราะเข้าใจว่าแม่บ่นเรื่องที่เขาไม่ค่อยจะมาเจอกัน...หรือแม้แต่จะคุยกันมาครึ่งปี
“ก็เอาแต่เที่ยวแต่หาสาวหรือเปล่าล่ะ เกรดถึงได้ตกแบบเกือบรีไทร์น่ะ...เราสองคนอยู่ด้วยกันน่ะดีแล้ว แม่จะได้ไว้วางใจว่าแกจะไปเรียน ไม่เหลวไหลเหมือนปีหนึ่งปีสอง” พอยกเหตุผลนี้มาอ้างเบสก็ชะงักไป หันมามองฉันด้วยสีหน้าที่ยังงงๆ
“อย่าบอกนะว่าแม่อยากให้แมงมุมมาคุมผมน่ะ”
“เอาจริงๆ ใช่ไหม นั่นแหละเหตุผล เรียนมาสองปีจะมาถูกรีไทร์ปีที่สามไม่ไหวนะ”
เขาถอนหายใจแรงๆ เหมือนเป็นเรื่องไร้สาระนักหนา
“แม่ ยัยนี่ช่วยอะไรไม่ได้หรอกน่า ไม่มีประโยชน์...เอาเป็นว่าผมไม่ปล่อยให้ตัวเองเรียนไม่จบ สบายใจได้ยัง เอาลูกสาวแม่กลับไปเลย”
เป็นคำประชดที่เจ็บดีเหมือนกัน...เอาจริงๆ ฉันก็ไม่คิดว่าตัวเองจะบังคับอะไรเบสได้เหมือนกัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนน่ะอาจพอไหว แต่เดี๋ยวนี้รู้สึกพลังงานเหลือน้อยนิดเหลือเกิน
“ไม่ได้แล้วจ้ะ แม่คิดมาดีแล้ว” น้าบัวยืนยันคำเดิมแบบง่ายๆ เหมือนกับว่าไม่ได้เพิ่งผ่านการถกเถียงแบบจริงจังมาเลย
“แมงมุม ยังไงน้ากลับก่อนก็แล้วกันนะจ๊ะ แต่ถ้าเบสเขาแกล้งอะไรโทรหาน้าได้เลย” ประโยคทิ้งท้ายนั้นน่าจะยิ่งทำให้เบสโมโหฉันหนักเข้าไปอีก ซึ่งก็เป็นไปตามที่คิด พอน้าบัวกับแม่บ้านออกจากห้องไป เบสก็นั่งจ้องหน้าฉันเขม็ง กินหัวฉันได้คงงับไปแล้ว
แต่เขาข่มความโกรธนั้นเอาไว้ จนความครุกรุ่นกลายเป็นความนิ่งที่เย็นชา...เจ็บกว่าการที่จะถูกเขาบ่นด่าอีก
“ฉันไม่ให้เธอเข้าไปนอนในห้องด้วยนะแมงมุม ถ้าจะอยู่ที่ห้องนี้ก็นอนโซฟาไป...นอนไม่ได้ก็กลับห้องเธอ”
ฝากเบสกับแมงมุมด้วยนะคะ เรื่องนี้น่ารักนะคะ (ถ้ามองข้ามความปากหมาของเบสในช่วงแรกไปได้ ฮาา)