บทที่- 2- บอลเป็นเหตุ สังเกตได้

1734 Words
บทที่- 2- บอลเป็นเหตุ สังเกตได้             หลายวันผ่านพ้นไป ใกล้จะสิ้นเดือนแล้ว ทุกคนต่างก็กระเบียดกระเสียดเงินทองในการจับจ่าย โดยเฉพาะ ดลธวัช ตั้งแต่ถูกยึดบัตร ATM ก็แทบจะไม่มีเงินกินข้าวอยู่แล้ว           ทุกวันนี้ต้องอาศัยเพื่อนฝูงให้ออกค่าอาหารให้ เป็นที่น่าเวทนาสุด ๆ แต่ถึงอย่างนั้นนักศึกษาหนุ่มก็ใช่ว่าจะเข็ด   ที่บ้านของดลธวัช           ใต้ต้นมะม่วง กำลังออกผลมีหลายช่อหลายพวง เห็นแล้วน้ำลายสอ น่านำมาทำน้ำพริกปลาหวานกินจริง ๆ           สามหนุ่มสามมุมต่างก็นั่งติวหนังสืออยู่ใต้ต้นไม้ แต่ทว่ากลับมีขวดเบียร์ตั้งอยู่ด้วย เรียกได้ว่ากินไปอ่านหนังสือไป แบบนี้เรียกความจำได้ดีทีเดียว สัญญาว่าเอาไว้           แม้จะมีเบียร์ของโปรดวางอยู่ตรงหน้า เจ้าของบ้านกลับกลับไม่แยแส เอาแต่นั่งนิ่งแข็งท่อเป็นหุ่นยนต์           ขุนนางและสัญญาต่างมองหน้ากันอย่างงง ๆ เพราะตั้งแต่มาหามันที่บ้าน ไอ้เพื่อนเลวอย่างดลธวัชก็เงียบ ไม่ค่อยพูดค่อยจา เหล้ายาปลาปิ้งไม่กิน มันผิดวิสัยเป็นที่สุด แถมหน้ามันยังหมองคล้ำเหมือนถูกคุณไสยอีกต่างหาก เพื่อนทั้งสองเลยสงสัยอย่างที่สุด              "มึงเป็นไรไอ้ดล" ขุนนาง           "....." ดลธวัช           "... ว่าไง ตกลงเป็นไร" สัญญาถามขึ้น           "กูนึกว่าพวกมึงจะไม่ถามกูแล้ว นึกว่าไม่สนใจกูแล้ว.. โฮ" ดราม่าเฉย พร้อมกับซุกใบหน้าลงบนบ่าของสัญญา แต่เพื่อนรักกันดันออก พร้อมกับเบนตัวหนี           ".... เวรแล้วไง หยุดเลยนะมึง ไม่ต้องมาซบกูเลย" สัญญาพูดเสียงห้วน           “ฮึก ใจร้าย” ดลธวัชคร่ำครวญ สองหนุ่มต่างสยองหนัก           "... มึงหยุดเสียงร้องอุบาทว์ ๆ ได้แล้ว กูฟังแล้วอยากจะอ้วก" ขุนนางขัดใจกับเสียงร้องของมันเต็มที           "ฮึก... คือ.. กู.. เผลอ..." หยุดค้างอีกแล้ว ผัวะ !            คราวนี้ขุนนางไม่ถาม แต่ตบเข้าที่หัวเลย ฐานยุกยิกเรื่องมาก ถ้ามาอีหรอบนี้ แสดงว่ามันคงทำผิดมาแน่ ๆ ดีไม่ดีมันอาจจะเล่นบอลอยู่ก็ได้           "มึงไม่ต้องเล่า ถ้าจะอมพะนำแบบนี้ กูว่ามึงไปเล่นบอลอีกรอบชะ" ถามเพื่อนเสียงเขียว แล้วตาก็แทบถลนออกนอกเบ้า เพราะไอ้เพื่อนชั่วมันดันพยักหน้า           "อื้อ" เสียงเบา ๆ           งานนี้ไฟลุก ขุนนางลุกขึ้นเตะขามันทันที ป้าบ !            "โอ๊ย" คลำขาป้อย ๆ           "ไอ้สัส ไอ้เลว ไอ้เพื่อนชั่ว ไอ้โคตรเลว ไอ้... ไอ้.... " ขุนนางโมโหจะเตะอีกรอบ ดลธวัชรีบดึงสัญญามาคั่นกลาง ไม่ให้ถูกอีกฝ่ายเตะ           "เหี้ยเอ๊ย.. มึงดูรักกูจังนะ" สัญญาเสียงขุ่น           "เอาน่า.. มึงขวางไว้ก่อน เดี๋ยวกูตาย" บอกกับเพื่อน           "กูก็จะตายไปด้วยนะเว้ย" สัญญาเสียงหวาดๆ           "ถึงถอยไปนะไอ้สัญ ถ้ามึงไม่อยากตาย" เสียงของขุนนางเหี้ยมมาก           "แฮร่ กูก็อยากถอยนะ... แต่ไอ้เลวนี่มันจับกูไว้ไง มึงฟังกู มึงใจเย็น ๆ ก่อนนะ อย่าเพิ่งเตะมานะ กูยังอยากกินข้าวขาหมูอยู่นะมึง" รีบประนีประนอมด้วยความห่วงกิน           "เย็นพ่อง ! มึงดูมันทำ เมื่ออาทิตย์ก่อนหมดไปห้าหมื่น อาทิตย์นี้ทำอีกแล้ว โว้ยย ไอ้เพื่อนชั่ว กูอยากเลิกเป็นเพื่อนกับมึงแล้วว่ะ" บ่นยืดยาว           "แฮร่ กูผิดไปแล้ว มึงเลิกโมโหกูเหอะนะ กูสัญญาต่อจากวันนี้ไป กูจะทำตัวดี ๆ นะ น๊า" อ้อนได้อย่างน่าเกลียดสุด ๆ เห็นแล้วประทับใจมาก           "คราวนี้เท่าไหร่" กลั้นใจถามมัน ทั้งที่อยากก้านคอเต็มเหนี่ยว           "แฮร่..ไม่เท่าไหร่หรอก" เสียงอ่อย ๆ ไม่กล้าบอก เดี๋ยวมันจะก้านคอเขา คราวนี้ได้ตายจริงแน่           "มึงจะบอกกูดี ๆ ไหม" ถามเหี้ยม           "เอ่อ.. กะ ไม่เยอะ แค่... 1...แสน" บอกไปแล้วก็รีบหลบหลังสัญญา           "1แสน" ทั้งสองต่างตะโกนขึ้นมาลั่นบ้าน จนดลธวัชสะดุ้ง หันมองรอบบ้านด้วยอาการเลิ่กลั่ก กลัวว่าเพื่อนบ้านจะได้ยินแล้วโทรไปฟ้องพ่อ คนที่นี่ยิ่งเผือกเรื่องเขาเก่ง ถ้าพ่อรู้คราวนี้ มีหวังตาย !            "พวกมึงจะเสียงดังทำไม" เผลอตะคอก ก็เจอสายตาเหี้ยมเกรียมจากสองเพื่อน ทำให้คอหดอีกรอบ           "เอ่อ.. แฮร่" หลบหลังสัญญาใหม่ แล้วค่อย ๆ ยื่นใบหน้าออกมาดูสถานการณ์           "มึงออกไปหาไอ้ขุนเลยนะ มึงไม่ต้องหลบหลังกู ออกไปให้ไอ้ขุนมันฆ่าซะดี ๆ" พูดแบบนี้ใครจะบ้าออกไปวะ           "ไม่ กูไม่ออก"            "มึงต้องออก" สัญญาดึงแขนของดลธวัชอย่างแรง           “ม่ายยยยย กู ไม่ ออก" เสียงเอะอะของดลธวัช ทำให้ผู้ชายสองคนที่ก้าวขาลงจากรถต้องชะงัก แล้วมองตากันอย่างสงสัย ก่อนจะก้มลงดูในโทรศัพท์อีกครั้ง           "บ้านหลังนี้ถูกต้องนะ" ถามกันด้วยความสงสัย           "นั่นสิ" อีกคนพูดขึ้น ถ้าพวกเขาจำไม่ผิด นี่เป็นบ้านของวิศวกรที่ชื่อวินัยนี่นา พวกเขาเคยมาหานายช่างบ่อย ๆ แล้วนี่เขาได้รับหน้าที่ให้มาทวงเงินจากนายช่างคนนี้เหรอ           ทั้งคู่กำลังงง ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น กริ๊ง เฮือก!            ทุกคนสะดุ้งขึ้นมา แล้วอีกคนก็รีบกดรับสาย           "ครับลูกพี่" กรอกเสียงลงไปตามสาย           "ไปถึงแล้วใช่ไหม" ลูกพี่ถามเสียงเข้มกลับมา           "ครับ แต่ว่า.." เงียบไปเพราะไม่มั่นใจ           "แต่ว่าอะไร" ลูกพี่ถามกลับ           "แต่ว่า.. เอ่อ  นี่มันบ้านคุณวินัยนี่ครับ วิศวกรอะครับ" รีบเอ่ยย้ำเพราะกลัวว่าผู้เป็นลูกพี่จะจำไม่ได้           "แล้วไง" แต่ผู้เป็นลูกพี่ กลับตอบกลับมาแบบนี้           "อ้าว.. คุณวินัยเล่นบอลด้วยเหรอครับ" ถามอย่างงง ๆ  พวกตนไปที่ไซต์งานบ่อย คุ้นเคยวิศวกรที่ชื่อวินัยเป็นอย่างดี           "เปล่า"            "อ้าว? " ลูกน้องงง           "นายวินัยของพวกนายไม่ได้เล่นบอล แต่คนเล่นเป็นลูกชายของเขา พวกนายสองคนไปเอาตัวมา ยึกยักไม่จ่ายมาสามวันแล้ว เงินตั้งแสน เจ้านายไม่ปล่อยไปหรอก ต่อให้สนิทกับนายวินัยนั่นมากก็ตาม" สั่งเสียงเข้ม เงินตั้งเยอะ ใครจะบ้าปล่อยไป           "ครับลูกพี่ เอ่อ ว่าแต่ ลูกชายของคุณวินัยชื่อว่าอะไรครับ" ถามต่อ           ".... " ลูกพี่ปวดหัว ที่ลูกน้องช่างโง่เขลาเบาปัญญา ไม่รู้จักเอาข้อมูลไปด้วย           "พวกมึงนี่นะ.. โง่จริง ๆ เลย" ลูกพี่ระอา   ปิ๊งป่อง !            เสียงออดหน้าประตูรั้วดังขึ้น ทำให้ดลธวัชที่วิ่งหนีการฆาตกรรมของขุนนางหยุดกึก พอ ๆ กับเพื่อนทั้งสองที่เบรคตัวโก่ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ทัน เอี๊ยดดด ! โครม !           "โอ๊ยยยย" เสียงร้องลั่นของดลธวัช ทำให้คนที่มาเยือนสะดุ้ง พวกเขายังไม่ทันทำไรเลยนะ ร้องแล้วเหรอ           "เห้ยย กดกริ่งอีกรอบดิวะ" เร่งเพื่อนยิก ๆ กริ๊ง !  กดอีกครั้ง           ขุนนางดันตัวสัญญาออก แล้วลุกขึ้น พลางมองดูคนถูกทับเป็นกล้วยปิ้ง ค่อย ๆ ยักแย่ยักยันลุกขึ้นอย่างยากลำบากด้วยความเฉยเมย ไม่ติดช่วยอะไรทั้งนั้น           "อูยยย มึง ดึงกูหน่อย" บอกเพื่อน พลางยื่นมือให้           "ลุกขึ้นเอาเอง ถ้าไม่ลุก กูฆ่ามึงแน่" เสียงนั้นไม่ได้เอ่ยเล่น ๆ ทำให้ดลธวัชต้องลุกเองอย่างเซ็ง ๆ ปิ๊งป่อง !            เสียงยังไม่หยุด ทำให้เพื่อนทั้งสามเดินไปพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย แอ้ด !            เปิดประตูออกมา ต่างคนต่างชะงัก โดยเฉพาะขุนนาง ที่งงเป็นไก่ตาแตก ว่าคนของอาเขามาทำไม           ".... " เหล่าคนที่ถูกสั่งมาก็งงเช่นกัน ที่หลานรักของเจ้านายมาโผล่ที่นี่           ".... เอ่อ คุณขุนนาง" เสียงเจี๋ยมเจี้ยมเอ่ยขึ้น           "พวกพี่มาทำไม" ถามอย่างงง ๆ           "….." เงียบ           "ว่าไง.." เสียงเข้ม           "เอ่อ.. คือ เจ้านายให้มาเอา เอ่อ ดลธวัชไปพบครับ" หาคำที่สละสลวยพูดกับหลานเจ้านาย           "... ไปพบ.." ขุนนางงงแต่แล้วดวงตาคมก็สว่างวาบขึ้น อย่าบอกนะว่า...            หันไปมองเพื่อนอย่างรวดเร็ว แล้วหันมามองดูคนของอาอีกรอบ ใช่แล้ว           "มึง... เป็นหนี้บอลใช่ปะ" ถามเพื่อน           "อื้อ" เสียงแผ่วเบา กลัวเหลือเกินว่ารอบนี้จะถูกฆ่าตัดตอน           "มึงเป็นหนี้หนึ่งแสน" พูดอีกครั้ง แล้วหันไปหาคนของอา           "พวกพี่มาหาเพื่อนผมด้วยเรื่องบอล?" ถามช้า ๆ ชัดๆ           "ครับ... นายดลธวัชเป็นหนี้บอลของเจ้านายหนึ่งแสนบาทครับ ผลัดมาแล้วไม่ยอมจ่าย เจ้านายต้องการพบตัวด่วน" เอ่ยขึ้นแล้วมองหน้าของหลานรักเจ้านาย           "... เห้ย กะ กูไม่ไป" หลบหลังของขุนนาง             "ไม่ได้ครับ ถ้าเขาไม่ไปเจอปืนนะครับ" ตบไปตรงเอว ที่มีปืนซ่อนอยู่ นักศึกษาหนุ่มผู้เป็นหนี้หลักแสนใบหน้าซีดเผือดลงทันที รีบหันไปมองเพื่อนรักอย่างขอความช่วยเหลือ           "มึง... ช่วยกูหน่อย" ดลธวัชพูดเสียงแหบแห้ง พลางมองเพื่อนตาละห้อย ขุนนางเห็นแบบนั้นก็ชักสงสาร เลยโทรไปหาอา เพื่อช่วยไอ้เพื่อนเลวนี่           แต่ปรากฏว่า...  ตรู๊ดดด           +ขออภัยค่ะ.. หมายเลขนี้ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้+           "เวร" พูดพร้อมกับมองหน้าเพื่อนอย่างตัดสินใจ           "มึงไปกับคนของอากูก่อน... เดี๋ยวกูตามไป" ขุนนางบอกอย่างตัดสินใจเพราะถ้าไม่ให้ไปก็ไม่ได้ พวกพี่เขาทำตามคำสั่ง อาจมีการลงไม้ลงมือกันเกิดขึ้น... ถ้าต่อต้าน           "แต่ว่า.. มึง กูไม่อยากถูกฆ่าตัดตอน" เสียงอ่อย ๆ  ทียังงี้ล่ะกลัว           กลัวเป็นนะมึง แต่ตอนเล่นไม่ยักกะกลัว เล่นเอา ๆ มึงไปก่อน เดี๋ยวกูไปหาอา แล้วจะช่วยเอง" ขุนนางเสียงเครียด เขาไม่รู้ว่าอาจะทำยังไงกับเพื่อนเขา คงต้องไปพูดดูก่อน           คิมหันต์ไม่เหมือนคนอื่น เขาโหดมาก ทรมาณพวกลูกหนี้ที่เกิดหนีหนี้มานับไม่ถ้วน เขากลัวว่า ไอ้เพื่อนเลวจะถูกจับทรมานเหมือนคนอื่น ถ้าเป็นแบบนั้น เขาจะทำยังไงดี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD