เพราะว่าเราห่าง…ไกลกันเหลือเกิน :
ก๊อกๆ
“เข้ามา”
“เกิดอะไรขึ้นครับนายใหญ่” ผมถามออกไปด้วยความกังวลใจเพราะถูกเรียกมาพบนายใหญ่ที่บ้านแบบกระทันหันที่ห้องทำงานชั้นล่างนั้นมีนายใหญ่กับตี๋รอผมอยู่ก่อนแล้ว
มองนายใหญ่ที่หน้าตาเคร่งครึมจนคิ้วชนกันครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นนายใหญ่ทำหน้าแบบนี้ก็ตอนที่นายน้อยเกือบโดนลักพาตัวไป
ครั้งนี้ก็ต้องเรื่องใหญ่ไม่แพ้กัน
“ผมเองเฮีย” ตี๋หันมาบอกหน้าเครียด
“อะไรวะ?”
“ของที่จะส่งไปมาเลโดนบุกทลายมาสองครั้งติดแล้ว”
“ทำไมมึงไม่บอกกูก่อน”
“ผมคิดว่าจะจัดการได้แต่มัน…” ตี๋ถอนหายใจหันไปก้มหัวให้นายใหญ่แทน “ผมขอโทษครับนายใหญ่”
“มึงจะจัดการยังไงตี๋”
“ผมจะลงไปจัดการเองครับ”
“ไม่ต้อง! ...มึงอยู่นี่ล่ะกูไปเอง!” ผมรีบห้ามน้องทันทีใช้อำนาจของความเป็นพี่กำราบน้องตัวเองให้เชื่อฟัง
“เฮีย!”
“กูสั่งมึงต้องฟัง!! ...” ที่ผมห้ามน้องเพราะรู้ดีว่ามันอันตรายแค่ไหน
จากประสบการณ์ก็ประเมินได้ว่าการถูกตำรวจบุกทลายสองครั้งติดแปลว่าเอเย่นต์ทางใต้อาจมีสายตำรวจเข้ามาฝังตัวอยู่หรือไม่เด็กปลายแถวก็โดนตำรวจข่มขู่ยัดข้อหาเพื่อบังคับให้เป็นสายให้อีกที ในเมื่อไอ้ตี๋มันยังสืบอะไรไม่ได้ตัวมันก็ไม่สมควรที่จะลงไปเสี่ยง
มันมีลูกเมียต้องดูแลโดนจับหรือเกิดอะไรที่ร้ายแรงกว่านั้นผมรับผิดชอบทุกอย่างแทนมันไม่ไหว ผมตัวคนเดียวไม่มีใครเป็นอะไรไปก็ไม่มีห่วงอะไรอยู่แล้ว
“ผมขอลูกน้องลงไปด้วยสองคนครับ”
“แน่ใจแล้วนะโต”
“ครับ…ผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วจะส่งข่าวมาเป็นระยะ”
“กูจะไม่ลงโทษมึงนะตี๋ถือว่าครั้งนี้พี่มึงแบกไว้แต่ต้องไม่มีครั้งต่อไปอีกถ้ามึงทำพลาดซ้ำสองกูไม่เลี้ยง”
“ครับ…” ตี๋ก้มหัวสำนึกผิดหนักกว่าเก่า
ผมเคยดูแลเอเย่นทางใต้มาก่อนเข้าใจดีว่าน้องแบกความกดดันแค่ไหนเพราะเอเย่นต์ทางใต้มีปัญหาหนักสุดเปลี่ยนทีมตลอดและมีผลประโยชน์ทับซ้อนมากมายผมเองก็มีส่วนผิดเพราะคิดว่าตี๋มันมีความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่แล้วก็เลยวางใจไม่เข้าไปก้าวก่ายงานใครงานมัน
ผมจะรับผิดชอบเพราะเคยผ่านมาก่อนและในฐานะที่เป็นพี่ชายมันครับ
“มีแผนรึยัง?”
“ผมจะสืบหาหนอนบ่อนใส้ให้ได้ก่อนครับแล้วจะจัดการเก็บกวาดทั้งหมดให้เรียบร้อย”
“ต้องการอะไรก็ติดต่อมาทางนั้นลงตัวเมื่อไหร่ของล็อตใหม่จะลงไปทันทีเรายังไม่มีคอนเทคที่ดีจากทางนั้นอย่าไว้ใจใคร ทำอะไรก็ระวังตัวด้วยเข้าใจรึเปล่า”
“ครับนายใหญ่”
“…ออกไปได้แล้วทั้งสองคนเลย”
“ครับ…ผมจะเดินทางคืนนี้เลย” เราสองคนเดินออกจากห้องทำงานนายใหญ่เห็นไอ้อิฐยืนรออยู่หน้าห้อง
“เรื่องใหญ่เหรอครับ”
“อื่ม” ผมพยักหน้ารับมองน้องชายที่ซึมลงไปอย่างเห็นได้ชัดไม่รู้จะสงสารหรือจะสมน้ำหน้ามันดี “มึงเข้าไปในห้องเถอะเห็นหน้ามึงนายใหญ่คงอารมณ์ดีขึ้น”
“ครับ?”
“ถือว่าช่วยกูเถอะวะไอ้อิฐ” ตี๋ถอนหายใจแรง
“มึงมากับกูนี่” โอบไหล่น้องพาเดินออกมาจากหน้าห้องทำงานหาที่เงียบๆ คุยกันสองคน
“เฮีย…ขอบคุณนะ” ตี๋โผเข้ามากอดผมมันพูดเสียงสั่นดูสำนึกกับความผิดตัวเองมาก
“เรื่องมันไปไงมาไงเอาตั้งแต่ต้น”
“อือ…”
จ้องไอ้ตี๋ที่เล่าทุกอย่างให้ฟังด้วยสีหน้าที่ยังไม่สู้ดีมันไม่เคยเป็นแบบนี้หรอกโดนนายใหญ่ด่าขนาดไหรก็ยิ้มได้แต่นี่คือความผิดที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิตมัน
เงินเกือบห้าสิบล้านหายวับไปกับตาเมื่อโดนตำรวจบุกทลายยังดีที่จับเอเย่นต์ตัวใหญ่ไม่ได้ไม่งั้นคงซัดทอดมาถึงแก๊งค์เราแน่ มันผิดที่ไว้ใจให้เอเย่นต์ใหม่เดินของราคาสูงพูดแบบไม่เกรงใจก็คือน้องผมโง่เกินไปครับทำงานไม่รอบคอบ ประมาท ให้มันขายบ้าน ขายรถ ขายเมีย ขายลูกยังไม่พอชดเชยค่าเสียหายให้นายใหญ่เลยครับ
“มึงจำไว้เป็นบทเรียนแล้วกัน”
“จำยันตายเลยล่ะ”
“ส่งไฟล์เอเย่นต์ทั้งหมดของมึงมาด้วย”
“ได้…เฮียเองก็ระวังตัวนะ”
“กูเดินทางนี้มาก่อนรู้หรอกว่าจะหลบยังไง”
“ผมมันโคตรเป็นภาระอ่ะ”
“รู้ตัวก็ดีรีบกตัญญูกับกูซะ!” ทำเป็นดุแต่ก็ตบบ่าปลอบน้องเบาๆ
“เฮียเป็นทุกอย่างในชีวิตแล้วจริงๆ นะ”
“พอๆ ไม่ต้องมาซึ้งอยู่นี่ก็ตั้งใจทำงานล่ะกูไปบ่ะต้องจัดการอีกหลายอย่าง”
“ระวังตัวนะเฮีย”
บ้าน
ผมรีบจอดรถวิ่งขึ้นไปชั้นบนได้ข่าวจากไอ้อิฐว่าเฮียจะลงใต้ก็ใจไม่ดีรู้อยู่ว่างานเฮียน่ะมีออกต่างจังหวะแต่ที่ไอ้อิฐมันเล่าครั้งนี้มันค่อนข้างจะอันตราย
ผมอยากไปกับเฮียโตครับ
“เฮียจะไปไหน?” ถามเสียงเครียดเมื่อเห็นเฮียกำลังพับเสื้อยัดใส่กระเป๋า
“กูมีงานสำคัญคงไม่อยู่บ้านสักพักกูไม่อยู่ก็อย่าพังบ้านกูล่ะ”
“ผมไปด้วยนะ”
“ไปอะไรงานการไม่ทำรึไง!” เฮียหันมาดุ
“เฮียตี๋กับไอ้อิฐบอกว่ามันเสี่ยง”
“แล้วไงกูก็เสี่ยงมาตั้งเยอะ”
“ผมเป็นห่วงเฮียนะ”
“ขอบใจกูดูแลตัวเองได้” เฮียกันมามองหน้าเหมือนไม่รู้สึกวิตกกังวลอะไรสักอย่าง
“แต่สองคนดีกว่าคนเดียวนะเฮีย”
“มึงอย่ามางอแงเป็นเด็กติดแม่เลยวะ” เฮียปิดประเป๋ายกสะพายบ่าเตรียมจะออกไปจากห้อง
“ใครว่าผมติดแม่ผมเป็นห่วงเฮียเหอะ”
“เออ…ขอบใจกูดูแลตัวเองได้ไปนะ” เฮียยิ้มเล็กๆ แถมยังเอามือมาตบบ่าผมก่อนจะเดินผ่านผมไป
ใจมันหวิวมันโหวงแปลกเหมือนการแยกกันครั้งนี้มันแตกต่างออกไป
“เฮีย!” ทำตัวเป็นเด็กดื้อด้วยการรั้งเฮียไว้ด้วยอ้อมกอดอยากถ่ายทอดบอกความรู้สึกทั้งหมดผ่านทางภาษากายถ้าเป็นอะไรกันผมคงโวยวายและรั้งเฮียไว้อย่างสุดกำลังแต่ในตอนนี้ผมทำได้แค่วอนขอ
“ไอ้ดิม!”
“ขอ5นาทีนะผมจะไม่เจอเฮียนานแค่ไหน…ผมจะอยู่ได้รึป่าว” หลับตาซึมซับบรรยากาศ5นาทีที่ยาวนานที่สุดในชีวิตผมจดจำความอบอุ่นของแผ่นหลังกว้าง จดจำกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ที่ผสมปนกับน้ำยาปรับผ้านุ่ม
ทำไมผม…รู้สึกอ่อนแอจังนะหมดแรงจะรั้งเฮียขึ้นมาดื้อๆ อย่างนั้นล่ะ มันยากที่จะให้ผมพูดกับเฮียว่า
‘โชคดีดูแลตัวเองดีๆ นะเฮีย’
“…” ความเงียบจากฟังเฮียทำให้ทุกอย่างดูอึดอัดใจผมมันเหมือนลาวาหนักๆ ที่พร้อมระเบิดทุกอย่างที่เก็บกักออกไป
“เฮียเข้าใจผมบ้างมั้ยผมปล่อยเฮียไปแบบนี้ไม่ได้ที่ทำไปทั้งหมดน่ะเพราะใจผมล้วนๆ” พูดแล้วก็กอดเฮียแน่นขึ้นไม่ได้คำนึงถึงเวลา5นาทีแล้วล่ะ
“เออ…ขอบใจแต่กูรับไว้ไม่ได้หรอก” เฮียดึงมือผมออกขยับห่างออกไปสองสามก้าว
“ผมต้องบอกชอบเฮียอีกกี่ครั้งวะ!”
“มึงยังเด็กนะดิมอนาคตมึงยังอีกไกลมึงยังมีครอบครัวให้รับผิดชอบดูแล แม่ใหญ่มึง คุณบุศมึง พี่ป้าน้าอามึง แต่กูน่ะมีแค่สองคนพี่น้องไอ้ตี๋เป็นผู้เป็นคนกูก็ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว”
“แล้วผมล่ะผมก็ห่วงเฮียนะ”
“กูขอบใจแต่กูรับทั้งหมดไว้ไม่ได้หรอกกูไม่อยู่มึงก็คิดดีๆ ถามตัวเองให้แน่ใจว่าที่มึงรู้สึกยังไงกับกูกันแน่ยังไงกูก็เห็นมึงเป็นน้อง ที่กูเฉยไม่พูดอะไรมึงคงเข้าใจนะถือว่านี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่กูจะพูดถ้าใจมึงยังตอบว่ารู้สึกกับกูมากกว่าพี่ชายก็หยุดมันซะกูให้มึงมากกว่านี้ไม่ได้ ไม่ใช่เพราะกูเกลียดมึงหรือเพราะมึงเป็นผู้ชาย…
มึงเป็นน้องกู…เข้าใจใช่มั้ย?” เฮียเดินออกไปโดนไม่สนใจจะฟังอะไรจะผมอีก
เดินไปสิตามเฮียออกไป! ...
บอกตัวเองแต่ขาผมมันชาจนไม่มีแรงขยับต้องขอบคุณเฮียไม่นะที่ไม่หันมาพูดทุกอย่างกับผมตรงๆ ถ้าได้เห็นสีหน้าแววตาจากเฮียผมคงเกินจะรับไหว
อกหักจริงๆ แล้วใช่มั้ย?
ปาดน้ำตาที่ไหลออกมาแบบไม่พอใจนัก
“มึงจะร้องทำไม!” ด่าตัวเองแบ้วก็รู้สึกเศร้าอยู่ข้างใน
มันจุกข้างในนี้…
เอามือลูบอกซ้ายที่หัวใจยังเต้นถี่
แต่ทำไมเจ็บจังวะ! ...
หมดแรงจะยืนทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นเอามือปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างไม่อาย
‘กูรับทั้งหมดไว้ไม่ได้…
‘หยุดมันซะกูให้มึงมากกว่านี้ไม่ได้…’
‘มึงเป็นน้องกูเข้าใจใช่มั้ย?’
คำพูดอ่อนโยนที่ไม่มีเจตนาทำร้ายมันได้ทำลายความรู้สึกผมจนยับเยิน
เจ็บเกินไปจริงๆ …