ช่วงเวลานี้นี่...ที่โคตรสับสน

1305 Words
“วันนี้ไปปีนเขากันไหม พี่เอแกเจอที่ใหม่” แจ้งเตือนหนึ่งแวะเข้ามาในช่วงบ่ายของวันหยุด ซีนีนที่กำลังนั่งเท้าคางไล่มองตัวหนังสือเพื่อแก้ไขงานเขียนละสายตาจากจอใหญ่นั้นก้มมองจอเล็กก่อนยิ้มมุมปากแล้วกดโทรออก “ตอนนี้?” (ช่าย~ สนใจไหม) เสียงแจ๋นๆของเบสหลุดออกมาจากลำโพง ทั้งคู่อยู่ในโหมดเปิดกล้อง แต่กลับปิดหน้าของตัวเอง สาวเจ้าต้องการใช้แค่เสียงผ่านเพียงลำโพงเท่านั้น เพราะมือไม่เอื้ออำนวยที่จะจับโทรศัพท์ “มันบ่ายแล้วนะ” (ไม่ไกลมาก อยู่แถวหอแกนั่นแหละ) ”แถวหอฉัน? แล้วทำไมไม่เคยเห็น” (อะ ชักจะเสียเวลา จะไปไม่ไป แค่นี้พอ) หญิงสาวยิ้มกว้าง รู้สึกพึงพอใจที่สามารถแหย่คนปลายสายให้ฉุนได้ ก่อนมองงานในหน้าจอคอมที่เหลือไม่กี่หน้าก็จะเสร็จ สลับกับเวลา และคาดคะเนเอาไว้ว่าหากกลับมาเร็ว ช่วงค่ำต่ออีกสักหน่อยก็คงจะได้ “งั้นมารับดิ” (โอเค) “จริงไหมเนี่ย มารถใคร” (เอ้าอีนี่ ก็จริงดิ ไปรถพี่เอ เตรียมตัวเลยสาว ใกล้ถึงแล้วบอก) “แต่พรุ่งนี้ฉันเข้างานเช้านะ” (โอ้ย ข้ออ้างเยอะ ไม่ดึกหรอกน่า ปีนเขาเสร็จกลับเลย) “จริงนะ แวะข้างทางไม่เอานะ เหงื่อออกเหนียวตัว” (เอออออ เร็ว ออกกันแล้วเนี่ย) “โอเค เตรียมตัวก่อน แล้วเจอกัน” ขณะอยู่ในรถ ไม่ว่าจะไปไหน แนวเพลงที่เปิดระหว่างการเดินทางจะขึ้นอยู่กับคนขับ วันนี้รถของพี่เอ เพื่อนรุ่นพี่ที่มีอายุมากกว่านีรถึงห้าปีเป็นคนขับ เพลงที่ออกมาจึงกลายเป็นสากลซึ้งๆ หากวันไหนเป็นเบสผู้เป็นเพื่อนรุ่นพี่เหมือนกัน แต่อายุน้อยกว่าเอสักสี่ปีก็คงจะเป็นแนว K-POP ขาไปแทบจะไม่ได้คุยเรื่องที่มีกันสาระสักเท่าไหร่เพราะมัวแต่เต้น และร้องเพลงแข่งกัน ส่วนขากลับที่นั่งหงอยเนื่องจากเหนื่อย และถ้าไม่มีเสียงเพลงแนว EDM เปิดลั่นทั้งคันรถ ป่านนี้นีรคงจะหลับไปแล้ว เหตุเพราะเลือดสูบฉีดกว่าปกติ ผลของการใช้กำลังเยอะ พอโดนแอร์เย็นๆจนเหงื่อแห้งเข้าหน่อย ความง่วงก็มาเยือนทันที “อ้าว ฝนตกเฉย” เบสนั่งตำแหน่งข้างคนขับโพล่งขึ้น หลังฝนเทลงมาจนกระจกแทบไม่เห็นไฟจราจร หญิงสาวที่เท้าคางอยู่ถือโอกาสเหม่อลอย คาดไม่ถึงว่าสมองที่ปล่อยให้ว่างคราวนี้จะเป็นเรื่องของผู้ชาย แทนที่จะเป็นวิธีการหาเงินเข้ากระเป๋าให้มากที่สุดเหมือนแต่ก่อน เอาแล้วไง.. นีรเผลอถอนหายใจพรืด ละสายตาจากกระจกข้างมานั่งตัวตรง มือผสานคู่ “พี่เอ เบส” “ว่าไงชะนี” ก่อนกลืนน้ำลายก้อนใหญ่ลงคอ ช่างใจอยู่พักหนึ่ง “อ่าว ไม่พูดล่ะ” ไม่รู้ถือเป็นเรื่องโชคดีได้ไหมกับการรบเร้าของเบส ที่ทำให้เธอกล้าตัดสินใจ เอ่ยสิ่งที่ต้องการจะปรึกษาออกมา “พรุ่งนี้จะมีผู้ชายมาหา” “ฮะ?” ทันทีที่คนทั้งคู่ประสานเสียงเป็นทันทีที่เธอกลั้นหายใจและหลับตาแน่น ก่อนลืมตาขึ้นมามองดวงตาของตัวเองผ่านกระจกมองหลังอยู่อึดใจ ถอนหายใจก็ตอนได้ยินคำถามของเพื่อน “คนไหนย่ะ แล้วมาหาที่ไหน ที่ห้องเหรอ” “ตลกแล้วเบส ห้องเหิ้งอะไรกัน ที่ทำงานเถอะ แล้วทำไมต้องถามว่าคนไหน ฉันดูเหมือนมีผู้เยอะนักรึไง” “ก็ใช่ไง เดี๋ยวคนโน้น เดี๋ยวคนนี้ ฉันได้ยินเรื่องของแกจนเอือมระอาแล้วย่ะ แถมไม่เอาสักคน” เบสโบกมือ ทำท่าทางประกอบจนคนขับหันไปขำ พลางเหลือบมองกระจกหลังมามองนีร “เพื่อนพี่ก็ชอบนีรอยู่นะ จำวันที่เราไปกินกาแฟกันได้ไหมที่นัดกันแค่สามคน แต่ไปเจอเพื่อนกลุ่มอื่นจนต้องต่อโต๊ะกันเพราะต่างคนต่างนัดคนอื่นมาอีกที” “จำได้.. ทำไมเหรอ อย่าบอกนะว่าเพื่อนพี่หุ่นหมีคนนั้น” “ใช่” “ว่าแล้ว~ ก็ว่าทำไมเจ๊าะแจ๊ะจัง” “อืม มันชอบนีร ขอให้พี่ติดต่อให้ แต่พี่คิดว่ายังไงก็ไม่ได้สานต่อกันหรอกเลยปฏิเสธ” “เหรอ อือดีแล้วพี่ ขอบคุณที่มองเห็นอนาคต” หญิงสาวช้อนตามองกลับ ทำปากอมลม ในขณะคนขับนั้นขำ “ฮ่าๆๆ เฮ้ย เห็นมันอย่างนั้น มันน่ารักนะ พ่อนักรักตัวยงเลยล่ะ หรือจะลองดู.. ทัศนคติมันโอเคเลย” “ไม่เอาอะ ปล่อยให้เขาไปเจอคนที่เหมือนกับเขาเถอะ” “เอ้า ทำไมล่ะ” “ก็ไม่ทำไม.. คุณช่วยดูเพื่อนของคุณด้วยครับ สภาพ” นีรส่ายศีรษะ แสดงสีหน้าสมเพช ส่วนเอนั้นส่ายหน้าเหมือนกัน ต่างกันที่เขาขำขัน สีหน้าแสดงออกถึงความเอ็นดูสุดๆ ก่อนจะหันไปหาเบส ที่ถามย้อนไปยังช่วงต้นเรื่อง “แล้วยังไงต่อ จะมาหาที่ทำงาน แสดงว่าไม่ได้เจอกันที่นั่น งั้นเจอกันที่ไหน” “แชทอะ พี่เขาทักมา” “เหรอ เขาเป็นใคร” “เห็นว่าเป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเอกชน” “แล้วคือจะจีบ บาริสต้าเนี่ยนะ” เบสเริ่มเสียงสูง “แถมเป็นบาริสต้าไม่มีอัธยาศัยที่ดีเอาซะด้วย” เอเสริม “ทำไมเขาไม่ไปสนใจพยาบงพยาบาลวะ” เบสเสริมอีกที “เดี๋ยวอีเบส ใจเย็นก่อนมึง” นีรเหลือบตามองบน “บอกสักคำยังเขาจะมาจีบ กูบอกเขาจะมาหาาา” “แล้วถ้าไม่คิดจีบจะมาหาเพื่อ?!” “ฮ่าๆๆ” “พี่เออย่าเพิ่งหัวเราะดิ เดี๋ยวอีเบสได้ใจ เออ โอเค จะมาด้วยเจตนาไหนก็ช่าง แล้วกูควรทำไงดีอะ” คนปรึกษาเริ่มทำหน้าเศร้า เริ่มโน้มตัวไปข้างหน้า ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ “จะทำไงละคะ เอ้าอีนี่ ถามแปลก ก็เจอเขาไปดิ” “แล้วถ้า..” “นีร กูว่ามึงชอบเขาแล้วล่ะ คุยกันนานรึยังเนี่ย” “ก็..อาทิตย์กว่าๆ มะ มั้ง“ “หราาา เจอแล้วก็เตรียมตัดชุดแต่งงานได้เลยนะ” “อีเบสมึงกวนตีนละ กูไม่คุยกับมึงละ พี่เอว่าไงอะ” “พี่ก็..แอบคิดๆแบบเบสมันนะ คนนี้แม่งโคตรเก่งเลย ทำให้นีรตอบแชทได้เป็นอาทิตย์” “เอ้า ทำไมพี่เอพูดงี้” “ที่ผ่านมาเรายังไง เวลามาเม้าท์เรื่องผู้ที่เข้าหาให้พี่ฟัง จะติดตลกไม่ก็เบ้ปากตลอดใช่ไหม แต่นี่เราเครียดอะ เหมือนเสียอาการ...” ซีนีนพยักหน้าคล้อยตามที่คนขับพูด ก่อนจะหันไปแยกเขี้ยวใส่เพื่อนอีกคน ก็ตอนที่มันออกความเห็นประโยคหลังสุด “ก็แล้วแต่ แต่ยังไงดูให้ดีๆก็ละกัน ว่าเขาไม่ใช่ผัวของใครอะ” และเมื่อเสียงถกเถียงนั้นเงียบ เหลือแค่เสียงเพลงจังหวะจบพอดี เปิดโอกาสให้สาวเจ้ากลับมาคิดตาม อาจจะจริงอย่างที่เบสพูดก็ได้ เขาแอบใครคุยกับเธออยู่ไหม? เช้าวันต่อมา.. กับการทำงานที่ขาดความมั่นใจสุดๆ นับตั้งแต่เข้างานมาจนจวนจะแปดโมง หลังเห็นข้อความล่าสุดที่ส่งมาของเขาเป็น -Good Morning- แล้วเงียบหายไป เธอก็ไม่สามารถนับการเหลือบมองไปที่ประตูเลื่อนบานนั้นได้เลย บวกจังหวะเต้นของหัวใจที่จะต้องกระตุกแรงทุกครั้งหลังประตูหน้าร้านเลื่อนเปิด บ่งบอกถึงการมาของลูกค้า ซึ่งไร้วี่แววของเขา จนกระทั่งเวลาแปดโมงสิบนาที กับแจ้งเตือนที่ทำหัวใจเธอเต้นแรง ติ๊ง! R : อยู่หน้าร้านแล้วครับ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD