ช่วงเวลานี่นี้...ที่ได้คุยกัน

2000 Words
เช้าต่อมากับการทำงานประจำปกติ เช้านี้ความเคลื่อนตัวไม่ค่อยกะปรี้กะเปร่าสักเท่าไหร่นัก และไม่ได้มีแค่สิ่งแวดล้อมในที่ทำงานเพียงอย่างเดียว แต่เหมือนในแชทก็ด้วย ที่เชื่องช้าราวกับเต่าเดิน ผิดแปลกกว่าวันปกติ R : มอนิ่งค่ะ N : มิ่งนิ่งค่า เขาส่งมาแค่นั้น พอเธอส่งกลับ เขาอ่านแล้วเงียบไป จนกระทั่งใกล้เที่ยง ที่ผิดแปลกไปมากกว่าคือเขาไม่มาให้เห็น ทั้งที่สี่ห้าวันนี้ เขามาซื้อกาแฟติดกันทุกวัน ซีนีนเริ่มเอะใจ แต่ความมีอัตตาสูงอยู่ในตัวเลือกที่จะไม่ถามไถ่กลับ ทั้งที่ในใจลึกๆทราบดี คงไม่พอใจเรื่องเมื่อคืน แต่ความผิดแปลกอีกเรื่อง ถัดมาจากนั้นคือเธอไม่เป็นอันทำงาน เอาแต่มองหน้าจอราวกับรอให้แจ้งเตือนเด้งขึ้นมา และเมื่อถึงเวลาพักกลับพบว่าตัวเธอเองนั้นแหละที่กระสับกระส่าย ระหว่างกำลังพักหญิงสาวเปิดเข้าไปในแชทนั้น เลื่อนขึ้นไปอ่านแชทเดิม ด้วยสีหน้าที่บึ้งตึงบ่งบอกถึงความเบื่อหน่ายและขัดใจพอควร ก่อนจะตัดสินใจพิมพ์ไปก่อน หลังเห็นข้อความของตัวเองเมื่อคืนเป็นเธอนั่นแหละ ที่ไปรับปากบางอย่างไว้ ว่าจะเล่าให้เขาฟังเรื่องงานที่ทำ แต่กลับผิดคำพูดเสียเอง ปล่อยให้เขาปิดท้ายแชท และเปิดบทสนทนาในอีกวัน “ฟู่ว! เออ ก็ได้” N : เมื่อคืนหนูไปทำงานกดรูปมาค่ะ โคตรชอบเลย ตอนแรกคิดว่ายาก R : กดรูปคือ? ทันทีที่เธอกดส่ง เขาก็ตอบกลับมาทันทีราวกับรออยู่ก่อนแล้ว เธอยิ้ม น่าแปลกที่ความว้าวุ่นในใจเมื่อกี้หายเป็นปลิดทิ้ง N : กดรูปออกมาจากเครื่องปริ้นค่ะ แล้วยื่นให้เจ้าของภาพ คนถ่ายจะเป็นพี่อีกคนหนึ่ง ที่จ้างหนู พี่เชื่อไหม งานง่ายๆแค่นี้ ได้เงินตั้งพันห้าเลยนะ คราวนี้เว้นระยะไว้ประมาณสิบห้านาทีกว่าจะตอบ สาวเจ้าที่รออยู่จึงวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ เพื่อตักข้าวเข้าปาก ติ้ง! R : ค่ะ แล้วเมื่อคืนหนูกลับกี่โมง ซีนีนเลิกคิ้วสูง นึกขันเขาที่ไม่ได้สนใจสิ่งที่เธอเล่ามากกว่าเวลาที่กลับ N : ถึงหอเกือบเที่ยงคืนแล้ว หนูเห็นว่ามันดึกเลยไม่กล้าทัก ว่าแต่ทำไมวันนี้ไม่แวะมาคะ ไปทำงานแล้วเหรอ R : อยู่ที่ทำงานแล้วค่ะ ตอนเย็นจะไปหาลูกนะคะ กลับไม่เกินสองทุ่ม อยู่ๆหัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้นมาแปลกๆ อาหารที่อยู่ในปากถูกเคี้ยวช้าลง เธอกำลังคุยกับหัวใจตัวเองถึงความต้องการที่แท้จริง แต่เมื่อผลลัพธ์ของมันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องจึงสลัดความคิดนั้นทิ้ง N : โอเคค่ะ ใกล้เวลาเลิกงาน ความเคยชินกับการเดินทางที่ไกลแสนไกลในทุกวันทำเธอมองสิ่งนั้นเป็นเรื่องปกติ การเดินทางที่ใช้เวลาถึงสี่สิบห้านาทีต่อการนั่งอยู่บนอานรถและบังคับให้ทรงตัวอยู่บนท้องถนน ในบางครั้งการนอนดึกก็ทำให้ง่วงระหว่างวัน เธอจะต้องตั้งสติเพื่อให้ผ่านพ้นเวลานั้นไปให้ได้ และอย่างปลอดภัย แต่พอไปถึงที่พัก ความง่วงที่มีกลับหายเป็นปลิดทิ้งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีแรงฮึดให้เขียนนิยายต่อ สร้างเงินในอีกงานได้อย่างน่ามหัศจรรย์ เว้นแต่วันนี้.. ที่หล่อนเพลียมากๆ มากซะจนเผลอหลับไป กระทั่งสองทุ่ม.. ครืน~ ครืน~ เสียงโทรศัพท์ทำให้เธอตื่น และควานมันมารับโดยไม่ได้ดูเบอร์ “ค่า..” (อยู่ไหนนีร) ทันทีที่รู้ว่าเป็นแม่ เธอจึงเปลี่ยนเป็นเปิดลำโพงวางไว้ข้างหูแทน “อยู่หอ..” (นอนแล้วเหรอ) “นอนตั้งแต่สี่โมงแล้วค่ะ แม่มีอะไร” (เปล่า โทรมาคุยเฉยๆ ว่าจะเล่าอะไรให้ฟัง) ลักษณะนี้หนีไม่พ้นเรื่องญาติฝั่งพ่อ แม่ของเธอกับเขาเหล่านั้นไม่ถูกกันตั้งแต่เธอเกิด จึงไม่รู้สึกผิดสักเท่าไหร่ที่เปิดลำโพงไว้แล้วหลับต่อ มีสติแค่ตอบรับตอนที่แม่ถามก็เท่านั้น (ฟังอยู่ไหม) “ฟัง..อยู่...” เนื่องจากการรับสายแม่ เวลาบนจอจับเวลาไม่เคยต่ำกว่าชั่วโมง มันอาจจะฟังดูเกินจริง แต่มันนานถึงขนาดนั้นจริง เว้นแต่มีสายอื่นโทรมาแทรกจึงจะวางได้ อย่างเช่นสายนี้ “แม่..” (แกว่ามันปัญญาอ่อนไหมล่ะนีร คนอะไรช่างเห็นแก่ตัว..) “แม่ แม่” (คิดดูสิ..) “แม่~ แม่เดี๋ยวนีรโทรกลับได้ไหม” (อะไร) “สายเข้าอะ น่าจะที่ทำงาน นะ เดี๋ยวนีรโทรกลับนะ” (เออ เออๆ งั้นแค่นี้แหละ) “จ้ะ” Warut โทรวิดีโอ “หืม..” ไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นเขา ร่างบางที่นอนคุดคู้เปลี่ยนเป็นนอนหงายทันที ก่อนจะกดรับ “ฮัลโหลล” (อ่าวนอนอยู่เหรอคะ) “ใช่ค่ะ นี่พี่ถึงบ้านแล้วเหรอคะ” เพราะเขาบอกว่าจะไปหาลูกหลังเขาเลิกงาน และตอนนี้ภาพในวิดีโอเหมือนนั่งอยู่ในรถ จึงคิดไปเองว่าเขานั้นถึงบ้าน (ค่ะ เพิ่งจะถึง) เธอเผลอเหลือบดูเวลา เห็นเป็นสองทุ่มเศษจึงอมยิ้ม แต่ไม่กล้าถามอะไรก่อนหน้านั้นต่อ เพราะเกรงจะล้ำเส้นเรื่องส่วนตัวเกินไป “โอเคค่ะ” (นั่น หนูยังใส่ชุดทำงานอยู่เลยค่ะ) “ใช่ค่ะ กำลังจะลุกไปอาบน้ำ” (กลับมาแล้วหลับเลยสิท่า ก็ว่าทำไมไม่อ่านข้อความพี่) “หือ พี่ส่งมาเหรอคะ” (ใช่ค่ะ เป็นรูปลูก) ซีนีนเงียบ แววตาที่แสดงออกมาในตอนนั้นคงชัดเจนซะจนเขารู้ ถึงได้หัวเราะเบาๆ (ส่งไป เพราะกลัวจะคิดมาก) “คิดมากว่า?” (แม่เขาไม่อยู่หรอกค่ะ รายนั้นเที่ยวกลางคืนกลับดึกทุกวัน) อ่ออออ และตอนเผลอทำปากคว่ำก็ไม่รู้ว่าเห็นไหม สาวเจ้าพยักหน้า พ่นลมหายใจออกมาแล้วยิ้มกว้างให้ “โอเคค่ะ งั้นเดี๋ยวหนูไปอาบน้ำก่อนนะ ไว้ก่อนนอน จะทักไปบอกฝันดี” (โอเคค่ะ) เขายิ้มตอบ ก่อนสายจะถูกตัดไป ซีนีนไม่มีทางรู้หรอกว่าเขาทำอะไรที่ไหนอย่างไร และกับใคร และไม่มีทางรู้เลยว่าสิ่งที่เขาเปิดให้เธอรู้นั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ นั่นอาจจะเป็นเพียงมุมชีวิตเศษเสี้ยวหนึ่งของเขาก็ได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่ที่ดวงโชคชะตา และสัญชาตญาณ ซึ่งเมื่อไหร่ที่เธอตกหลุมรักก็เท่ากับว่าได้ปล่อยให้อีกฝ่ายหนึ่งชนะแล้ว หลายวันมานี้ช่วงก่อนนอนจะเป็นเวลาของการคุยเรื่อยเปื่อยระหว่างเธอกับเขา เขาจะเป็นคนสุดท้ายที่เธอเจอก่อนนอน และจะเป็นคนแรกหลังตื่นที่ได้เจอ ความเคยชินก่อตัวเป็นความผูกพันกำลังเกิดขึ้นแล้ว โดยที่เธอไม่รู้ตัว R : เออ ที่ทำงานหนูนี่ พักกลางวันออกไปกินข้าวข้างนอกได้ไหมคะ N : ได้ค่ะ ออกไปไหนก็ได้ แต่ต้องกลับมาภายในหนึ่งชั่วโมง R : โอเคค่ะ N : ทำไมเหรอคะ R : พรุ่งนี้ตอนพักกลางวัน หนูไปกินข้าวกับพี่ได้ไหม หญิงสาวที่กำลังมือพันอยู่กับการทาสกินแคร์ถึงกับชะงัก อ่านข้อความนั้นซ้ำสองรอบ แล้วอมยิ้ม N : ที่ไหนคะ R : ที่ไหนก็ได้ค่ะ หนูเลือกเลย แถวๆที่ทำงานหนูก็ได้ค่ะ จะได้ทำเวลา เธอเงียบไปเพราะกำลังนึก แถวนั้นมีร้านอาหารดีๆที่ไหนบ้าง แล้วคนชวนจะชอบสไตล์ไหน พอนึกไม่ออกถึงกับเกาหัวยิกๆ “ก็มีแต่ร้านส้มตำ..” เธอพึมพำ “แล้วกินเป็นไหมก็ไม่รู้..” สุดท้ายสมองที่มีภาพจำร้านอาหารอันน้อยนิด ก็นึกไปถึงร้านสเต๊ก เพราะส่วนมากเธอจะกินอาหารง่ายๆ กินอาหารอุ่นร้อนจากร้านสะดวกซื้อ ไม่ก็ก๋วยเตี๋ยวข้างทาง และที่สำคัญบางวันเธอแทบไม่ได้กิน ตกถึงท้องแค่มื้อเดียวก็บุญกระเพาะแล้ว N : งั้นเที่ยงตรงมารับหนูที่ร้านกาแฟนะคะ R : จริงไหม? ขอบคุณค่ะ หญิงสาวตอบตกลง เพราะคิดว่าเป็นช่วงกลางวันไม่ได้เสียหายอะไร และที่สำคัญนี่อาจจะเป็นประตูบานต่อไปที่จะทำให้ความสัมพันที่ดีเปิดรออยู่ก็ได้ พักกลางวัน ทันทีที่ถึงเวลาพักของเธอ สาวเจ้ายืนอยู่หลังบานกระจก เธอสำรวจตัวเองอย่างถี่ถ้วน ตั้งแต่หัวจรดเท้า “จะไปไหนอะ” เสียงมลถาม ขณะยื่นหน้าเข้ามา “ออกไปกินข้าว เดี๋ยวเรามานะ” เพราะมัวแต่เรียกความมั่นใจขณะเดินผ่านเพื่อนคนถาม จึงไม่ได้อธิบายอะไรต่อ หญิงสาวไม่ได้สนใจสักนิดเกี่ยวกับการติฉินนินทา ทั้งที่รู้คล้อยหลังจะเป็นอย่างไร เมื่อเธอขึ้นรถคันนั้นไปกับผู้ชายแปลกหน้า คงจะจินตนาการต่อเหตุการณ์ที่ไม่มีใครได้เห็นกันแบบสนุกปาก “รอนานไหมคะ” ซีนีนยิ้มน้อยๆเมื่อเดินมาถึง วรุตซึ่งนั่งรออยู่ในรถมานานแค่ไหนไม่อาจรู้ยิ้มกว้าง เนื่องข้อความที่ถูกส่งมาสาวเจ้าไม่ได้อ่าน เหตุเพราะลูกค้าเยอะจึงใช้เวลาที่นัดกันไว้อ้างอิง เขาอาจมาก่อน หรือเพิ่งมาถึงได้ไม่นานก่อนเธอจะเดินมา ที่นั้นไม่ใช่ปัญหาสำคัญสำหรับเธอมากไปกว่า ความประหม่าในตอนนี้ หลังเปิดประตูขึ้นรถขึ้นไปนั่งข้างๆแล้ว วรุตหันมายิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ละมุนสุดๆ บวกกับกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆเปิดโลกของเธอ มันหอมซะจนเธอรู้สึกหลงรัก หอมแบบเปรียบเทียบกับน้ำมันพรายได้อย่างไม่คิดจะขัด “Belt ค่ะ” ประโยคสั้นๆที่แยกระหว่างความประหม่ากับส่วนประสาทออกจากกัน พอดิบพอดีกับที่มันกำลังทำการเขย่าและปั่นป่วนตรงท้องน้อยได้ดีทีเดียวเชียว “อ่อ..ค่ะ” เธอรนรานรีบทำอย่างที่เขาว่าปานเด็กน้อยโดนผู้ใหญ่ดุ เขาไม่ปล่อยให้เธอได้หายสั่น หันมาถามคำถามอื่นต่อ “สาขานี้ลูกค้าเยอะจังนะ ว่าแต่เราจะไปไหนกันคะ” “ไป..” “ไปซ้ายหรือขวา” “เอ่อ..ขวาค่ะ” “ร้านอะไรอะ” “สเต๊กค่ะ พี่อยากกินหรือเปล่า” “พี่อะไรก็ได้ค่ะ” เขาหันมาบอก จังหวะควงพวงมาลัย เสียงพูดของเขาดังปานเสียงกระซิบ และทุกครั้งที่พูดพร้อมการหายใจออก กลิ่นน้ำหอมนั้นโชยมาแตะจมูกเธอทุกครั้ง ทันทีที่เห็นมือของเขาสัมผัสอยู่กับเกียร์ ก่อนเปลี่ยนไปจับพวงมาลัยเพื่อประคองรถ มือของสาวเจ้าที่ผสานกันอยู่ก็ถูกเลื่อนเข้าไปซ่อนไว้ใต้เสื้อ พร้อมความรู้สึกด้อยค่า อับอายเป็นอย่างมากเมื่อนึกมือตัวเองที่ทั้งสากทั้งแห้ง ผลของการล้างจานและทำงานหนักเป็นประจำ แต่นี่เขาคงแค่จับเพียงปากกา กับแผ่นเอ็กซเรย์ มือได้ดูขาวอมชมพูแลดูเนียนนุ่มขนาดนี้ ด้วยความไม่มั่นใจทำให้เธอหันออกไปนอกกระจก พอมองผ่านกระจกแล้วเห็นแดดที่ร้อนระอุ ถึงขนาดมีไอร้อนบนถนน ความไม่มั่นใจอยู่แล้วก็ยิ่งทำให้ไม่มั่นใจมากขึ้นทันที “เอ่อพี่คะ” “ขา..” “ไปร้านที่พี่เคยไปประจำก็ได้ค่ะ แถวนี้มีไหมคะ” “อ่าว ทำไมละคะ” “คือ..” “พี่กินได้ค่ะสเต๊กก็ ทำไมเหรอคะ หรือว่าร้านปิด” “ไม่ใช่ค่ะ หนูแค่จะบอกว่าที่นั่นมันไม่มีแอร์ แถมบางทีก็มีแมลงวันบินว่อน” ไม่รู้เขาคิดอะไรอยู่ แต่ทันทีที่เธอพูดจบ บรรยากาศในรถก็เงียบกริบ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD