ช่วงเวลานี่นี้...ประตูบานต่อไป

1643 Words
สุดท้ายเขาก็เลือกร้านประจำของเขา ร้านที่สาวเจ้าขี่รถผ่านบ่อยครั้ง และคิดเสมอว่าไม่มีโอกาสได้เข้าไปใช้บริการแน่ๆ เพราะแพงเกิน “หนูเคยมากินหรือเปล่าคะ” เขาถามขณะนั่งประจันหน้ากันอยู่ หญิงสาวส่ายหน้าเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เมนูมาวางพอดี เธอช้อนตามองหน้าพนักงานก่อนจะยิ้มกว้างให้ “แล้วพี่ละคะ มาบ่อยใช่ไหม” “ใช่ค่ะ มากับครอบครัว” เธอไม่ได้ถามต่อว่าครอบแบบไหน แบบพ่อแม่ของเขา น้องสาวของเขา หรือลูกของเขาและภรรยา แต่เปลี่ยนไปถามสิ่งที่อยากรู้รองลงมาแทน “อ่อ ร้านนี้อยู่ข้างหมู่บ้านของพี่” “อืมฮึ นี่ อันนี้แม่พี่ชอบมาก” เขาชี้มายังเมนูตรงหน้าที่เธอเปิด ก่อนสบตากัน “หรือจะสั่งแบบนี้ก็ได้นะคะ มันมีเป็นชุด” เสมือนกำลังจะบอกว่าสิ่งที่เธอคิดนั้นไม่เป็นจริง ซีนีนก้มมองดูข้าวกล่องเบนโตะ ที่มีแปดเมนูอยู่ในนั้น พร้อมน้ำซุปมิโซะ “หนูกินไม่หมดอะค่ะ” “งั้นเอาแบบนี้ไหม” เหลือบไปยังเมนูที่มีน้อยกว่า หัวคิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเพราะใช้ความคิดเน้นๆ ส่วนเขา.. “เอาขนมจีนชุดชาววังที่นึงครับ” สาวเจ้าเงยหน้าขึ้นขวับ จังหวะนั้นเขาเหลือบตามามองพอดี ถึงกับกลั้นขำ “อะไรคะ?” ยังมีหน้ามาถาม ยุให้เธอสั่งอาหารญี่ปุ่น แต่ตัวเองกินขนมจีนเนี่ยนะ “เปล่าค่ะ” เธอส่ายหน้า ชี้ไปที่ผัดไท “งั้นเอาอันนี้ค่ะ” “ผัดไท?” เขาเลิกคิ้ว หันไปทางพนักงาน “เท่านี้ค่ะ” “รับน้ำอะไรดีคะ” “ผมน้ำเปล่า หนูล่ะ?” “เหมือนกันค่ะ” ลักษณะท่าทางที่เธอเห็นในมุมนี้ แลดูเขาเป็นคนอัธยาศัยดีมาก โดยเฉพาะกับผู้หญิง แน่นอนไม่ใช่แค่กับเธอเพียงคนเดียวที่เขาจะพูดค่ะด้วย แต่เกือบจะผู้หญิงทุกคนที่มีอายุน้อยกว่า ไม่นานอาหารถูกนำมาเสิร์ฟ ของเขามาก่อนเพราะไม่ได้ยุ่งยากอะไรมาก วรุตจัดแจงจานให้วางอยู่ในตำแหน่งที่ควร ก่อนจะนั่งเฉย มองคนตรงหน้า “ถ่ายรูปไหมคะ” หญิงสาวเลิกคิ้วสูง เอียงคอเล็กน้อย “ถ่ายทำไมคะ” “อ่าว ไม่รู้สิคะ เผื่อหนูอยากถ่าย เขาจัดจานสวยดีนะ” เธอหลุดขำ “ไม่อะค่ะ หนูไม่ชอบถ่ายรูปอาหาร” “แล้วชอบถ่ายรูปอะไร?” “ชอบถ่ายรูปวิวมากกว่า” “สายลุยเหรอเราอะ” “ก็น่าจะใช่นะคะ อาทิตย์หน้ามีนัดกับเพื่อนไปปีนเขา” ทันทีที่เธอพูดจบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป แสดงความทึ่งออกมาอย่างชัดเจน เตรียมจะอ้าปากพูด แต่ผัดไทของเธอมาเสิร์ฟพอดี “ถ้าคิดจะถ่ายนะคะ คงเป็นเพราะความต้องการอื่น” เธอหยิบมือถือขึ้นมากดชัตเตอร์ “รูปแรกที่เรากินข้าวด้วยกัน” เขาเปลี่ยนเป็นยิ้มน้อยๆบนใบหน้า เธอที่เพิ่งจะเคอะเขิน กลบเกลื่อนด้วยการก้มหน้าก้มตาเตรียมจะกินอาหารตัวเอง ทว่าเหมือนจะลำบากไปสำหรับคนบ้านๆอย่างเธอ เมื่อเทียบกับเขาที่กินอย่างผู้ดี ค่อยๆม้วนเส้นขนมจีนให้พอดีคำมาใส่ในช้อนแล้วเอาเข้าปาก ส่วนเธอม้วนขึ้นมาเท่าไหร่ไม่คำใหญ่กว่าปาก ก็ตกลงมาใส่จานอย่างเก่า “หนูพลาดละ” “หืม?” วรุตเลิกคิ้วขึ้นมองเธอที่กำลังก้มลงไปหาจานด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย หลังเธอสูดเส้นเสร็จเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน เห็นแววตาคู่นั้นของเขาที่ไม่สามารถบอกความในใจได้ “ไม่น่าสั่งอาหารที่มีเส้นมาเลยค่ะ” ผิดจากเธอ ระบายความรู้สึกของตัวเองโดยไม่รู้สึกอะไรเลย ประโยคคำว่าพลาดจึงทำให้ชายหนุ่มเข้าใจแล้วว่าการสั่งเมนูที่มีเส้นแล้วกินไม่ถนัดเป็นความผิดพลาดของเธอ ถึงได้เปลี่ยนท่าทางการกินเป็นท่าที่ถนัด ซึ่งไม่ได้สนใจด้วยซ้ำเขาจะคิดอย่างไรกับการกระทำนั้นตรงหน้า แต่คนตรงหน้าไม่ห่วงสวยนั่นคือความจริง เธอทำประหนึ่งว่าถ้าเขาจะรับกันไม่ได้ มันเป็นปัญหาของเขา แต่แล้ว.. อยู่ๆ กลับมีคำถามประโยคหนึ่งที่ทำให้เขาเอียงคอ “พี่หย่ากับภรรยาเพราะอะไรคะ” “ถามถึงเขาทำไมคะเนี่ย” ซีนีนไม่ได้ตอบคำถามนั้นของเขา เธอเลือกที่จะมองหน้าเขาทั้งที่ยังเคี้ยวอาหารอยู่ วรุตเห็นแบบนั้นจึงวางช้อนในมือลงแล้วกระดกน้ำล้างคอ “หลายอย่าง เงิน เวลา ความไม่เข้าใจ” คำตอบแบบดารามาก ซีนีนอมยิ้ม เธอเงียบเพื่อให้เขาเล่าต่อไปเรื่อยๆ แต่เปล่าเลย เขากลับทิ้งประโยคสั้นๆเพียงเท่านั้น แล้วก็เงียบไป “ปัญหาคงหนักมากถึงทำให้พี่กับเขาหย่ากันได้ทั้งที่ลูกยังเล็ก” “ไม่มีใครอยากจะหย่ากันหรอกค่ะ พี่ก็อยากให้ครอบครัวพี่สมบูรณ์ แต่ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วมีแต่แย่ก็คงต้องแยก” ผัดไทเริ่มฝืดคอ เมื่อเขาตรงหน้าเริ่มใส่อารมณ์ เธอจึงเปลี่ยนเรื่องเป็นเรื่องอื่น ส่วนใหญ่จะเป็นเขามากกว่าที่ได้พูด ณ ตอนนี้สาวเจ้ารับบทเป็นพิธีกร กว่าจะวกมายังเรื่องของเธออาหารในจานหายไปเกินครึ่ง “ว่าแต่หนูละคะ เห็นบอกว่ามีลูก ยังไงคะ” “ก็ไม่ยังไงหรอกค่ะ หนูมีลูกตอนเรียนอยู่มัธยม คลอดปุ้บแม่ก็เลี้ยงให้ หนูออกมาทำงานส่งเสียทั้งตัวเองและลูกตั้งแต่นั้น วันหยุด หรือวันไหนเลิกงานเร็วก็ไปหา ไม่ได้อยู่ด้วยกันค่ะ” “แล้ว..เอ่อ โทษนะ พ่อน้องล่ะ” “เป็นเพื่อนกันนี่แหละค่ะ ตอนที่ท้องบอกเขาแล้ว แต่แม่เขาโทรมาบอกว่าลูกชายเขายังมีอนาคต จะส่งไปเรียนต่อที่เมืองนอก หนูก็เลยไม่ติดต่อไปอีกเลย” “งั้นตอนนี้ก็...” “ลูกไม่เคยเห็นหน้าพ่อ และไม่เคยถามถึงพ่อค่ะ จนตอนนี้อายุย่างสิบสามแล้ว หนูคิดว่าหนูคนเดียวน่าจะเป็นทุกอย่างให้เขาได้” “ค่ะ..” “มีอะไรข้องใจตรงไหนอีกไหมคะ ถามได้ทุกเรื่องเลยนะ หนูยินดี” ซีนีนยิ้มแฉ่ง แต่เหมือนรอยยิ้มนั้นจะเป็นการประชด เขาถึงได้ยิ้มเจื่อนกลับไปให้ “ไม่มีแล้วค่ะ ดีแล้วนะที่หนูไม่คิดจะเอาออก ถ้าเป็นอย่างนั้นพี่จะเคืองเอาด้วย” “ไม่เคยมีในหัวค่ะ หนูยอมหมดอนาคตเพื่อเขา หนูทำให้เขามีชีวิตขึ้นมา เขาไม่ได้ร้องขอ ก็ต้องรับผิดชอบค่ะ” นาทีนั้นเหมือนจะเปิดโลกให้กับวรุตมาก เขามองเธอดวงตาเป็นประกาย ซึ่งเธอเองก็เห็น ถึงได้ยิ้มกว้าง “พี่ดีใจที่ได้เจอหนูนะ” เขายิ้มละมุน ก่อนจะยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา “ว่าแต่จะหมดเวลารึยังคะ” “อีกสิบนาทีค่ะ” “งั้นไปเลยไหม เดี๋ยวไม่ทัน” “ได้ค่ะ” “โอเค คิดเงินเลยครับ” ทันทีที่จบคำนั้น หญิงสาวก็ดึงธนบัตรสีม่วงออกมาจากเคสโทรศัพท์ แต่เมื่อเขาเห็นถึงกับขึงตาโต “ทำอะไรคะนั่น เก็บไปเลยค่ะ” พูดไม่พอผลักมือบางกลับไปด้วย เธอจึงเปลี่ยนจากการยื่นเป็นพนมมือแทน “ขอบคุณนะคะ” ทั้งคู่พากันกลับมาในเวลาที่กำหนด รถวรุตแล่นมาจอดตรงที่จอดบริเวณใกล้ถึงร้าน แต่ไม่ใช่ข้างหน้าร้าน เนื่องจากเวลานั้นเป็นช่วงพักกลางวันลานจอดแทบไม่มี หญิงสาวจะต้องเดินต่อไปอีกหน่อย ทว่าหลังจากปลดเข็มขัดออกแทนที่เธอจะลงไปทันทีกลับนั่งนิ่งอยู่กับที่ เธอหันไปมองคนขับแล้วถอนหายใจ “จะจีบจริงจังไหมคะ หรือจะหายไปภายในวันสองวันนี้” “อะไรคะเนี่ย” ชายหนุ่มกลั้นขำ คาดไม่ถึงเธอจะถามกันตรงๆ “จริงจังสิคะ” “พี่คิดว่าเราจะไปกันรอดเหรอ” ซีนีนเห็นแล้วว่าการใช้ชีวิตของเขาและเธอแสนจะแตกต่างกัน มันจะไม่เป็นการฝืนเกินไปในสักวันหนึ่งใช่ไหม “หนูกังวลเรื่องอะไร เรื่องภรรยาเก่าพี่นะเหรอ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงเลยค่ะ พี่ไม่มีทางกลับไปอ่านหนังสือเล่มเดิม ถ้าจะห่วง ห่วงเรื่องงานพี่ดีกว่า พี่ออกต่างจังหวัดบ่อยหนูจะรับได้ไหม” “ถ้าอย่างหลังคงไม่มีปัญหาหรอกค่ะ เพราะหนูก็คนบ้างาน เข้าใจ และไม่มางี่เง่ากับอะไรแบบนี้” “พูดแบบนี้ แสดงว่า.. เราคบกันได้แล้วใช่ไหมคะ” หญิงสาวไม่ตอบซะทีเดียว เลือกที่จะอมยิ้มแทน พลางเปิดประตูรถเสียดื้อๆ แต่แขนขวากลับถูกมือใหญ่รั้งไว้ “เดี๋ยวสิคะ ยังไม่ตอบพี่เลย” เธอหันมายิ้มเขิน แสร้งกลบเกลื่อนด้วยการเปลี่ยนคำถาม “แล้วนี่จะไปไหนต่อคะ” “หืม? เปลี่ยนเรื่องเฉย.. ไปหาลูกค่ะ” “โอเค งั้นขับรถดีๆนะคะ” พูดจบสาวก็ลงไปเลย ความประหม่าตื้นเขิน ต้องการที่จะเดินออกมาให้ห่างจากรถและรีบเพราะถึงเวลาเข้างาน ทำให้ไม่เห็นว่าเขาทำหน้ายังไง และถอยรถออกไปจากที่ตรงนั้นตอนไหน เธอเดินมาหน้าแดงมาเรื่อยๆ ผ่านห้องน้ำผู้หญิง และเกือบจะผ่านทางเข้าประตูห้องน้ำผู้ชาย อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงประตูร้าน แต่กลับต้องมาชะงักเพราะเสียงใครบางคนซึ่งยืนสูบบุหรี่อยู่เสียก่อน “นั่นใคร แฟนหรือ?”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD