ช่วงเวลานี่นี้..ขอจุดเทียนให้ติด

2352 Words
R : อยู่หน้าร้านแล้วครับ เพียงแค่เสียงแจ้งเตือนครั้งเดียว บวกกับข้อความสั้นๆกลับมีอิทธิพลมากมายถึงขนาดสามารถเขย่าหัวใจกันได้ขนาดนี้ ทันทีที่ซีนีนเปิดอ่านข้อความ ขาของเธอก็ก้าวถอยไปยืนแอบอยู่หลังประตูห้องสโตร์อัตโนมัติ เมื่อตั้งสติได้จึงค่อยๆชะโงกหน้าออกมา ขึงตากว้างหลังเห็นรถคันหนึ่งจอดอยู่หน้าร้าน จริงเหรอเนี่ย? ภายในสมองทำงานหมุนเวียนความคิด ความตื่นเต้นรับรู้ทางเส้นประสาทมือที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ไม่นานประตูรถก็เปิดฝั่งคนขับก็เปิดออก ความระทึกไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น เขาเดินลงมาอย่างมั่นใจต่างหากที่ทำให้เธอประหม่ามากขึ้น เธอมองเขาตั้งแต่เดินลงมาจากรถจนเข้ามาในร้านอย่างพินิจพิเคราะห์ และเมื่อเห็นความแตกต่างตั้งแต่แรกเริ่ม สีหน้าที่มั่นใจของเธอสลดลงทันที ด้วยในร้าน ณ ตอนนี้ไม่มีใครสักคน เพื่อนร่วมงานที่เข้ากะคู่กันเกิดไปห้องน้ำ เธอจึงจำเป็นต้องก้าวออกไป ใจนึกไปถึงหน้ากากอนามัยที่ครอบปิดปากและจมูกตอนนี้ยังอยู่ดีไหม ไม่ใช่เพราะกังวลถึงความปลอดภัยเกี่ยวกับโรคติดต่อที่กำลังแพร่ระบาด แต่คือความประหม่าหนักผลของการไม่มั่นใจในตัวเองที่จู่ๆก็โผล่ขึ้นมา “เอ่อ..” ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้าย ในจังหวะจะอ้าปากพูดแล้วมีลูกค้าเดินเข้ามาในร้าน “สะ สวัสดีค่ะ” “อเมริกาโน่ร้อนแก้วนึงค่ะ” “ได้ค่ะ” หญิงสาวส่งเสียงตอบรับลูกค้า แต่หันไปสบตาวรุต เป็นเชิงให้เขาหาที่นั่งก่อน และปล่อยให้เธอเป็นอิสระอยู่กับอาการปากสั่นมือสั่นแทบจะควบคุมไม่ได้ชั่วคราว “ขอโทษนะคะ เพิ่มมอคค่าเย็นอีกหนึ่งค่ะ” “ได้ค่ะ” “สแกนจ่าย” “ค่ะ รบกวนลูกค้ารอQRขึ้นสักครู่นะคะ” ถึงจะประหม่าถึงขั้นตักน้ำแข็งใส่แก้วยังสั่น แต่ก็ใช่ว่าจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่เป็นจนพัง หญิงสาวควบคุมตัวเอง ให้สมกับที่เป็นมืออาชีพ ถูกฝึกมาอย่างดีเพื่องานบริการโดยเฉพาะ ทั้งที่ใจตอนนี้เต้นแรงแทบจะทะลุทรวงอก และรับรู้ด้วยสัญชาตญาณว่าคนคอยกำลังจ้องอยู่ตลอด ใช่ เธอกำลังตกเป็นเป้าสายตาของเขา ฉะนั้น ยิ่งเห็นอย่างนั้นก็ยิ่งต้องรีบดึงสติตัวเองกลับมา อย่าให้เขาได้รู้ทัน หรือจับได้ว่าเพียงแค่เวลาสั้นๆกับการมาเยือนของเขา ทั้งที่ยังไม่ทันได้คุยกัน กลับทำเธอเสียอาการมากไปแล้ว ซีนีนใช้เวลาในการรับลูกค้าคนดังกล่าวด้วยเวลาไม่นาน เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เพื่อนของเธอมาพอดี เธอลอบพ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปหาเขา “ว่างแล้วเหรอครับ” “ค่ะ เพื่อนมาแล้วค่ะ ไปเซวุ่นด้วยกันไหมคะ” เชื่อว่านี่จะเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้เธอหายประหม่าได้ คือการเดินชน เพื่อจะได้จบๆ “ได้ครับ” วรุตพยักหน้า ลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง พลางเดินไปรอที่ประตูทางออก ส่วนเธอขอเดินมาหยิบโทรศัพท์ และบอกเพื่อนก่อน “จิง เราจะไปเซวุ่นนะ เอาอะไรไหม” *จิง เพื่อนร่วมงานอีกคนหนึ่งของเธอส่ายหน้า แต่สายตาไม่ได้มองหน้าคนพูด หล่อนมองไปยังคนที่ยืนอยู่ตรงประตู ก่อนหันมองเธออีกที นีรไม่รอให้เพื่อนได้มีโอกาสซักถาม ในสิ่งที่รู้อยู่แล้วต่อความสงสัยที่เพื่อนมีอยู่ แต่เลือกที่จะเดินออกมาเลย ท่ามกลางการมองอยู่ของเพื่อนร่วมงาน “ทานอะไรมาหรือยังคะ” ทั้งคู่เดินตีคู่กันมา และเธอเป็นฝ่ายถามเขาก่อน เนื่องจากตัวเองกำลังไปหาอะไรกิน “ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวช้อนตาขึ้น มองคนพูดกับประโยคที่ไม่คุ้นหูนัก “หนูพักที่ไหนคะ” ถามถึงที่พัก? เมื่อไหร่ที่นีรเกาหูหรือท้ายทอยนั่นแปลว่าเธอกำลังเขินอาย ซึ่งตอนนี้เธอกำลังทำเช่นนั้นอยู่ “ที่ xxx ค่ะ เกือบถึงสนามบิน” “แล้วมาทำงานถึงนี่? ทำไมไม่ทำสาขาที่นั่นละคะ องค์กรเดียวกันไม่ใช่เหรอ” “ตอนมาเขียนใบสมัครเป็นที่นี่ค่ะ แต่ตอนนั้นที่นี่กำลังก่อสร้าง หนูเลยต้องฝึกงานและอบรมที่นั่นก่อน คิดว่าคงอยู่ที่นั่นยาว เลยเช่าหอ แต่ไปๆมาๆ ยังไงก็ไม่รู้ พอสร้างเสร็จกลับถูกย้ายมาอยู่ที่นี่ ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น” “แล้วทำไมหนูไม่ย้ายหอตามละคะ” “เคยคิดแบบนั้นค่ะ มีมาดูๆไว้บ้าง แต่พอเทียบค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนแล้ว คิดว่ายอมเสียค่าน้ำมัน เสียเวลาเดินทางจะคุ้มกว่า” “ที่พักแพงเหรอคะ” “ใช่ค่ะ คงจะหายไปสี่ห้าพัน ถ้ามาอยู่แถวนี้” เธอกับเขาเดินคุยกันจนถึงเซวุ่น ทันทีที่เข้าไปในนั้นทั้งคู่ก็ตกเป็นเป้าสายตาของพนักงาน เธอเดินนำเขาไปยังโซนของกิน และเข้าใจไปเองว่าเขาจะรออยู่ตรงหน้าแคชเชียร์ แต่เปล่าเลยกลับเดินตามเธอมาด้วย สาวเจ้าชะงักกัดริมฝีปากล่างภายใต้แมส ประหม่าหนักจนเลือกของกินไม่ถูก และถ้าเขาสังเกตจะเห็นว่ามือเธอสั่น ซีนีนดึงมันเข้ามากุมกันไว้ มองเขาอีกครั้ง “พี่..ไม่กินอะไรจริงๆเหรอคะ เดี๋ยวหนูจ่ายเอง” “ไม่เอาค่ะ” เขาส่ายหน้า ดวงตาแสดงออกให้รู้ว่าภายหน้ากากอนามัยนั้นเขาเองก็ยิ้มอยู่เช่นกัน หญิงสาวพยักหน้านึกถึงเพื่อนร่วมงานที่ถูกเธอทิ้งไว้ตามลำพังคนเดียวแล้วรู้สึกเกรงใจ จึงหยิบอะไรก็ได้ที่ใกล้มือที่สุดมาหนึ่งอย่าง “ได้แล้วค่ะ” “อย่างเดียว?” “ใช่ค่ะ มีกาแฟฟรีที่ร้าน” “อ่าฮะ เยี่ยมเลย” ซีนีนรับรู้ถึงการถูกจับตามองแบบไม่ต้องหันไปดู ความประหม่าจึงยิ่งสูงขึ้น เธอก้มหน้าก้มตาจ่ายเงิน ก่อนจะหันมาพยักหน้าให้กับเขา “ขอบคุณค่ะ โอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะ” “ขอบคุณนะคะ ไปกันเถอะค่ะ” ขากลับเหมือนจะเดินเร็วกว่าปกติ เนื่องจากตอนนี้อยู่ในช่วงเวลางาน และเพื่อนของเธอนั้นอยู่ตามลำพัง หากลูกค้าเข้ามาพร้อมกันทีเดียวอาจถูกร้องเรียนได้ จึงกลายเป็นว่าตอนนี้หญิงสาวเดินนำหน้าเขาไป แต่เพราะกลัวเขาจะไม่ประทับใจตั้งแต่ครั้ง เลยหมุนตัวกลับมาประจันหน้ากับเขา เปลี่ยนเป็นเดินถอยหลังแทน และเหมือนการกระทำนั้นจะทำให้เขาหัวเราะได้ “หัวเราะอะไรคะ” “ทำไมไม่เดินดีๆ” วรุตหมายถึงการเดินขนาบข้างตีคู่ไปด้วยกันเหมือนตอนขามา ซีนีนไม่ตอบแต่ยื่นแขนมาตรงหน้าแทน “ดูดิ หนูมือสั่น” “สั่นเพราะ..” “ประหม่าพี่” “ฮ่าๆๆ หนูก็เก็บอาการเอาสิคะ” หญิงสาวเลิกคิ้วสูง สูดลมหายใจเข้าปอดสุดลึก และพ่นออกมาอย่างช้าๆ เป็นการควบคุมตัวเองได้ดีเชียว จังหวะนั้นหลุบตาต่ำมองไปยังลำตัวของเขาพอดี ก่อนขึงตากว้างเล็กน้อย เมื่อเห็นรอยสักที่แขน ความแปลกใจไม่ได้อยู่ตรงจุดนั้น แต่อยู่ที่การกระทำของเขา ที่ตอนนี้มือทั้งสองข้างเข้าไปอยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์เรียบร้อยแล้ว เขาเองก็ประหม่าไม่ต่าง “ดื่มกาแฟไหมคะ” เธอเอ่ยถามเมื่อใกล้จะถึงร้าน ชายหนุ่มมองผ่านตัวเธอเข้าไปข้างใน เมื่อเห็นคนเริ่มเยอะจึงส่ายหน้า “พรุ่งนี้ดีกว่าค่ะ ก่อนไปทำงานพี่ค่อยมาแวะ” พรุ่งนี้? หมายความว่าจะมาอีกสินะ ซีนีนอมยิ้ม พลางพยักหน้าตอบ “จะกลับเลยใช่ไหมคะ” “คือหนูต้องทำงานต่อ?” “ใช่ค่ะ” “อ่าฮะ...งั้นก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้วค่ะ” ทันทีที่เขาพูดจบ เธอจึงเปลี่ยนทิศทางที่จะเดินกลับเข้าร้านไปในตอนแรก เป็นหันไปทางรถที่จอดอยู่ของเขาแทน ก่อนจะโบกมือลาให้ “ขับรถดีๆ นะคะ” “โอเคค่ะ” ส่วนเขาไม่ได้ทำเช่นนั้นตอบ เพราะมือยังคงอยู่ในกระเป๋ากางเกงจนกระทั่งเดินจากไป ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง มีข้อความแจ้งเตือนจากเขา นีรเหลือบตามองแต่ไม่ได้เปิดอ่านในทันที เพราะรู้ว่าเป็นเขาจึงรอให้ถึงเวลาพักเบรคก่อน R : เป็นยังไงบ้างคะ N : เรื่องอะไรคะ ถ้าที่ร้านตอนนี้ลูกค้าเยอะมากค่ะ หนูเพิ่งจะได้พักกลางวัน R : ก็แปลว่ากินข้าวแล้ว? N : แกะกล่องกำลังจะกินค่ะ R : แล้วเรื่องที่เราเจอกันละคะ เป็นยังไงบ้าง ซีนีนกลอกตาไปมา ทบทวนคำถามนั้นซ้ำๆ ภาพเหตุการณ์เมื่อเช้าไหลเข้ามาในหัว เธอแทบจะจำอะไรไม่ได้เลยเพราะมัวแต่ประหม่า นอกจากกลิ่นน้ำหอมและรอยสักที่เห็น R : เงียบเลย หนูไม่โอเคเหรอคะ หญิงสาวกะพริบตาถี่ ก่อนจะยิ้มออกมา N : เป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสักได้ด้วยเหรอคะ R : ว่าแล้วต้องถามเรื่องนี้ มันอยู่ใต้ร่มผ้าค่ะ ไม่ได้โผล่ออกมา ไม่พูดเปล่า เขาส่งรูปแผ่นหลังของตัวเองมาด้วย ซึ่งบนนั้นมีแต่รอยสักด้วยรูปต่างๆเต็มไปหมด “หือ...โคตรเท่” หญิงสาวพึมพำ วางโทรศัพท์ลงชั่วคราวเพื่อแกะกับข้าว จังหวะนั้นจิงเดินเข้ามาพอดี “ใครอ่ะ” หล่อนชะโงกหน้ามามองจอ “คนเมื่อเช้าเหรอ” นีรจึงปิดล็อคโทรศัพท์ทำทีไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่นั่นกลับเป็นสิ่งที่มีพิรุธ จิงหัวเราะและบอกเพื่อนร่วมงานอีกคนหลังเดินออกจากห้องสโตร์ไป “เมื่อเช้าไอ้นีรมันพาผู้ชายไปเซวุ่น” “จริงเหรอ” *ซ่า เพื่อนร่วมงานและอยู่ในตำแหน่งผู้จัดการเบิกตากว้าง เอามือตะปบปากไม่อยากจะเชื่อ นีรเห็นอย่างนั้นจึงถอนหายใจ ไม่เปิดอ่านข้อความกับวรุตอีก จนกระทั่ง..เลิกงาน ข้อความเมื่อตอนเที่ยงถูกคาทิ้งไว้แค่นั้น ซีนีนจึงสานต่อด้วยประโยค.. N : ลุงหมอมาเฟีย ไม่นานเขาก็ตอบกลับมา R : นึกว่าไม่โอเค เห็นเงียบไป N : งานยุ่งนิดหน่อยค่ะ นี่ ถึงหอแล้วคุยได้ อย่างที่เธอบอกเขา เลิกงาน เดินทางถึงที่พัก และอยู่ในช่วงพักร่างกายจึงคุยได้ เธอเก็บของโน่นนี่นั่นที่ทำรกเกลื่อนไว้เมื่อเช้าก่อนไปทำงานให้เข้าที่ระหว่างคุยกับเขา แต่ไปๆมาๆแลดูท่าจะต้องอยู่ที่เดิมแบบนั้นจนกว่าจะค่ำ เมื่อคนในแชทเริ่มสำคัญกว่าทุกสิ่ง หญิงสาวเปลี่ยนจากการเก็บกวาดข้าวของในห้อง เป็นกระโดดขึ้นไปนอนคว่ำบนที่นอนแทน จดจ่อแต่แชทของเขาแค่อย่างเดียว R : เรื่องรอยสัก หนูโอเคใช่ไหมคะ N : โอเคสิ ทำไมอ่า มันคือร่างกายของพี่ เธอตอบอย่างตรงมา อีกฝ่ายเงียบอึดใจ ก่อนจะพิมพ์กลับมาใหม่ R : งั้นจีบนะ ซีนีนที่นอนคว่ำเท้าเกว่งไปเกว่งมาถึงกับเปลี่ยนท่า ลุกขึ้นมานั่งพับเพียบ “ใจเย็นก่อนพ่อหนุ่ม..” พูดเสียงเข้มกับตัวเอง ต่างกับหน้าตาที่มีรอมยิ้มบนใบหน้า N : จีบเลยเหรอ? R : ใช่ ได้ไหมคะ N : ทำไมถึงอยากจีบหนู R : อยากคบกับผู้หญิงธรรมดาบ้าง N : แล้วที่ผ่านมาคือตัวอะไร? R : ฮะ? 5555555 เขาพิมพ์เลขห้ากลับมา คนอ่านขมวดคิ้วเล็กน้อย ข้างในใจลึกๆรู้สึกไม่พึงพอใจเท่าไหร่ แต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น สิ่งนี้ไม่มีน้ำหนักมากพดที่จะให้เขาถูกเธออคติ N : ขำเฉย คนยังไงคะ R : นางฟ้ามั้งคะ “โห ตูดูต่ำต้อยไปเลย...” ซีนีนกัดปากตัวเองแน่น พิมพ์ประโยคนึงกลับไป N : อะๆ ถ้าพวกเขาเป็นนางฟ้าแต่หนูเป็นฮองเฮานะ R : หืม ร้ายยยยย เธอเอนตัวนอนและกลิ้งไปกลิ้งมา รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนหลุดยิ้ม หญิงสาวไม่มีมุมนี้ในชีวิตมานานแล้ว นับตั้งแต่ถูกแฟนเก่าทิ้งไป ทันทีที่หายอกหักเธอก็เอาเวลาที่มีทั้งหมดทุ่มเทกับงาน N : ว่าแต่ลุงหมอ โสดเหรอคะ R : ถามแบบนี้แสดงว่าหนูคลิกกับพี่ใช่ไหมคะ N : มันเป็นเรื่องที่ควรถามไม่ใช่เหรอ คราวนี้เขาส่งข้อความตอบกลับมาเป็นรูปภาพ ทันทีที่นีรเห็น เธอถึงกับแน่นิ่ง มองเอกสารแผ่นนั้นตาค้าง ทะเบียนการหย่า... ทั้งที่ตกใจ แต่สัญชาตญาณกลับสั่งให้เธอขยายภาพไปตรงชื่อสกุลและวันที่ เมื่อเห็นว่ายังไม่นานจึงยกมือขึ้นปิดปาก “เฮือก เพิ่งจะหย่ากันสามเดือนเอง” ทว่าพอคิดจะบันทึก กลับพบว่าสิ่งนั้นถูกลบ R : อย่าเก็บเอาไว้ในแชทเลยค่ะ มันไม่ดีไปแล้ว “อ้าว...” หญิงสาวถึงกับเงิบ ในหัวมีประโยคว่าอะไรว้า~ และเลือกที่จะถอนหายใจช่างมัน N : พี่เพิ่งจะหย่า คือไม่คิดจะพักใจก่อน? ไม่เจ็บปวดเลยเหรอ R : พี่เจ็บมาเยอะแล้ว เจ็บจนไม่รู้จะเจ็บยังไงแล้ว ตอนนี้อยากมูฟออน N : ถ้าพี่คิดจะมูฟออนได้ก็ดี แต่คุณลุง มันไม่มีใครแทนที่ใครได้นะ R : พี่ไม่ได้ให้หนูมาแทนที่เขาค่ะ ตอนนี้ที่ติดต่อกันก็เฉพาะเรื่องลูกเท่านั้น แค่ให้พี่ได้ไปหาลูกบ้าง ฟึ่บ! จากนั้นเขาก็ส่งรูปลูกสาวมา ซีนีนที่เพิ่งจะหายตกใจ ถึงกับนั่งนิ่งเป็นครั้งที่สอง : อย่าลืมกด❤️ ให้กั้งนะคะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD