ช่วงเวลานี่นี้....รู้สึกตัวเล็ก

1484 Words
“วันพฤหัสนะนีร” “โห น่าเสียดาย” “ฮ่าๆๆ เป็นวันศุกร์ก็ไม่ได้เนอะ แล้วไหวไหม” “ไหวค่ะ” “กลับดึกนะ” “ค่ะ ยังไงก็ไหว” ซีนีรพยักหน้า ขณะกำลังยืนรีดผ้าอยู่ในร้านซักอบรีด มิลินยิ้มตอบก่อนจะยกนิ้วให้ “เยี่ยมจ้ะ พี่จะไปรับเราที่ทำงานสี่โมง อย่าลืมเอาชุดมาเปลี่ยน” “ได้ค่ะ” “โอเค เจอกันนะนีร” วันพฤหัสบดี 16:04 นาที เจ้าของร่างบางกึ่งเดินกึ่งวิ่งมายังรถญี่ปุ่นคันเล็ก ซึ่งจอดรออยู่ได้สักพักด้วยหน้าตาเคร่งเครียด “ขอโทษค่ะพี่ ลูกค้าเยอะมากเลย นีรปลีกตัวออกมาไม่ได้” “ไม่เป็นไรจ้ะ อย่าลืมคาดเข็มขัด” ก่อนรถจะค่อยๆถอยออก และแล่นออกจากลานอย่างเร็วเพราะเกินเวลานัด มิลินยังคงยิ้มแฉ่งไม่มีแม้แต่หน้านิ่วคิ้วขมวด ทั้งที่กำลังควบคุมรถด้วยความเร็วเกินระดับพอดี ต่างจากคนนั่งข้างที่ก้มหน้าก้มตา วุ่นวายอยู่กับการขยับชุดเดรสสีกรมโชว์แผ่นหลังในตอนนี้ “ใส่ได้พอดีไหม” “หลวมนิดหน่อยค่ะ เพราะนีรไม่มีนมเหมือนพี่” “ฮ่าๆๆ เหรอ~” ชุดที่เธอสวมอยู่เป็นชุดของมิลิน ที่มีไว้สำหรับใส่ออกงาน ซึ่งเหมาะกับงานเย็นนี้ที่รับไว้สุดๆ เธอยกให้ซีนีร ต้องการให้หล่อนออกมาสวย คู่ควรกับงานที่หล่อนรับ ในนั้นมีแต่แขกสวมชุดราตรีและใส่สูทด้วยกันทั้งนั้น การจะให้ซีนีนแต่งตัวตามใจชอบ หรือตามสไตล์ที่หล่อนแต่งประจำ คงดูไร้กาละเทศะจนเกินไป และแน่นอน มันน่าทึ่ง เธอทำออกมาได้ดีมาก ดีซะจนมิลินที่กำลังหงุดหงิดในทีแรกยอมขจัดอารมณ์นั้นทิ้งได้ ติ๊ง! R : เลิกงานแล้วใช่ไหมคะ N : เลิกแล้วค่ะ R : ไม่เห็นส่งมาบอกพี่เลย N : หนูยุ่งๆอะค่ะ นี่ก็กำลังจะไปทำงานต่อ วันนี้ไปถ่ายรูปนะคะ R : ถ่ายรูปคือ? N : ยังไม่รู้เลยค่ะ เพิ่งทำวันแรก เดี๋ยวถึงแล้วหนูจะเล่าให้ฟัง ห้าโมงกับงานที่กำลังจะเริ่มขึ้น ตรงหน้าของซีนีนคือโต๊ะกลมและเก้าอี้ที่มีพนักมากมาย ซึ่งทุกตัวล้วนแต่มีปลอกสีขาวหุ้มทั้งสิ้น ผูกด้วยโบว์สีเหลืองดูสะอาดตา ถัดไปไกลอีกเป็นเวที ขนาดกลางตกแต่งด้วยม่านสีเดียวกัน และถูกเติมเต็มความเป็นผู้ดีด้วยคริสตัลระย้า ร่างบางซึ่งยืนด้วยท่าทางที่อ่อนน้อมถ่อมตนมองภาพตรงหน้าผ่านแววตาที่ขึงขึ้น ม่านตาขยายกว้างบ่งบอกให้รู้ว่าสิ่งนั้นกำลังทำให้ใจเธอลำพอง “น้อง...นีร ใช่ไหมครับ” เสียงทุ้มของผู้ชายคนหนึ่งเรียกอยู่ข้างหลัง เธอหันขวับทันทีที่ได้ยิน มือคู่ผสานกันด้วยความประหม่า พอรู้ว่าเป็นผู้ว่าจ้าง มือที่ผสานกันหลวมๆก็ประกบแนบ โน้มตัวลงมา “ใช่ค่ะ” “พี่เบียร์นะฮะ มิลินบอกหนูแล้วใช่ไหมครับ” หญิงสาวพยักหน้า ชะเง้อมองหามิลิน เมื่อเห็นหลังหล่อนเดินเร็วๆ ยุ่งอยู่กับแขกอยู่แถวโซนหน้า จึงกลั้นหายใจ จะต้องฉายเดี่ยวกับคนแปลกหน้าสินะ? “เอ่อ..หนูต้องทำอะไรบ้างคะคุณเบียร์” “โห เรียกพี่เถอะ คนกันเอง อะนี่ไม่ยาก ดูนะ..” เขายื่นบางอย่างมาให้เธอ เมื่อเห็นว่าเป็นเข็มกลัดสำหรับติดหน้าอกจึงเงยหน้า “หนูติดอันนี้ไว้ก่อน แขกจะได้รู้ว่าคือเรา เดี๋ยวพี่จะไปถ่ายรูปรอบๆนะ หนูก็ยืนอยู่ตรงบูธ พี่จะทะยอยส่งไฟล์ภาพมา ภาพที่พี่ถ่ายมันจะรันอยู่บนหน้าจอนี้ไปเรื่อยๆ ถ้ามีแขกสนใจจะซื้อ หนูก็แค่กดปลิ้นตรงนี้ พอปลิ้นเสร็จก็ใส่ถุงให้เขา ยากไหมคะ” “มะ ไม่เท่าไหร่ค่ะ” “เอาน่าทำได้อยู่แล้ว แรกๆก็งี้แหละ ตื่นเต้นปกติ โอเค เริ่มได้เลยนะครับ ถุงอยู่ตรงนี้นะ” ซีนีนพยักหน้า ตอบรับเขาเสียงเบาด้วยความประหม่า ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดสุดลึกทันทีที่เริ่มทำงาน อย่างที่ผู้ว่าจ้างเธอว่า แรกๆรู้สึกตื่นเต้น แต่พอนานไปแล้วเริ่มคุ้นชิน มันก็สนุกดี เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์กึ่งถูกบังคับ งานบริการบวกกับการเอ็นเตอร์เทน คนปรับตัวเก่งเข้าได้ทุกสถานการณ์อย่างเช่นเธอมักทำได้อยู่แล้ว เรียกได้ว่าเอาอยู่แบบไม่ต้องกำหมัด จนกระทั่ง.. เข้าสู่เวลาสี่ทุ่ม ติ้ง! R : พี่จะนอนแล้วนะคะ หนูทำอะไรอยู่ กับแจ้งเตือนหนึ่ง ซึ่งจะถูกทิ้งไว้จนเช้ากว่าจะถูกเปิดอ่าน สาเหตุเพราะเจ้าของโทรศัพท์ไม่มีเวลาแม้แต่จะล้วงจากกระเป๋าย่ามขึ้นมาถือไว้ เนื่องจากลืมไว้ในรถมิลิน “นีรเหรอ?” เสียงทุ้มหนึ่งดังขึ้นข้างๆ เจ้าของชื่อหันขวับไปมอง ทันทีที่เห็นถึงกับขึงตากว้าง “คะ?” นี่มัน.. “นีรจริงๆด้วย” ลูกค้าคาปูชิโน่เพิ่มหวาน “เอ่อ...” “มาอยู่นี่ได้ไงเนี่ย” เธอไหมต้องเป็นฝ่ายถาม มาทักเธอทำไมกัน เขาควรจะหยิ่งเหมือนลูกค้าคนอื่นทั่วไป ในทุกยามที่เดินสวนหรือพบเจอ เพราะสำหรับพวกเขาเหล่านั้น เธอเป็นแค่พนักงานต๊อกต๋อย “มาทำงานค่ะ” เธอตอบสั้นๆ ไม่กล้าสบตาเขาเท่าไหร่นัก หันมองไปรอบๆก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ แต่เหมือนคนทักทายจะไม่รู้ว่านี่เป็นการแสดงออกของความอึดอัด “งาน? งานเสริมเหรอครับ ขยันนะเนี่ย” ชายหนุ่มยิ้ม มองชุดที่เธอใส่ ในแววตาทั้งคู่เปี่ยมไปด้วยคำชม ที่ไม่ใช่แค่คำก่อนหน้าที่เขาพูด “ค่ะ ขอบคุณค่ะ” “ว่าแต่...” “พี่คะ หนูทำงานอยู่” หญิงสาวชิงพูด เริ่มชักสีหน้าไม่พึงพอใจ เตรียมหมุนตัวเดินหนี แต่กลับถูกดึงแขนไว้ “ก็ทำไปสิ ส่วนพี่จะเอารูป” เขาชี้ไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ ที่บนนั้นเป็นรูปเขาพอดี มีทั้งรูปเดี่ยว และหมู่คณะ สาวเจ้าเหลือบขึ้นมองตาม ทันทีที่เห็นถึงกับถอนหายใจพรืด “ได้ค่ะ” บรรยากาศตอนนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น งานที่ทำอยู่ก็สนุกและง่าย ติดอยู่อย่างเดียวคือเขาที่เธอเจอ ทำให้รู้สึกประหม่ามากขึ้นกว่าเดิม เพราะนอกจากจะทำให้เธอไม่มีสมาธิในการทำงานจากการมองมาเป็นระยะของเขาแล้ว ความแตกต่างระหว่างกลุ่มชนชั้น ปั่นประสาทให้ต้องรู้สึกด้อย เขาดูรวย ทั้งสิ่งแวดล้อมที่มีและบุคลิกภาพของการวางตัว เหตุใดถึงได้ลดตัวลงมาเล่นด้วย ทั้งที่เธอดูไม่เหมาะสม นั่นจึงเป็นหนึ่งในสัญชาตญาณว่าเขาต้องการหลอกลวง “ทำได้ดีมากน้อง อันนี้ค่าจ้าง” ธนบัตรใบสีเทากับสีม่วงถูกยื่นมาตรงหน้า ซีนีนที่กำลังขะมักขะเม้นกับการเก็บของชะงักกึก เธอเอียงคอเล็กน้อยให้กับภาพนั้น “คะ?” “ห้าร้อยนี่ทิป พี่ให้ แลกกับรอยยิ้มของน้อง พี่รู้นะว่าน้องฝืน แขกวันนี้เรื่องมากจะตาย น้องเก่งมาก” ถึงจะเกรงใจและชอบถ่อมตน แต่การปฏิเสธหรือพูดทำนองว่าไม่หรอกค่ะ ไม่เป็นไร คงดูโง่ไปสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มพูนเงิน เธอมาที่นี่เพื่อสิ่งนี้ และการได้เงินเกินจำนวนว่าจ้าง สำหรับเธอแล้วมันคือกำไรล้วนๆ “ขอบคุณค่ะพี่เบียร์” มือน้อยๆยื่นไปดึงมาถือไว้ พร้อมรอยยิ้มแฉ่ง “ไว้คราวหน้าพี่จะเรียกหนูมาอีก ว่าแต่กลับบ้านยังไง” “กับพี่มิลินค่ะ” “โอเค งั้นกลับดีๆนะ” “ค่ะพี่” ตรงลานจอดรถ มิลินที่เดินมาพร้อมกันกับเธอ แต่นำไปขึ้นรถเพื่อที่จะถอยรถมารับ ปล่อยหญิงสาวยืนรออยู่ตามลำพังอยู่ตรงทางขึ้นหน้าตึกงาน จังหวะนั้นมีรถคันหนึ่งแล่นออกมา และชะลอช้าต่อการขับเคลื่อนเพื่อต้องการหยุดตรงหน้าเธอชั่วคราว ทันทีที่กระจกฝั่งที่นั่งของคนขับเลื่อนลง สาวเจ้าถึงกับตัวแข็งทื่อ “นีร กลับบ้านยังไงครับ” เป็นผู้ชายคนเดิมที่ทักทายเธอในงาน และเป็นลูกค้าประจำที่ร้านคนนั้นอีกแล้ว “กลับกับพี่เขาค่ะ” เธอกลืนน้ำลายลงคอ ชี้ไปยังรถที่กำลังแล่นเข้ามา เมื่อเขาเห็นว่าเป็นเขาที่กำลังจอดขวางทางคันนั้นอยู่ จึงพยักหน้าให้ “โอเคครับ งั้นกลับดีๆนะ” แล้วเคลื่อนรถต่อไป แต่พอสาวเจ้าขึ้นรถกลับพบว่าเหตุการณ์ที่ว่ากำลังจะถูกสานต่อ ด้วยคำถามมากมายของมิลิน “คนนั้น จะจีบนีรสินะ” “คะ?”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD